26 ส.ค. 2020 เวลา 10:28 • ธุรกิจ
เรื่องราวของ "เจสซี่"
สาวอีสานทำงานโรงแรม
โรงแรมปิดเพราะพิษโควิด
1
เธออยู่อย่างไรในกทม.
เรื่องเล่าเม้าท์ในครัว....
(อ่านต่อ)
...ถึงคุณผู้อ่านที่รัก...
ห้องครัว ณ ประเทศบังคลาเทศ
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้
ขณะที่ฉันกับเพื่อนร่วมงาน
นั่งร่วมวงรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน
"พิ้งกี้" หรือพิเชษฐ์ เธอเป็นรุ่นน้อง
ที่มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับฉัน
แต่บังเอิญว่าเราได้มาทำงานร่วมกัน
ที่ประเทศบังคลาเทศ พิ้งกี้เรียนจบคหกรรม
สาขาที่เกี่ยวกับดอกไม้และงานใบตอง
หน้าที่หลักในบังคลาเทศของเธอ
ก็คือการเผยแพร่วัฒนธรรม
ฉันกับพิ้งกี้จะมีเรื่องเม้าท์มอยกันเป็นประจำ
แน่นอนว่า ....
"เรื่องที่เราเม้าท์มอยเป็นเรื่องของคนอื่น" (ฮาาาา)
ฉันกับพิ้งกี้ค่อนข้างสนิทกันมาก
และฉันก็ได้รู้จักกับเพื่อน
ที่เคยเป็นรูมเมทของเธอด้วย
เนื่องจากฉันเคยไปห้องพัก
ที่พิ้งกี้เคยอาศัยอยู่เมื่อครั้งที่เธอทำงานที่กรุงเทพฯ และฉันก็ได้รู้จักกับ
"เจสซี่" หรือ เจษฎา
เราทั้งสามคนเรียนจบจากสถาบันเดียวกัน
แต่ฉันเพิ่งได้มารู้จักกับเจษฎาได้ไม่นาน
ก่อนที่จะเดินทางมาบังคลาเทศ
พิ้งกี้และเจษฎา มีความสามารถพิเศษ
ในด้านการจัดดอกไม้
ทั้งสองเป็นช่างจัดดอกไม้ประจำโรงแรมห้าดาว
แห่งหนึ่งริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
pixabay
พิ้งกี้ได้ลาออกจากงานเดิมเพื่อมาทำงานที่ประเทศบังคลาเทศ
..ส่วนเจสซี่ยังคงทำงานที่โรงแรมแห่งนั้น..
โปรไฟล์ของเจสซี่นั้นไม่ธรรมดา
เธอเป็นทายาทเจ้าของธุรกิจ
ร้านขายส้มตำเงินล้านที่จังหวัดหนึ่ง
ในภาคอีสาน เป็นเรื่องบังเอิญอีกว่า
เจสซี่เป็นคนบ้านเดียวกับฉัน
ใครที่อยู่ภาคอีสานจะรู้ดีว่า
ธุรกิจขายส้มตำนั้นเงินสะพัดขนาดไหน
ร้านส้มตำของครอบครัวเธอเป็นร้านดังเดิม
ประจำจังหวัดมาอย่างยาวนาน
ในช่วงโควิด
โรงแรมที่เจสซี่ทำงานอยู่
ประกาศปิดกิจการชั่วคราว
ยังโชคดีที่ว่าโรงแรมของเธอ
ยังประคองตัวไปได้ ไม่ถึงขั้นจ้างพนักงานออก
แต่พนักงานต้องอยู่ในสถานะ Leave Without Pay เจสซี่ก็เหมือนกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ
เธอทำอะไรไม่ถูก ดังนั้นจึงเลือกกลับบ้าน
ไปช่วยครอบครัวขายส้มตำเพื่อตั้งหลักสักพัก
ฉันได้ถามข่าวคราวของเจสซี่
กับเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องของฉัน
ว่าเจสซี่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
เพราะได้ยินข่าวว่าเธอกลับไป
ขายส้มตำที่บ้าน
พิ้งกี้เล่าให้ฉันฟังว่า...
