22 ส.ค. 2020 เวลา 03:30
จักรวาลเรื่องเล่าจากชมรมศิลป์ : #1
แท้จริง...คือ...คุณค่าทางจิตใจ
"ระวังสิ้นสุดทางเลื่อน... End of the walk way..."
ประโยคคุ้นหูนี้ทำให้ผมต้องออกจากภวังค์ความคิด และรีบก้าวขาลากกระเป๋าใบเล็กออกจากทางเลื่อนของสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อไปยังประตูทางออกของเที่ยวบิน QR132 ที่ระบุอยู่บนบัตรโดยสาร
ถ้าประเทศไทยไม่ได้เป็น 1 ใน 10 ประเทศ Safe list ที่เดินทางเข้าอิตาลีได้โดยไม่ต้องกักตัว ผมก็คงมีข้ออ้างไม่ต้องเดินทางมาทำงานในครั้งนี้ แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ ผมก็เลยถือโอกาสเพิ่มวันเดินทางเพื่อจะได้พักผ่อนและชมสถานที่น่าสนใจบางแห่งที่น่าจะเป็นประโยชน์กับงานอีกชิ้นของผมด้วย
สองสัปดาห์ก่อนออกเดินทาง ผมมีนัดกับลูกค้าใหม่รายหนึ่งที่ต้องการให้ไปรับข้อมูลการเงินเพื่อใช้วางแผนให้กับครอบครัวของลูกค้ารายนี้ จากประสบการณ์ในอาชีพทำให้ผมคุ้นเคยกับรายการบัญชีสินทรัพย์ของลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นในรูปของเงินสด บัญชีเงินฝากต่างๆ พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ หุ้นบริษัทมหาชน ทองคำ เพชรพลอยเครื่องประดับ รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์และที่ดิน
แต่บัญชีทรัพย์สินในครั้งนี้กลับปรากฎรายการงานศิลปะสะสมหลายชิ้นด้วยกัน ลูกค้าบอกเพียงสั้น ๆ ว่างานศิลปะเหล่านี้เป็นมรดกที่ได้รับจากคุณพ่อที่เก็บสะสมมานานหลายสิบปี และลูกค้าไม่สามารถประเมินราคาในปัจจุบัน ทำให้ผมต้องขอเวลาศึกษาเกี่ยวกับการประเมินราคาทรัพย์สินที่เป็นงานศิลปะและของสะสมเหล่านี้ก่อนและคิดว่าจะขอนัดลูกค้าครั้งต่อไปในอีก 1 เดือนข้างหน้า
บ่ายวันเสาร์ เวลา 14.30น
Leonardo da Vinci International Airport
เที่ยวบิน QR 836 จากโดฮา ถึงจุดหมายตรงเวลาที่สนามบินนานาชาติหลักของโรม ผมผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองของอิตาลีอย่างรวดเร็ว และออกจากสนามบินด้วยความอ่อนเพลีย คืนนี้จะขอหลับยาวให้หายเพลีย พรุ่งนี้ค่อยคิดว่าจะไปทำอะไรกับเวลาว่าง 1 วันก่อนการประชุม
ครึ่งชั่วโมงถัดมา ผมมาถึงด้านหน้าโรงแรม Starhotels Michelangelo ที่พี่พีร์เจ้านายผมพูดปลอบใจตอนที่มอบหมายให้มาทำงานนี้แทนอย่างกระทันหันว่า "ครั้งนี้พี่ให้แกนอนโรงแรมหรู เดินไปแค่ 10 นาทีก็ถึงนครวาติกันเลยนะ 555" พอลงจากรถที่ด้านหน้าโรงแรมผมก็มองเห็นยอดโดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลนัก "จริงอย่างที่เจ้านายบอกเลย พรุ่งนี้ไปเที่ยววาติกันดีกว่า" ผมคิดในใจ
Credit : Starhotels Michelangelo
วันอาทิตย์ เวลา 04.30น
Starhotels Michelangelo
คงเพราะยังไม่คุ้นกับเวลาของอิตาลี นาฬิกาชีวิตในตัวทำให้ผมตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่เศษ ผมมีเวลาช่วงก่อนอาหารเช้าหลายชั่วโมงในการหาข้อมูลสถานที่ที่น่าสนใจในวาติกันเพื่อแวะชมในวันนี้ เมื่อคืนเจ้าหน้าที่โรงแรมบอกผมว่าโชคดีที่วันนี้เป็นอาทิตย์ปลายเดือน ปกติวาติกันจะปิดทุกวันอาทิตย์ยกเว้นเฉพาะวันอาทิตย์ปลายเดือนที่เปิดให้เข้าชมถึงบ่ายสองโมงเท่านั้น
ผมเคยมาที่วาติกันแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน ครั้งนั้นผมเพียงแวะชมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และ Pietà หนึ่งในปฎิมากรรมชิ้นเอกผลงานของ ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni) แต่สำหรับวันนี้จุดที่น่าสนใจที่สุด คงเป็น พิพิธภัณฑ์วาติกัน และ โบสถ์น้อยซิสทีน (Cappella Sistina) เพื่อชมผลงานจิตรกรรมชิ้นเอกของไมเคิลแองเจโลที่มีชื่อเสียงก้องโลกไม่แพ้ผลงานด้านปฎิมากรรมของเขา
เวลา 11.00น
Cappella Sistina
"ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เห็นอยู่ด้านหน้านี้ ชื่อว่า "การตัดสินครั้งสุดท้าย" (The Last Judgement) ผลงานจิตรกรรมชื่อก้องโลกของมีเกลันเจโล และถ้ามองขึ้นไปยังเพดานโค้งด้านบน ภาพจิตรกรรมทั้งหมดเป็นผลงานของมีเกลันเจโลเช่นเดียวกัน ภาพตรงกลางเพดานเป็นภาพชื่อ "พระยาห์เวห์ทรงสร้างอาดัม" (God Creates Adam) อีกหนึ่งผลงานไฮไลท์ของเส้นทางการเดินชมงานศิลปะในวันนี้"
ไกด์ประจำพิพิธภัณฑ์พูดบรรยายและผายมือไปยังภาพจิตรกรรมบนผนังด้านต่างๆ ภาพทั้งสองที่ไกด์พูดถึงอยู่ท่ามกลางภาพจิตรกรรมจำนวนมากบนผนังและเพดานของโบสถ์น้อยซิสทีน สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในพระราชวังพระสันตะปาปา
ภายในโบสถ์น้อยซีสทีน
"โบสถ์น้อยหลังปัจจุบันออกแบบโดยบาชิโอ พอนเทลลิสำหรับพระสันตะปาปาซิกส์ตุสที่ 4 สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1473 ถึงปี ค.ศ. 1484 เป็นสถานที่ที่ทำให้ระลึกถึงพระวิหารของพระเจ้าโซโลมอนในพันธสัญญาเดิม, การตกแต่ง, จิตรกรรมฝาผนังโดยจิตรกรผู้มีชื่อเสียงในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา รวมทั้งมีเกลันเจโลที่วาดภาพเพดานของโบสถ์จนที่เป็นที่เลื่องลือ
ไกด์บรรยายต่อว่า "การตัดสินครั้งสุดท้าย" (The Last Judgment) เป็นภาพที่มีเกลันเจโลได้รับการว่าจ้างจากสมเด็จพระสันตะปาปาจูเลียสที่ 2 ในช่วงปลายของชีวิต โดยการเขียนภาพจิตรกรรมนี้ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Fresco คือการวาดภาพลงบนผิวปูนเปียกเพื่อสีซึมลงไปในเนื้อปูนจะทำให้สีติดทนนานและไม่ร่อนออกมานั่นเอง โดยภาพ"การตัดสินครั้งสุดท้าย" ประกอบด้วยรูปภาพย่อยกว่า 400 รูปภาพ มีขนาด 48×44 ฟุต เลยทีเดียว"
