21 ส.ค. 2020 เวลา 23:09 • ท่องเที่ยว
สถานีรถไฟหัวลำโพง .. ก่อนจะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์
ระยะเวลา 5 ทศวรรษ … คงเป็นเวลานานมากสำหรับใครบางคน ที่มีความทรงจำที่ดีกับบางสิ่งบางอย่าง สนิทชิดเชื้อเหมือนกับเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยกันตลอดมา …
50 ปีมาแล้ว ที่นับเป็นครั้งแรกที่ฉันก้าวเดินออกจากบ้าน และเป็นครั้งแรกเช่นกันกับการเดินทางด้วยรถไฟ .. เสียงล้อเหล็กกระทบรางที่ทอดยาวไปเบื้องหน้า ฉึกฉักๆ ช่างน่าตื่นเต้นเร้าใจสำหรับฉัน .. เด็กบ้านนอกที่ไม่เคยจากอ้อมอกของพ่อแม่ไปไหนมาก่อน
ยามเมื่อว่างเว้นจากการเรียน ฉันได้ใช้รถไฟเป็นพาหนะหลักในการพาตัวและความคิดถึงกลับไปยังถิ่นกำเนิด … ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
… การโดยสารรถไฟไทยจึงเป็นสิ่งที่ฉันคุ้นเคย และติดอยู่ในความทรงจำมาเนิ่นนาน แม้บางส่วนของชีวิตจะถูกกลืนหายไปในเมืองใหญ่ นาม กรุงเทพมหานคร
ฉันกลับมาเยือนหัวลำโพงอีกครั้ง ก่อนวันแม่ปี 2563 … ซึ่งมีผู้คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันมาในชุดย้อนยุคเมื่อครั้งที่สานีรถไฟแห่งนี้แรกก่อสร้าง
วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการระลึกถึงสถานที่ที่มีคุณเอนกอนันต์ต่อคนไทยจำนวนมากมายที่เคยใช้บริการของรถไฟไทยและสถานีแห่งนี้
... ก่อนที่การเดินรถไฟจะไปรวมกับการขนส่งอื่นๆที่สถานีขนส่งใหม่ที่บางซื่อ และที่นี่จะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย
สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นสถานีรถไฟหลักที่สำคัญที่สุดในประเทศไทยมานาน ตัวสถานีสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ...
... แต่สถานีกรุงเทพฯปัจจุบันที่เราเห็นและใช้งานอยู่ปัจจุบันนั้นเป็นสถานีที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ให้บริการประชาชนในเส้นทางสายเหนือ สายอีสาน และสายใต้
หลังคารูปทรงโดมที่เราเห็นจนชินตานั้น เป็นการก่อสร้างในสไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับศิลปะยุคเรอเนสซอง โดยมีลักษณะคล้ายกับสถานีรถไฟของเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน และวัสดุในการก่อสร้างก็อิมพอร์ตมาจากเยอรมันนีด้วยเช่นกัน
ด้านหน้าสถานีมีอนุสาวรีย์ที่ชาวข้าราชการรถไฟได้รวบรวมทุนทรัพย์จัดสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯอุทิศส่วนกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
โดยเป็นอนุสาวรีย์รูปช้างสามเศียร และมีพระบรมฉายาลักษณ์ด้านข้างแบบลายนูนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานอยู่ โดยบริเวณนั้นก็มีพวงมาลัยดอกไม้ที่ประชาชนมากราบไหว้พระองค์อยู่เสมอ
เพียงก้าวย่างเข้าสู่บริเวณหัวลำโพง บรรยากาศ สะดุดตา สะดุดใจ … แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่แปลกใจสำหรับคนส่วนใหญ่ก็คือ บริเวณโถงสำหรับรอการเดินทาง …
โถงแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงให้โอ่โถงดูสวยงาม สมกับเป็นอีกหนึ่งผลผลิตของสถาปัตยกรรมของศิลปินชาวอิตาเลียน เมื่อครั้งสมัยพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงปรุงแต่งบ้านเมือง เพื่อให้ทันสมัยทัดเที่ยมกับนานาอารยประเทศ
ความงามภายในอาคารทรงโดมแห่งนี้ ตั้งแต่กระจกสีที่ช่องระบายอากาศทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่ช่วยเพิ่มความสว่างสดใสให้ตัวอาคารในเวลากลางวัน
... มองเห็นนาฬิกาบอกเวลาที่มีความเก่าแก่เท่ากับตัวอาคาร ในส่วนของที่ทำการกองโดยสารซึ่งอยู่ทางด้านขวามือของสถานีนั้น ก็มีลวดลายปูนปั้นที่งดงามอยู่ตามบันไดและเสาอาคาร
บรรยากาศของสถานีกรุงเทพฯที่ฉันเคยได้สัมผัส … เป็นภาพชีวิตของผู้คนที่ส่วนหนึ่งเดินกันขวักไขว่มีเป้สะพายหลัง และอีกส่วนหนึ่งบ้างนั่งหลับ บ้างนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันปักหลักอยู่ตามเก้าอี้ หรือปูหนังสือพิมพ์นั่งบนพื้น รอรับเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง หรือรอเวลาที่รถไฟจะมาถึง
แค่ได้นั่งมองอากัปกิริยาของผู้คนในสถานีรถไฟก็เพลิดเพลินมากแล้ว … มองไปรอบๆในบริเวณโถงแห่งนี้ มีผู้คนหลายเชื้อชาติ หลากศาสนา มานั่งรอ นอนรอ เวลาที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง …
… บ้างก็นอนอ่านหนังสือ … ล้อมวงกันรับประทานอาหาร .. อัพเดทข่าวสาร
ด้านข้างทั้ง 2 ด้านเป็นภัตตาคาร ให้ผู้คนมานั่งรับประทานอาหารเบาๆ หรือดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ คอยญาติมิตรที่จะเดินทางไปด้วยกัน หรือแค่รอเวลาก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดค่ะ
ในชานชาลาก็จะเห็นเก้าอี้ไม้หน้าตาคลาสสิคที่พบเห็นได้เฉพาะที่สถานีรถไฟตั้งเรียงอยู่ ... เป็นที่นั่งรอของผู้โดยสาร ในชานชาลานี้เราสามารถเข้าไปยืนชมรถไฟขบวนต่างๆได้อย่างใกล้ชิด
การรอคอย … บางครั้งเวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง เนิ่นนานจนเหมือนกัปกัลป์ …
... เวลาที่บางครั้งกลืนกินความฝัน ความหวัง ความศรัทธาของผู้คน … เหลือไว้เพียงแววตาที่กร้านชินชา ไม่อินังขังขอบกับความเคลื่อนไหวที่อยู่รอบตัว …
อีกไม่นาน ที่นี่ก็จะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์การรถไฟไทย ... หากมีเวลา มีโอกาส ก็ไปทบทวนความทรงจำ ก่อนที่จะไม่มีภาพที่เราชินตาและคุ้นเคยอีกต่อไปนะคะ
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปกับ พี่สุ
ท่องเที่ยวทั่วโลก กับพี่สุ
ซีรีย์เที่ยวเจาะลึก ประเทศนอร์เวย์
Iceland ดินแดนแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ
Lifestyle & อาหารการกิน แบบพี่สุ
สถานีความสุข by Supawan
โฆษณา