14 ก.ย. 2020 เวลา 12:42 • ความคิดเห็น
จีนถอย ทำให้ออสเตรเลียเซ
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
ความมั่งคั่งของประเทศมาจากหลายช่องทาง เช่น การค้าระหว่างประเทศ การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ฯลฯ
พ.ศ.2563 เศรษฐกิจโลกจะลดลงมากเพราะมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ + การกักตัวที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ทำให้การท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกหดตัวร้อยละ 57
มีการวิจัยโดยบริษัทใหญ่ๆ ที่เชื่อถือได้ที่สุดแห่งหนึ่งคือ ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ ของอังกฤษที่มีประสบการณ์ในการวิจัยและเป็นที่ยอมรับของประเทศต่างๆ ว่าแม่น บริษัทนี้วิจัยว่า ต้องอีกอย่างน้อย 4 ปี ถึงจะทำให้การท่องเที่ยวโลกกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ใครที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับการท่องเที่ยวก็ต้องเตรียมช่องทางหนีทีไล่เอาไว้ให้ดี
https://www.aljazeera.com/ajimpact/trade-values-australia-pm-china-spat-200611015733675.html
หนึ่งในประเทศที่กำลังจะตายสนิทคือออสเตรเลีย นอกจากจะโดนฤทธิ์โควิด-19 อย่างหนักแล้ว ทัศนคติของผู้บริหารประเทศที่มีต่อบุคคลบางเชื้อชาติทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
หลายสิบปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวและนักศึกษาชาวจีน รวมทั้งการลงทุนจากจีนมีส่วนทำให้เศรษฐกิจออสเตรเลียยังยืนอยู่ได้
ตั้งแต่ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐ กระแสกลุ่มชาตินิยมผิวขาวและการรังเกียจเดียดฉันท์กีดกันคนเอเชียทำให้ทั้งรัฐบาลและคนออสเตรเลียแสดงออกอย่างดูหมิ่นถิ่นแคลนคนจีนและประเทศจีนหลายเรื่อง ทำให้การลงทุนของจีนในออสเตรเลียลดลงต่อเนื่อง
เดิมจีนไปลงทุนที่ออสเตรเลียเกิน 3 แสนล้านบาทต่อปี
พ.ศ.2561 ยังลงทุนเกิน 1 แสนล้านบาท
พ.ศ.2562 เหลือเพียง 5 หมื่นล้านบาท
ส่วนปีนี้ไม่ต้องพูดถึงครับ การลงทุนจากจีนในออสเตรเลียแทบจะไม่มีเข้ามาเพิ่มเติม
พ.ศ.2561 รัฐบาลออสเตรเลียปฏิบัติตามคำแนะนำของทรัมป์ ด้วยการแบนบริษัทหัวเว่ย ไม่ให้เข้าร่วมโครงการวางระบบและพัฒนาเครือข่าย 5G เรื่องนี้กระทบต่อการลงทุนของจีนในออสเตรเลียใน พ.ศ.2562 เป็นอย่างมาก
https://www.caixinglobal.com/2020-08-31/huawei-ends-rugby-sponsorship-as-australia-china-ties-worsen-101599148.html
พ.ศ.2563 ออสเตรเลียเรียกร้องให้มีการตรวจสอบแหล่งกำเนิดอันแท้จริงของเชื้อโควิด-19 ทว่าโทนของการเรียกร้องเหมือนกับมีการตั้งธงแบบเดียวกับสหรัฐเอาไว้แล้วว่า ต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสมาจากจีน
ออสเตรเลียแกว่งเท้าหาเสี้ยนเพียงแค่นี้    ทำให้จีนแก้เผ็ดด้วยการระงับนำเข้าสินค้าหลายชนิดจากออสเตรเลีย สิ่งที่ตามมาคือเศรษฐกิจออสเตรเลียคว่ำ เหมือนรถวิ่งลงเหว ดึงขึ้นไม่ได้ นักศึกษาจีนที่เคยติดต่อสถาบันการศึกษาว่าจะเข้าไปเรียนก็ระงับ พวกที่เรียนอยู่แล้วจำนวนหนึ่งก็เดินทางกลับ สถาบันการศึกษาในออสเตรเลียไม่มีเงินใช้จ่ายหมุนเวียน
ออสเตรเลียแบ่งการปกครองเป็น 6 รัฐคือ นิวเซาท์เวลส์ ควีนส์แลนด์ เซาท์ออสเตรเลีย แทสเมเนีย วิกตอเรีย และเวสเทิร์นออสเตรเลีย
1
แต่ก่อนง่อนชะไร นักลงทุนชาวจีนสามารถลงนามกับรัฐบาลท้องถิ่นระดับรัฐได้เลย ลงนามแล้วก็ขนเงินจากจีนมาลงทุนทำธุรกิจ
คนจีนทำงานแล้วก็เห็นผล ได้กำไรชัดเจนก็เอาเงินออก แต่คนออสเตรเลียที่อยู่ตามรัฐต่างๆ ก็มีงานทำ ได้เงินไปเลี้ยงกระเพาะตัวเองและสมาชิกในครอบครัว
แต่ก็มีคนออสเตรเลียจำนวนหนึ่งที่ยังละเมอเพ้อพกถึงความยิ่งใหญ่ของคนผิวขาว พวกนี้มีความอิจฉาที่คนเอเชียมีความสามารถเกินหน้าเกินตา แถมยังมาหาสตางค์ในแผ่นดินออสเตรเลียได้
ขณะที่มือรับเงินค่าจ้างจากบริษัทจีน แต่ปากคนพวกนี้ก็ตะโกนก้องร้องด่าว่าคนจีนเข้ามาตักตวงผลประโยชน์
รัฐบาลออสเตรเลียก็บ้าจี้ เดือนมิถุนายน 2563 นายกรัฐมนตรีสก็อต มอร์ริสัน เสนอร่าง พ.ร.บ.ยกระดับความมั่นคงของการลงทุนเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร
ข้อใหญ่ใจความของร่างฯ ฉบับนี้ ก็คือให้รัฐบาลกลางของออสเตรเลียสามารถ ‘ยกเลิก’ หรือ ‘แก้ไข’ ข้อตกลงทางการค้าระหว่างรัฐบาลระดับรัฐกับชาวต่างชาติได้ ซึ่งทุกคนก็รู้เช่นเห็นชาติตรงกันว่าชาวต่างชาติที่มาลงทุนในออสเตรเลียส่วนใหญ่เป็นคนจีน
ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ถ้าผ่านสภาฯ จะทำให้เศรษฐกิจออสเตรเลียแย่หนักไปกว่าเดิม คนจีนที่ไปลงทุนที่ออสเตรเลียที่ผมรู้จักบอกว่า ‘ถ้าอั๊วถอนตัวออกมา พนักงานที่ออสเตรเลียมีโอกาสอดตาย’.
โฆษณา