พิพิธภัณฑ์วาติกันในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ไม่ต่างจากสถานที่อื่นๆ ที่มีผู้เข้าชมอย่างบางตา ผมเลยมีโอกาสชื่นชมความงดงามและยิ่งใหญ่ของจิตรกรรมบนผนังแต่ละด้านได้อย่างสบายๆ แต่ด้วยผมไม่มีความชำนาญในโลกของศิลปะ ความรู้สึกที่มีเลยออกไปในทางตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่ไกด์พูดถึงมากกว่า โดยเฉพาะบทบาทหลักของสถานที่นี้ถูกใช้ในการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่
วันจันทร์ เวลา 15.00น
ห้องประชุมบริษัทการเงิน
"สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกทำให้เราจำเป็นต้องอัพเดตข้อมูลสำคัญจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้กับนักลงทุนชาวอิตาลีของเรา เราจึงต้องเชิญตัวแทนจากพันธมิตรของเราทั่วโลกมาให้รายละเอียดโดยตรงกับกลุ่มลูกค้านักลงทุนของเรา" "สำหรับวันนี้ขอบคุณตัวแทนจากพันธมิตรไทย ข้อมูลสภาพเศรษฐกิจและการคาดการณ์แนวโน้มของประเทศไทยในปี 2021 เป็นประโยชน์มากๆ ครับ"
โรเบอร์โต้ กล่าวปิดการประชุมในช่วงบ่ายหลังจากผมนำเสนอข้อมูลด้านเศรษฐกิจต่างๆ แก่ผู้เข้าประชุมเสร็จสิ้น
มิสเตอร์ โรเบอร์โต้ ปิโรกา คือหัวหน้าคณะนักวิเคราะห์การลงทุนของบริษัทการเงินในอิตาลี ที่เป็นพันธมิตรกับองค์กรที่ผมทำงานอยู่ เขาค่อนข้างสนิทสนมกับเจ้านายของผม เพราะเคยทำงานร่วมกันมาก่อน โรเบอร์โต้เองยังรับผิดชอบดูแลพอร์ทการลงทุนส่วนบุคคลของลูกค้านักลงทุนรายใหญ่ระดับวีไอพีด้วย จึงต้องนำเสนอทางเลือกต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่ดูแล และประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ลูกค้าของเขามีการลงทุนผ่านกองทุนร่วมเป็นเงินก้อนใหญ่มากด้วย ทำให้ต้องส่งทีมงานมาชี้แจงข้อมูลต่างๆ โดยตรงเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า แม้จะอยู่ในสภาวะการแพร่ระบาดนี้
"เย็นนี้ขอเชิญรับประทานอาหารเย็นด้วยกันนะครับ ตอนนี้คุณคงเหนื่อย กลับไปพักผ่อนตามสบายก่อนครับ" โรเบอร์โต้ให้ลูกทีมคนหนึ่งขับรถมาส่งผมที่โรงแรม ผมนั่งมองบรรยากาศและตึกสวยๆ ไปตลอดเส้นทาง รู้สึกเสียดายบรรยากาศท้องฟ้าที่แจ่มใสเหมาะกับการเดินดูภาพวาดตามร้านข้างถนนที่เรียงรายบนช่วงหนึ่งบนเส้นทางที่อาจให้ผมพอหาข้อมูลเรื่องราคาได้บ้าง
Credit : www.picfair.com
เวลา 18.30น
ภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
เราเจอกันอีกครั้งบนโต๊ะอาหารเย็นในภัตตาคารอิตาเลี่ยน "ได้ยินว่าเมื่อวานนี้คุณแวะไปชมพิพิธภัณฑ์วาติกัน เพราะคุณกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับจิตรกรรมของมีเกลันเจโลหรือครับ" ประโยคเริ่มต้นสนทนา ที่โรเบอร์โต้ เริ่มขึ้นเมื่อบริกรเริ่มเสิร์ฟสลัดอิตาเลี่ยนซอสเซส
"ใช่ครับ ผมกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับงานสะสมศิลปะที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการลงทุนระยะยาว ซึ่งผมเพิ่งได้รับจากลูกค้าของผม"
"อิตาลีเป็นแหล่งกำเนิดของงานศิลปะตะวันตกชั้นสูงของโลก บางทีคุณอาจจะมีคำแนะนำให้กับผมบ้าง" ผมถือโอกาสขอคำแนะนำจากนักการเงินที่คร่ำหวอดกับการวางแผนการเงินให้กับลูกค้ารายใหญ่ในอิตาลี
"มิสเตอร์พีร์ บอกผมแล้วว่าเขาต้องการให้ผมช่วยแนะนำคุณเรื่องสินทรัพย์ทางเลือกที่เป็นงานสะสมราคาแพง ที่ผมเจอบ่อยในกลุ่มลูกค้าระดับวีวีไอพีของผม เรามีเวลาทานข้าวเป็นชั่วโมง ผมจะค่อยๆ พูดให้ฟังนะครับ" โรเบอร์โต้พูดแบบหัวเราะเบาๆ อย่างเป็นกันเอง ไม่เหลือเค้าบุคลิกสุดเนี้ยบที่เห็นในห้องประชุม อาจเพราะเสร็จภารกิจสำคัญของวันนี้แล้ว หรือบางที...อาจเป็นเพราะข้อมูลที่ผมนำเสนอวันนี้สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าของเขาก็ได้
ผมทราบแล้วว่าทำไมเจ้านายถึงเปลี่ยนใจให้ผมมาประชุมแทนแบบกระทันหัน แต่ความคิดของผมก็ต้องชะงักเพราะประโยคถัดมาของโรเบอร์โต้ที่พูดว่า
"ความจริงตอนที่พีร์กับผมทำงานด้วยกันที่นิวยอร์ค เราก็มีลูกค้าหลายรายที่มีของสะสมราคาแพงเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สิน ผมยังแปลกใจว่าทำไมเขาไม่แนะนำคุณเอง สงสัยจะกลัวโควิด-19 เลยให้คุณมาฟังผมแทน"
"คุณรู้หรือเปล่าว่าเดิมศิลปินที่ถูกเลือกให้วาดภาพบนเพดานโบสถ์น้อยซิสทีน ไม่ใช่มิเกลันเจโลนะครับ แต่เป็นราฟาเอล (Raphael)" โรเบอร์โต้เริ่มต้นด้วยเรื่องที่ผมไม่เคยทราบมาก่อน โรเบอร์โต้ใช้คำว่า มิเกลันเจโล ซึ่งเป็นการออกเสียงชื่อในภาษาอิตาลี แทนคำว่า ไมเคิล แองเจโล ในภาษาอังกฤษ ทำให้เรื่องที่เขาเล่าฟังดูน่าสนใจมากขึ้น
"ในช่วงเวลานั้นโลกมีศิลปินที่ยิ่งใหญ่ร่วมสมัยกันหลายคนที่เดียว โดยเฉพาะ 3 ศิลปินเอกของโลกในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา คือ เลโอนาร์โด ดา วินชี ( Leonardo da Vinci) มีเกลันเจโล (Michelangelo di Lodovico Buonarroti Simoni) และ ราฟาเอล (Raffaello Sanzio da Urbino) ราฟาเอลเป็นศิลปินที่มีอายุน้อยที่สุดใน 3 ศิลปินเอก และกำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงเป็นศิลปินชื่อดังในกรุงโรม ทำให้ทั้งสามคนเกิดการแย่งลูกค้ากันหลายครั้ง"
1
"ตอนแรกสันตะปาปายูลิอุสที่ 2 (Julius II) เลือกว่าจ้างให้ราฟาเอล (Raphael) เป็นผู้วาดภาพ แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอะไรราฟาเอลที่มีผลงานจิตรกรรมมากมายในวาติกัน กลับเสนอให้สันตะปาปาจ้างมิเกลันเจโลที่ในเวลานั้นมีชื่อเสียงจากงานด้านปฎิมากรรม เป็นผู้รับงานแทน" โรเบอร์โต้ดูจะมีความรู้ในเหล่านี้มากทีเดียว
"สุดท้ายผลงานของมิเกลันเจโลชิ้นนี้กลายเป็นผลงานเอกด้านจิตรกรรมของเขาที่รู้จักกันทั่วโลก น่าเสียดายแทนราฟาเอลนะครับ" ผมเห็นด้วยกับคำพูดของโรเบอร์โต้
"มิเกลันเจโลใช้เวลาวาดภาพประมาณ 4 ปีและได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 3000 ducats (เงินเหรียญทองในยุคนั้น) ซึ่งจะมีมูลค่าประมาณ120,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน (เทียบราคาทอง US$1,900) ในเวลานั้นต้องถือว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากทีเดียว"
" สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา หรือ เรอแนซ็องส์ (Rinascimento) มีศิลปินฝีมือดีมากมายที่ต้องแข่งขันกันอย่างหนัก ศิลปินจึงต้องพยายามสร้างชื่อเสียงเพื่อให้ผู้ว่าจ้างเลือกให้ทำงาน หากในเวลานั้น ราฟาเอล ตกลงรับงานนี้ เราอาจจะไม่ได้รู้จักมิเกลันเจโลอย่างทุกวันนี้ และมิเกลันเจโลก็อาจไม่ใช่ศิลปินที่มีรายได้และสินทรัพย์มากมายและมากกว่าอีกสองคนอย่างที่เป็น" เป็นมุมมองที่น่าคิดจากโรเบอร์โต้
จิตรกรรมบนผนังและเพดานของโบสถ์น้อยซีสทีน
"ยี่สิบปีก่อนเคยมีอาจารย์ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะได้ทำการวิจัยเพื่อประเมินทรัพยสินของมิเกลันเจโลจากข้อมูลการเงินและบัญชีในบันทึกประวัติศาสตร์ต่างๆ เขาพบว่ามิเกลันเจโลน่าจะมีสินทรัพย์ที่คิดเป็นมูลค่าในปัจจุบันประมาณ 46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,500 ล้านบาท)" โรเบอร์โต้ พูดถึงเรื่องที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนนี้ในระหว่างที่เราทานอาหารจานหลัก ผมเลือกสเต็กปลากระพงราดซอสคล้ายๆ เพลสโต้ซอส ในขณะที่โรเบอร์โต้เลือก Sirloin Steak แบบ rare ที่เนื้อยังดูแดงๆ อยู่
"คุณคิดว่า ทรัพย์สินของมิเกลันเจโลมากหรือเปล่าครับ" โรเบอร์โต้ถามขึ้นหลังจากทานสเต็กคำสุดท้ายเรียบร้อย "ตามข้อมูลของกลุ่มบริษัทเครดิตสวิส (Credit Suisse Group) ที่เปิดเผยในปี 2562 ทั่วโลกน่าจะมีคนที่มีสินทรัพย์ 46 ล้านเหรียญจำนวนประมาณ 3 แสนคน หรือประมาณ 0.7% ของประชากรทั่วโลกเท่านั้น"
"หากเขามีชีวิตในปัจจุบัน สินทรัพย์ทั้งหมดที่มีก็คงไม่พอที่จะซื้อผลงานของตัวเขาเองกลับมานะครับ" "สิบปีก่อนตอนผมกับพีร์ทำงานที่นิวยอร์ค มีคนพบภาพวาดของมิเกลันเจโลที่ยังไม่เสร็จหลังโซฟาในห้องนั่งเล่นในบ้านของเขาเอง ภาพนี้อยู่ถูกวางไว้หลังโซฟามานาน 27ปี จนมีผู้เชี่ยวชาญไปพบและประเมินว่าหากภาพนี้เป็นผลงานของมิเกลันเจโลจริง อาจมีราคาหลายร้อยล้านเหรียญทีเดียว"
Credit : The Pietà Behind the Couch - The New York Times
หลังจากบริกรเสิร์ฟทิรามิสุ ของหวานยอดนิยมของชาวอิตาลีให้กับโรเบอร์โต้และผม โรเบอร์โต้ก็พูดต่อ
"เอาล่ะ ทีนี้ผมจะเล่าให้ฟังถือเรื่องการประเมินราคาของงานสะสมศิลปะโบราณนะครับ" "อย่างที่ผมเล่าถึงการค้นพบภาพวาดราคาหลายร้อยล้านเหรียญของครอบครัวหนึ่ง คุณคงจะเห็นแล้วว่า ในสายตาของคนทั่วไปคงไม่สามารถประเมินราคาของภาพจิตรกรรมได้ โดยเฉพาะภาพจิตรกรรมที่ได้รับตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ที่ทายาทไม่ทราบถึงที่มาของภาพนั้น หากต้องการจะประเมินราคางานศิลปะจึงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญทำการพิสูจน์และค้นหาข้อมูลเทียบเคียงเพื่อประเมินราคาของภาพนั้น แต่ราคาจริงของภาพจะเกิดขึ้นจากการซื้อขายภาพ ไม่ใช่ราคาจากการประเมิน ผู้เชี่ยวชาญคงทำได้เพียงการประเมินราคาคร่าวๆ ซึ่งอาจสูงหรือต่ำกว่าคุณค่าของภาพในสายตาของนักสะสมภาพที่ต้องการภาพนั้น"