เจสซี่ได้กลับมาอยู่กรุงเทพนานหลายเดือนแล้วเพราะทางโรงแรมเรียกตัวกลับมาทำงาน
โดยให้เงินเดือนแต่ไม่ได้ให้เซอร์วิสชาร์จ
เพราะทางโรงแรมก็ยังไม่มีแขกมาเข้าพัก
ใครทำงานโรงแรมต่างรู้ดีว่า
รายได้หลักๆนั้นจะขึ้นอยู่กับเซอร์วิสชาร์จ
เงินเดือนประจำตำแหน่งของเจสซี่นั้น
อยู่ที่ประมาณ 11,000 บาท
ในเมื่อทางโรงแรมไม่จ่ายเซอร์วิสชาร์จ
เจสซี่จะมีชีวิตรอดในกรุงเทพอย่างไร?
"เงินเดือนเท่านั้นเจสซี่มันจะอยู่ยังไง
ไหนจะค่าเช่าห้องอีกล่ะ?"...ฉันเอ่ยถามพิ้งกี้...
"มันก็รับงานจัดดอกไม้ไงเจ้"...พิ้งค์กี้พูดขึ้นมา
"โควิดใครเค้าแต่งงานกันวะ"..ฉันรีบสวนขึ้น
"แต่ก็มีคนตายทุกวันนี่คะเจ้"..พิ้งค์กี้ตอบฉัน
งานที่พิ้งกี้พูดถึงก็คือ
การรับจ๊อบพิเศษจัดดอกไม้
ตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ในสถานการณ์ปกติ
สาวๆนักจัดดอกไม้จะมีงานชุกมาก
นอกจากรับจัดดอกไม้ที่งานศพแล้ว
ยังรับงานจัดดอกไม้ในพิธีแต่งงานด้วย
เมื่อไวรัสโควิด - 19 ระบาด
โรงแรมปิดกิจการชั่วคราว
เจ้าบ่าวเจ้าสาวเลื่อนงานแต่งงานออกไป
รายได้ตรงนี้อาจจะหายไปบ้าง
1
แต่...ก็มีการจัดงานศพแทบทุกวันเหมือนเดิม
เจสซี่มีรายได้จากการจัดดอกไม้งานศพ
เป็นอาชีพเสริม เธอจะได้รับส่วนแบ่ง
จากเพื่อนร่วมทีม งานละ 2,000 บาท
เท่ากับว่าเธอมีรายได้อย่างน้อย
อาทิตย์ละหนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป
ถ้าไม่ติดโควิด
พวกเธอจะรายได้ดีขนาดไหนเนี่ย....ฉันคิด
พิ้งกี้เล่าว่า...
เจสซี่รับงานมาจากเจ้าของธุรกิจ
ร้านดอกไม้รายใหญ่จากปากคลองตลาด
อีกครั้งหนึ่ง คล้ายการไปสัมปทานงานนี้จากวัด
เช่น ศาลา 6 ศาลา 7 จะเป็นของร้านดอกไม้นี้
ศาลา 8 ศาลา 9 เป็นของร้านดอกไม้โน้น
ฉันก็เพิ่งจะมารู้ว่า...
งานแบบนี้เค้ามีสัมปทานกันด้วย
พิ้งกี้เล่าต่ออีกว่า...
สายอาชีพของพิ้งกี้และเจสซี่นั้น
ไม่ได้แค่รับแต่งานจัดดอกไม้
พวกเธอยังรับทำพานขันหมาก
รับงานร้อยมาลัยในพิธีมงคล
รับงานทำบายศรีอีกด้วย
ฉันได้ฟังแล้วก็อึ้งได้แต่คิดในใจว่า
"พวกเธอคงทำงานประจำเป็นอาชีพเสริมสินะ"
เรื่องราวที่ฉันได้เล่ามา
เป็นเรื่องที่ฉันเองก็เพิ่งได้รู้ว่า
"เค้ามีอาชีพแบบนี้กันด้วย"
ฉันคิดว่าบนโลกใบนี้
มีอาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ก็หวังว่าเรื่องราวของเจสซี่จะ
เป็นไอเดียให้ผู้อ่านใครสักคนหนึ่ง
ที่ได้สละเวลาเข้ามาอ่านนะคะ
โปรดติดตามตอนต่อไป
"มดดี้"
แถมผลงานของพิ้งกี้ ร้อยมาลัยจากดอกไม้ในสวนเมื่อเช้านี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา