17 ก.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ไม่แฟร์แต่ใครแคร์ ]
จากที่เคยกุมความได้เปรียบมีโอกาสปิดดีล เซร์คิโอ เรกีลอน มากกว่าทุกทีม สถานการณ์พลิกผันกลับกลายเป็นว่าแมนฯยูไนเต็ดกำลังจะพลาดอย่างน่าเสียดาย
ที่ต้องบอกว่า "น่าเสียดาย" เพราะเบื้องต้นราคา 30 ล้านยูโร ไม่ได้เกี่ยงงอนอะไรนัก แต่รับไม่ได้ในเงื่อนไขมีสิทธิ์ซื้อกลับที่เรอัล มาดริดแทรกเข้ามาด้วยในใบสัญญา
นั่นจึงเหมือนเป็นการเปิดประตูโอกาสให้ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์เดินเข้ามามีเอี่ยวและยินดีทำตามเงื่อนไขของราชันชุดขาวทุกอย่าง
นอกเหนือจากจ่ายค่าตัว 30 ล้านยูโรแล้ว อีก 2 ปีข้างหน้าหากมาดริดต้องการซื้อ เรกีลอน กลับคืนไปก็จำเป็นต้องขายคืนให้ในราคา 40 ล้าน
สมมุติว่าเวลานั้น เรกีลอน ฟอร์มร้อนแรง ยกระดับขึ้นมาจนเป็นแบ็กซ้ายเบอร์ต้นๆของโลก มาดริดเลยอยากได้มาใช้งาน งัดเงื่อนไขซื้อกลับมาช่วยก็จะจ่ายแค่ 40 ล้านยูโรแค่นั้น แม้มูลค่าประเมินของ เรกีลอน จะพุ่งสูงเกิน 100 ล้านยูโรก็ตาม
ตรงนี้เองทำให้แมนฯยูไนเต็ดรับไม่ได้ เหมือนเลี้ยงดูฟูมฟักแทบตาย พอนักเตะเติบใหญ่แกร่งกล้าเป็นซูเปอร์สตาร์ก็ต้องจำใจปล่อยให้
มันเป็นเรื่องปกติเมื่อพวกสโมสรใหญ่ๆซื้อผู้เล่นมาสักคน ย่อมคาดหวังว่าจะสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมในอนาคตและปักหลักอยู่ยาวๆ
อย่างไรก็ตามสเปอร์สอยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป โชเซ่ มูรินโญ่ อยากได้แบ็กซ้ายมากๆ เป็นตำแหน่งที่ยังขาดอยู่
แดนนี่ โรส ไม่อยู่ในแผนการสร้างทีมแล้ว นับตั้งแต่นักเตะขัดคำสั่งฝืนลงซ้อมทั้งที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ จนถูกส่งให้นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดยืมตัวเมื่อเดือนมกราคม
แม้ปัจจุบันจะกลับคืนเรียบร้อย ทว่าความสัมพันธ์สะบั้นเกินกว่าจะต่อติดอีกต่อไป มีแนวโน้มว่าขายขาดหรือปล่อมยืมตัวเช่นเคย
ขณะเดียวกัน เบน เดวิส ที่ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมเปิดหัวพ่ายเอฟเวอร์ตัน ก็ออกมาตอบโต้เจ้านายที่ตำหนิลูกทีมผ่านสื่อด้วยความหัวเสียว่าขี้เกียจวิ่ง ไม่เพรสซิ่ง สภาพความฟิตแย่มากๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มูรินโญ่ จะต้องฉุนเฉียวกับพฤติกรรมของ เดวิส บางทีอาจมีแผนเขี่ยออกด้วยซ้ำ
แต่ที่แน่ๆเมื่อไม่มีแข้งหลักตรงแบ็กซ้าย จึงต้องการตัวใหม่เข้ามา เรกีลอน เลยเป็นคำตอบที่ดีงาม โดยไม่กังวลเรื่องสัญญาซื้อกลับ ขอแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อน