1
"งานศิลปะโบราณของจิตรกรระดับโลกจะเริ่มจากการหาอายุของภาพด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรือ C-14 ที่เราเคยได้ยิน ที่ใช้หาช่วงอายุของวัตถุโบราณชิ้นนั้น เพื่อคัดแยกหาศิลปินในช่วงเวลานั้นและก็ต้องหาทางพิสูจน์ว่าเป็นผลงานของศิลปินคนไหนจริงหรือไม่ ทั้งหมดนี้ต้องมีค่าใช้จ่ายในแต่ละขั้นตอนค่อนข้างสูง และต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับศิลปินแต่ละคนมาเป็นผู้พิสูจน์"
Credit : unknown source
แต่ถึงเราจะพิสูจน์ได้ว่างานศิลปะชิ้นนั้นเป็นของศิลปินคนนั้นจริง ราคาของงานศิลปะก็อาจไม่ได้เป็นไปตามผลงานชิ้นที่มีชื่อเสียงของศิลปินคนนั้น คนในวงการสะสมงานศิลปะยังมีหลักเกณฑ์หลายด้านที่เขาใช้ในการประเมินมูลค่า เช่น
ชื่อเสียงของศิลปิน : หากเวลาผ่านไปชื่อเสียงศิลปินไม่เป็นที่รู้จักแล้ว แม้คุณค่าทางศิลป์ยังคงอยู่ แต่มูลค่าของผลงานก็อาจหายไปได้ ยกเว้นสำหรับศิลปินเอกฝีมือดีที่มีภาพแสดงตามพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ทำให้เป็นที่รู้จักจึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้
เรื่องราวและเนื้อหาที่สื่อ : เป็นเรื่องที่มีรายละเอียดปลีกย่อยมาก บางครั้งราคาของกลุ่มนักสะสมแต่ละกลุ่มก็ให้มูลค่าต่างกันตามความชอบความสนใจ แต่หากชิ้นงานมีมนต์สะกด หรือมีพลังดึงดูดก็จะมีราคาแพงในทันที ผลงานศิลปะชั้นเลิศจะต้องมีสิ่งนี้เสมอ
สิ่งสุดท้ายคือ รสนิยม : ขึ้นกับยุคสมัย โดยเฉพาะศิลปะยุคใหม่ๆ คุณคงทราบว่าฟินเซนต์ ฟัน โคค จิตรกรคนสำคัญผู้บุกเบิกศิลปะแนวโพสต์อิมเพรสชั่นนิสม์ มีชีวิตที่แสนรันทด สร้างผลงานกว่าสองพันชิ้น แต่ตลอดชีวิตของเขาขายผลงานได้เพียงไม่กี่ชิ้น กว่าเขาจะได้รับการยอมรับว่าเขาเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ก็หลายสิบปีหลังเขาเสียชีวิต ปัจจุบันผลงานของเขาแต่ละชิ้นถือว่ามีมูลค่าสูงที่สุดในวงการงานศิลป์ระดับนานาชาติ
โรเบอร์โต้ พูดขึ้น "การประเมินมูลค่าของงานศิลปะแต่ละชิ้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีค่าใช้จ่ายไม่น้อยด้วย ลูกค้าของผมที่นิวยอร์คส่วนใหญ่เป็นนักสะสมที่สะสมภาพจากการประมูลทำให้ทราบราคาของงานสะสมเหล่านั้น ปกติบริษัทประมูลจะมีผู้เชี่ยวชาญที่ตั้งราคาเริ่มต้นของการประมูลไว้ต่ำกว่าราคาตลาดเล็กน้อย คุณอาจเจอข่าวว่ามีงานศิลปะถูกประมูลไปในราคาหลักล้านเหรียญ จนคิดไปว่าบริษัทประมูลคงมีแต่ภาพราคาแพง แต่ความจริงภาพส่วนหนึ่งที่ประมูลกัน มีราคาไม่ถึงหลักหมื่นเหรียญ"
Credit : Sotheby's
