ศักดิ์ศรีของคุณราคาเท่าไหร่?
หลังจากรัสเซียประกาศขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด19 เป็นประเทศแรกของโลก
ท่ามกลางความกังวลเรื่องความปลอดภัยจากผลข้างเคียง เนื่องจากยังไม่ผ่านการ
ทดลองในเฟสที่ 3 อย่างไรก็ตามการที่ปูตินกล้าทดสอบวัคซีนกับลูกสาวของตนก็
สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ไม่น้อย เพราะทางรัสเซียได้เปิดเผยว่ามียอดสั่งซื้อ
วัคซีนจากประเทศต่าง ๆ ถึง 20 ประเทศ
และการที่เพจของประธานาธิบดีปูตินโพสต์ภาพท่านผู้นำสะพายวัคซีนควบหมี
สีน้ำตาลอย่างสง่างามที่จะสื่อว่ารัสเซียเป็นฮีโร่ผู้กอบกู้โลกจากวิกฤตครั้งนี้ อีกทั้งชื่อของวัคซีนนั้นคือ Sputnik-V ยังมีที่มาจากชื่อของดาวเทียมดวงแรกของโลกที่ส่งขึ้นไปบนอวกาศ ซึ่งเป็นของสหภาพโซเวียต จึงถือได้ว่าเป็นการประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ของรัสเซีย
แน่นอนว่าหลังจากนี้ประเทศอื่น ๆ คงจะต้องเร่งผลิตวัคซีนกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
อย่างเช่นสหรัฐที่โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าการวิจัยวัคซีนจะประสบความสำเร็จก่อน
การเลือกตั้งในปลายปีนี้
การแข่งขันเพื่อพัฒนาวิทยาการอย่างเข้มข้นของเหล่าประเทศมหาอำนาจนี้ ผลักดันให้บุคคลากรทางการแพทย์และเภสัชกรทั่วโลกต้องชะลองานวิจัยอื่น ๆ ไว้ก่อน เพื่อที่จะทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดในการวิจัยวัคซีนโควิด19 ก็ถือเป็นข่าวดีที่จะช่วยเร่งให้มีวัคซีนที่ใช้ได้อย่างแพร่หลายทั่วโลกได้รวดเร็วขึ้นมากกว่าเดิมเป็นประโยชน์ต่อ
มวลมนุษยชาติอย่างยิ่ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกประเทศมหาอำนาจต่อสู้กันเพื่อคิดค้นวิทยาการใหม่ ๆ แต่ก็ใช่ว่าทุกครั้งที่มวลมนุษยชาติจะได้ประโยชน์แบบนี้
เพราะในอดีตสมัยสงครามเย็นนั้นสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตนั้นมีการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อแข่งขันกันเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการทหาร การสำรวจอวกาศ
และด้านอื่น ๆ
ส่งผลเศรษฐกิจในภาพรวมของโลกนั้นอยู่ในภาวะซบเซา เนื่องจากการจัดสรรงบ
ประมาณที่ไม่เหมาะสม โดยมีการแบ่งงบจำนวนมากเพื่อโครงการเกี่ยวกับการ
พัฒนาอาวุธและอวกาศ ส่งผลให้หน่วยงานในภาคส่วนอื่น ๆ ขาดสภาพคล่องอย่างหนักจนอยู่ในสภาวะที่การเงินเปราะบาง และสุดท้ายเพียงแค่ความผันผวนของราคาน้ำมันก็สามารถทำให้สหภาพโซเวียตอันยิ่งใหญ่ล่มสลายลงได้
แน่นอนว่าการเป็นประเทศผู้นำทางเทคโนโลยีนั้นจะนำมาซึ่งอำนาจ ความน่าเกรง
ขาม และผลประโยชน์ในด้านต่าง ๆ มากมาย แต่มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าสุดท้ายเศรษฐกิจภายในประเทศที่เป็นรากฐานของทุกอย่างนั้นย่ำแย่ ก็อาจทำให้ทุกสิ่งที่ทำมาแทบไม่มีความหมายอะไรเลย
ผมเคยพูดถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมอย่าง "ความน่าเชื่อถือ" (หรือเครดิต) ว่ามันมีค่ามากมายมหาศาล แต่นอกจากนั้นแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนยอมจ่ายเงินให้มันอย่าง
บ้าคลั่งนั่นก็คือ "ศักดิ์ศรี"
บางครั้งคุณอาจยอมจ่ายเงินมากเกินความจำเป็นเพราะคำว่า "ศักดิ์ศรี"
จนมีสุภาษิตที่ว่า “เสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้"
เช่น หลายคนมีรายได้ลดลงจากผลกระทบของโควิด19 แต่ไม่สามารถลดรายจ่ายลงได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายจำเป็นที่ไม่สามารถลดได้ แต่บางรายการนั้นอาจเป็นรายจ่ายที่ไม่สามารถลดได้เพราะศักดิ์ศรีก็ได้นะครับ
ลองทบทวนดูไหมครับ ว่าเพื่อน ๆ เคยจ่ายเงินให้กับศักดิ์ศรีกันหรือเปล่า มากน้อย
แค่ไหน หรือว่าบางทีอาจเป็นการยอมเสียศักดิ์ศรี เพื่อความอยู่รอดก็ได้ เพราะก็ยังมีอีกสุภาษิตที่ว่า “ศักดิ์ศรีกินไม่ได้”
สำหรับเพื่อน ๆ แล้ว ศักดิ์ศรีมีค่ามากแค่ไหน พอจะประเมินเป็นราคาได้ไหมครับ?
ลองคิดกันสนุก ๆ ในวันหยุดนะครับ
.
แอดปุง
- 5
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