แฟนแมนฯยูไนเต็ดต่างรู้สึกหงุดหงิดกันมากๆ ขยับเข้าใกล้แล้วเปิดฉากลุยก่อนใคร แต่เอาเข้าจริงก็ลงเอยเหมือนหลายดีลที่ผ่านมา
ถามว่าดีลอย่างนี้ผู้ขายเห็นแก่ตัวหรือไม่แฟร์สำหรับผู้ซื้อหรือเปล่า? คำตอบก็ใช่นั่นแหล่ะ ทว่าสุดท้ายมันต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจทั้งสองฝ่ายด้วย
ในเมื่อสเปอร์สรับได้ ต่างไปจากแมนฯยูไนเต็ด ย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่มาดริดจะตัดสินใจเจรจากับใคร
กระนั้นถ้าเราดูปูมหลัง นี่คือเรื่องปกติสำหรับเรอัล มาดริด หลายครั้งแล้วที่ปล่อยผู้เล่นไปให้ทีมอื่น แต่แนบเงื่อนไขขอซื้อคืนไว้ด้วย เป็นการป้องกันไว้ก่อน
อย่างดีล ดานี่ กาบาร์ฆาล ปล่อยให้ไปรุ่งกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นแค่ปีเดียว ก็กระชากกลับคืนมาอย่างไม่รีรอ เพราะในปี 2013 ขาดแบ็กขวาพอดี
เลเวอร์คูเซ่นได้แต่ทำตาปริบๆ พูดอะไรไม่ออก แต่ต้องจำยอมในเมื่อสัญญาระบุไว้ชัดเจนแล้ว
กาเซมีโร่ ก็อยู่ในข่ายไม่ต่างกันเลย มาดริดไปฉุดมาจากเซา เปาโลในปี 2012 ตั้งแต่ยังวัยรุ่น เพิ่งเทิร์นโปรมาได้ไม่เท่าไร จากนั้นนำมาใช้งานในทีมชุดบีหรือกาสตีย่า ส่วนชุดใหญ่แทบไม่ได้สัมผัสเลย
กระทั่งปี 2015 ปอร์โต้ติดต่อมา เลยตัดสินใจขายให้ในราคา 7.5 ล้านปอนด์ แต่ปักหมุดไว้ด้วยว่าสามารถซื้อคืนกลับได้ทุกเมื่อ
ปรากฏว่า กาเซมีโน่ โชว์ฟอร์มประทับใจกับปอร์โต้มากๆ มาดริดเลยจัดการดึงกลับมาด้วยการจ่ายเท่าราคาเดิมนั่นแหล่ะ เราจึงได้ยินข่าวว่าเป็นเพียงแค่การยืมตัว แต่ความจริงแนบสัญญาซื้อกลับไว้ด้วย
หรือจะเป็น ซามูเอล เอโต้ ซึ่งดึงมาจากแคเมอรูนตั้งแต่ปี 1996 ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่มาดริดก็เซฟด้วยการขายให้เรอัล มายอร์ก้าในอีก 4 ปีถัดมา โดยขอสิทธิ์ครึ่งหนึ่งหากมีการขายเกิดขึ้น
หมายความว่าถ้ามายอร์ก้าขายให้ทีมไหน ค่าตัวจะตกเป็นของมาดริด 50 เปอร์เซนต์ ก่อนจะโดนบาร์เซโลน่ามาสอยตัวไป เพราะมายอร์ก้าเต็มใจจะปล่อย
มาดริดคงไม่แฮปปี้กับค่าตัว 8 ล้านปอนด์ที่ได้แบ่งมาเท่าไรนัก เอโต้ พัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นดาวถล่มประตูพระกาฬของบาร์ซ่า นี่สิที่น่าเจ็บปวด
ว่ากันเคสของ เอโต้ นั่นเองกลายเป็นบทเรียนต้องรัดกุมมากยิ่งขึ้น เลยกลายเป็นหนึ่งในไอเดียที่แทรกเงื่อนไขซื้อกลับไว้ในสัญญาด้วย
ในเวลาต่อมานอกจาก กาบาร์ฆาล และ กาเซมีโร่ ยังมีอีกหลายคนที่มาดริดใช้วิธีการขอซื้อคืนไว้
อัลบาโร่ เนเกรโด้ ไปดึงคืนมาจากอัลมาเรีย , เอสเตบัน กราเนโร่ ซื้อกลับมาจากเกตาเฟ่
หรือที่เอาใกล้ตัวหน่อยก็ดีล อัลบาโร่ โมราต้า กระชากคืนมาจากยูเวนตุส เพราะซัลโวประตูได้อย่างร้อนแรง
ส่วนแข้งชุดปัจจุบันที่เป็นมรดกจากดีลซื้อกลับคือ มาเรียโน่ ดิอาซ กองหน้าทีมชาติโดมินิกัน ซึ่งยิงกระจายกับลียง แต่พอกลับมาต้นสังกัดเดิมอีกครั้งไม่ค่อยได้รับโอกาส จนทุกคนแทบจะลืมว่ายังมีชื่ออยู่
ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่มาดริดจะแทรกเงื่อนไขซื้อกลับ เรกีลอน เอาไว้ด้วย อ่านล่วงหน้าไว้แล้วว่า เอากลับมาก็ต้องนั่้งข้างสนาม ซีเนดีน ซีดาน ไม่ใช้งานแน่ๆ มีทั้ง มาร์เซโล่ และ แฟร์กล็อง เมนดี้ อยู่แล้ว
มาดริดเลยกุมความได้เปรียบเอาไว้ แต่ในเมื่อสเปอร์สรับความเสียเปรียบได้ ดีลก็น่าจะจบลงอย่างไร้ปัญหานั่นเอง
มาดูกันที่แมนฯยูไนเต็ดบ้าง ไม่พอใจเงื่อนไขซื้อกลับของเรอัล มาดริด เรื่องอะไรจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างโดนกดขี่
อย่างไรก็ตามปีศาจแดงก็เคยทำในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน ใช่ว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่อะไร
สมัย อัดนาน ยานาไซ โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม เป็นยังบลัดที่รอขึ้นมาประดับวงการ แต่ไม่อาจแทรกขึ้นชุดใหญ่ยึดตัวจริงถาวร แมนฯยูไนเต็ดเลยตัดสินใจปล่อยให้เรอัล โซเซียดาดด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตามยังเผื่อเหลือเผื่อขาดติดเงื่อนไขซื้อกลับเอาไว้ด้วย ลึกๆยังมั่นใจว่านักเตะจะพัฒนาได้กว่าเดิม
แต่ก็อย่างที่เห็นกัน ยานาไซ เข้าออกระหว่างตัวจริงกับสำรองโซเซียดาด ไม่มีทางเลยที่ปีศาจแดงจะซื้อกลับมา
ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันแมนฯยูไนเต็ดขาย เมมเฟิส เดอปาย ให้กับทางลียงด้วยราคาเพียงแค่ 12 ล้านปอนด์ ทั้งที่ทุ่มทุนคว้ามาจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 25 ล้าน
เพื่อเป็นการเซฟไว้ไม่ให้เสียรังวัดอีก จึงแนบเงื่อนไขซื้อกลับไว้ด้วย แม้ 3 ปีที่ผ่านมาจะโชว์ผลงานน่าประทับใจกับลียง แต่แมนฯยูไนเต็ดไม่คิดจะดึงกลับมา กลายเป็นว่ากำลังจะโอเคกับบาร์ซ่า
บอร์ดแมนฯยูไนเต็ดย่อมเข้าใจดีเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบกับเงื่อนไขดังกล่าว จึงไม่ยอมรับง่ายๆ ปล่อยให้สเปอร์สเบียดตอนเข้าโค้งใกล้มาวินนั่นแหล่ะ
ดีลซื้อกลับจึงเหมือนพวกปลาใหญ่กินปลาเล็กนั่นแหล่ะ ขายให้เอาไปเลี้ยงดู พอถึงเวลาอยากได้ก็ค่อยดึงคืนมา
แต่พวกสโมสรใหญ่ไม่แคร์อยู่ นี่คือโลกของธุรกิจ ส่วนทีมเล็กๆรองลงมาก็ต้องยอมหมุนไปตามวงล้อ
ไม่หมุนตามก็อยู่ลำบาก เราต่างก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยกันทั้งนั้น
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #สองปลิงผู้มาปล้นหงส์ ] : เฟร์นานโด ตอร์เรส เพิ่งออกมาเล่าถึงเหตุผลที่ย้ายหนีลิเวอร์พูลไปเชลซีในปี 2011 เป็นเพราะเจ้าของสโมสรที่โกหกคำโตมาตลอดทั้ง จอร์จ ยิลเล็ตต์ และ ทอม ฮิคส์ คือเจ้าของดูโอในเวลานั้น เข้ามาตั้งแต่ปี 2007 แล้วมุ่งมั่นกับการกอบโกยอย่างเดียวบทความนี้จะพาไปดูเบื้องลึกปูมหลังว่าสองคนนี้เข้ามาได้อย่างไรและเกิดอะไรขึ้นบ้าง
[ #17ปีที่เชลซีไม่เคยเปลี่ยน ] : บิดเข็มนาฬิกากลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์เชลซี พร้อมกับความเกรียวกราวด้วยงบประมาณซื้อผู้เล่นมหาศาลหลายคนคิดว่า "เสี่ยหมี" มาไม่นานหรอก เดี๋ยวพอเบื่อก็ล่าถอยกลับไปเอง แต่เอาเข้าจริงทุกวันนี้แพสชั่นยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยและซีซั่นนี้เชลซีมาเขย่าอีกครั้งด้วยเงินฟ่อนใหญ่ สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจโลกอีกต่างหาก
[ #ปกครองลูกน้องแบบไหน ? ] : ดูจากภายนอก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา น่าจะมีบุคลิกนิสัยเป็นคนใจดี มีเมตตา ยิ่งได้เป็นหัวหน้าที่ตกปกครองลูกน้องด้วยแล้ว จะไหวหรือเปล่า? ร่องรอยความสงสัยปรากฏขึ้นมาตามลำดับ เมื่อมีผู้เล่นอย่างน้อยถึง 3 คนก่อเรื่องฉาวจนกระทบกระเทือนกันไปหมด บางทีนี่น่าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับ โซลชา ที่จะได้พิสูจน์ฝีมือการเป็นผู้จัดการทีม หากซีซั่นนี้ไม่ตามเป้า บอกได้เลยว่าตัวใครตัวมัน
[ #มือใหม่ผู้มากอบกู้ปืนใหญ่ ] : นับตั้งแต่ มิเกล อาร์เตต้า เข้ามารับงานผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลเมื่อปลายปีที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงค่อยๆเกิดขึ้นมาที่ละก้าว กระทั่งนำมาซึ่งความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมแต่น่าสนใจมากๆตรงที่ กุนซือสแปนิชมีวิธีการรีดเค้นประสิทธิภาพนักเตะหลายต่อหลายคนที่เหมือนจะหมดอนาคตไปแล้ว ให้มีฟอร์มยอดเยี่ยมน่าทึ่งนี่คือผลงานของกุนซือวัยเพียงแค่ 38 ปีที่เป็นมือใหม่แต่เต็มไปด้วยความไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
Youtube : www.youtube.com
ขอบคุณครับ
โฆษณา