"ลูกค้าต้องมีความสนใจและมีเงินมากพอที่จะซื้องานศิลปะมาเก็บเพื่อชื่นชมโดยไม่ได้คำนึงเรื่องมูลค่าในอนาคตมากนัก เมื่อได้งานศิลปะมา ผลประโยชน์ที่จะได้คือคุณค่าทางใจที่ได้จัดแสดงเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบ้านทำให้บ้านมีความสวยงามน่าอยู่และสะท้อนรสนิยมของเจ้าของบ้าน"
"ลองสังเกตุดูสิครับในภัตตาคารนี้ก็มีภาพประดับไว้ทั่วไป ทำให้เรารู้สึกถึงความหรูหราของสถานที่ และทำให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้นด้วยนะ" โรเบอร์โต้พูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"งานศิลปะไม่ใช่อะไรที่สามารถเปลี่ยนมือได้ง่าย ไม่มีราคาที่แน่นอนอาจขึ้นลงได้โดยไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้ หากคิดจะใช้เป็นสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อการลงทุนจะต้องเป็นการลงทุนที่มีระยะเวลายาวนานอย่างน้อยก็ 10ปีขึ้นไป ลูกค้าของผมบางคนมีความคิดที่จะใช้งานศิลปะเป็นสินทรัพย์ทางเลือก แต่เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่สูงมาก จึงจำกัดการลงทุนให้มีสัดส่วนของสินทรัพย์ที่ไม่สูงมากนัก ที่สำคัญต้องเป็นลูกค้าที่มีสินทรัพย์รวมที่มากพอที่จะไม่ต้องกังวลกับมูลค่าของงานศิลปะเหล่านี้"
"หลายปีก่อนบริษัทการเงินการลงทุนหลายแห่งเคยแนะนำให้ลูกค้าลงทุนงานศิลปะเป็นสินทรัพย์ทางเลือก ด้วยเหตุผลว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถคงมูลค่าและช่วยปกป้องความมั่งคั่ง ตอนผมทำงานที่สหรัฐอเมริกามีข้อมูลที่บอกว่าการลงทุนในงานศิลปะชั้นดีราคาแพง ระดับ 5 ล้านเหรียญขึ้นไป ให้อัตราผลตอบแทนต่อปีสูงกว่าผลตอบแทนจาก S&P index และมีการเปิดบริการสินเชื่อเพื่อลงทุนในงานศิลปะด้วย"
"แต่คำแนะนำเหล่านั้นไม่ได้รวมถึงการลงทุนในงานศิลปะระดับรองลงมาที่มีราคาไม่สูงและไม่ได้เป็นงานศิลปะที่หายากนะครับ ล่าสุดผมได้ยินว่านักลงทุนหลายคนที่ตัดสินใจลงทุนตามคำแนะนำกำลังมีปัญหากับผู้แนะนำในเรื่องมูลค่าของงานศิลปะเหล่านั้น"
"ถ้าเทียบกับทอง เราตื่นเต้นกับราคาทองที่วิ่งขึ้นลงในฐานะที่เราลงทุนในทอง แค่สำหรับเครื่องประดับทองเราจำเงินที่เราจ่ายและภูมิใจที่ได้ประดับมัน ศิลปะก็คงไม่ต่างกันนัก"
"ในสภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหาอย่างปัจจุบัน ราคาของงานศิลปะทั่วไปต่ำลงค่อนข้างมากนะครับ หากลูกค้าของคุณกำลังคิดจะขายงานสะสมมรดกเหล่านั้นในเวลานี้อาจไม่ใช่จังหวะเวลาที่ดี ลองอ้างอิงโดยใช้ราคาขายที่ลดลงตามแกลเลอรี่ขายภาพออนไลน์ดูสิครับ"
"คุณค่าที่แท้จริงของชิ้นงานเป็นความพึงพอใจในการสะสมและการสะท้อนรสนิยมของเจ้าของมากกว่าครับ อย่าคาดหวังผลตอบแทนการลงทุนในรูปตัวเงินเพราะมีความเสี่ยงสูงมาก" โรเบอร์โต้ปิดท้ายมื้ออาหารเย็นพร้อมคำพูดที่ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมเจ้านายถึงส่งผมมาทำงานนี้แทน
"พีร์ตั้งใจส่งคุณมาเจอกับผม เพราะเขาคิดว่าหากเขาเป็นคนให้คำแนะนำนี้ ผมก็คงจะไม่ยินยอมพร้อมใจและคงพยายามหาทางประเมินราคาตามที่ลูกค้าบอก คุณมีเจ้านายที่ดีมากนะครับ"
Credit : www.tektonministries.org - INSIDE ST. PETER’S BASILICA IN ROME
"มหาวิหาร และโบสต์น้อยในวาติกัน อาจเป็นเพียงสถานที่สำคัญทางศาสนาหากปราศจากผลงานด้านศิลปะต่างๆ ที่ทำให้กลายเป็นสถานที่ที่มีคุณค่าไร้กาลเวลาสำหรับคนทั่วโลกไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ที่สามารถรู้สึกร่วมกันในคุณค่าที่บรรดาศิลปินเอกทั้งหลายรังสรรค์ขึ้น" คือประโยคสุดท้ายก่อนแยกจากกัน โรเบอร์โต้กล่าวขอบคุณผมอีกครั้งที่มาให้ข้อมูลแก่ลูกค้าของเขา และผมเองก็ขอบคุณเขาสำหรับมื้ออาหารเย็นและคำแนะนำดีๆ จากเขา ผมเลือกเดินช้าๆ กลับโรงแรมที่พักที่อยู่ไม่ไกลนักด้วยความสบายใจ เพราะรู้แล้วว่าผมจะมีคำแนะนำสำหรับลูกค้าของผมอย่างใด ผมคงจะใช้เวลาช่วงกักตัว 14 วันทำแผนให้ลูกค้าให้เสร็จเรียบร้อย
เมื่อกลับถึงโรงแรม ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าภายในโรงแรมมีการประดับด้วยภาพพิมพ์ที่เป็นผลงานของไมเคิล แองเจโล ตามจุดต่างๆ สร้างบรรยากาศให้สถานที่ได้สมกับการนำชื่อของศิลปินเอกมาเป็นชื่อโรงแรม
Credit : Starhotels Michelangelo - David drawing
"คุณค่าของสิ่งของบางอย่าง อาจไม่สามารถวัดค่าเป็นเงินได้ คุณค่าทางใจ และคุณค่าแฝงของสิ่งของชิ้นนั้นอาจมีค่ามากกว่าราคามากมาย"
พรุ่งนี้ผมคงได้แวะเที่ยวชมสถานที่ประวัติศาสตร์ในกรุงโรม เรื่องศิลปะผมอาจไม่ค่อยถนัด แต่เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เป็นเรื่องที่ผมสนใจไม่แพ้เรื่องเงินๆ ทองๆ เลย จากนั้นก็ได้เวลาของการใช้เงินซื้อของฝากคนที่บ้าน สำหรับเจ้านายของผมคงขอซื้อภาพพิมพ์ผลงานชิ้นเอกของ ไมเคิล แองเจโล ไปฝาก เพื่อขอบคุณที่ส่งผมมารับประทานอาหารเย็นที่มีค่ามื้อนี้
ทรัพย์สินที่มีคงเป็นเพียงของนอกกาย เมื่อตายไปก็กลายเป็นของคนอื่น เช่นเดียวกับผลงานของศิลปินที่ถูกส่งต่อการครอบครองไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่จะดำรงอยู่ยาวนานคู่กับศิลปินผู้สร้างคือคุณค่าและความดีที่คนรุ่นหลังจะจดจำเอาไว้ตลอดไป
หมายเหตุท้ายบทความ :
บทความเชิงเรื่องสั้นนี้ลองเขียนเป็นครั้งแรกครับ ด้วยคำแนะนำของคุณกู๊ดและคุณเรื่องสั้น ในหัวข้อ ศิลปะกับการเงิน ขอบคุณคุณกู๊ดและคุณเรื่องสั้นสำหรับคำแนะนำแนวทางการเขียนงานในบทความต่างๆ ของทั้งสองคน มีความเห็นหรือคำแนะนำอะไร แนะนำได้เต็มที่เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาการเขียนของผมครับ
เหตุการณ์ทั้งหมด เป็นโครงเรื่องสมมุติ
แต่ข้อมูลทั้งหมด เป็นข้อมูลจริง ที่ค้นตามแหล่งอ้างอิงครับ
ขอปิดท้ายด้วย Virtual Museum ของโบสถ์น้อยซิสทีน และวาติกันนะครับ
โฆษณา