ประเพณีโฎนตาจะจัดขึ้นตั้งแต่วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เรียกว่าเป็นวันเบ็ณฑ์เล็ก หรือวันสารทเล็ก (ภาษาเขมรเรียก "ไถงเบ็ณฑ์ตู๊จ") ซึ่งถือเป็นวันแรกของการเริ่มงาน
วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เรียกว่าเป็นวันเบ็ณฑ์ใหญ่ หรือวันสารทใหญ่ (ภาษาเขมรเรียก "ไถงเบ็ณฑ์ธม")
๔. ความเชื่อ
ชาวไทยเชื้อสายเขมร มีความเชื่อว่าในเดือน ๑๐ ตอนกลางคืนพระจันทร์จะอับแสงและมืดสนิทกว่าเดือนอื่นๆ มีความเชื่อว่ายมบาลจะปลดปล่อยดวงวิญญาณให้มาบนโลกมนุษย์ เพื่อมาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องและขอรับส่วนบุญกุศลจากญาติพี่น้องและบุคคลอื่นที่อุทิศส่วนกุศลให้
ในช่วงเทศกาลแซนโฎนตาบรรดาลูกหลาน ญาติพี่นน้องจะกลับมากราบไหว้พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย และญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือและนำสิ่งของรวมถึงเงินทองเพื่อให้ท่านได้นำไปทำบุญในวันแซนโฎนตา หรืออาจจะนำไปทำบุญและถวายที่วัดก็ได้
๕. การปฏิบัติ
วันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ หรือวันเบ็ณฑ์เล็ก แต่ละบ้านจะมีพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่บ้าน และนำภัตตาหารไปถวายพระที่วัดเพื่อให้พระสงฆ์รับรู้ว่ากำลังจะเข้าสู่ประเพณีและเป็นการบอกไปยังยมบาลให้เตรีียมปลดปล่อยดวงวิญญาณมายังโลก
การเซ่นไหว้อาจจัดก่อนเที่ยงหรือบ่ายก็ได้ โดยจัดที่ลานบ้าน ระเบียงบ้าน หรือห้องโถงในบ้าน โดยใช้สื่อผืนใหญ่ อาจมีฟูกทับอีกชั้นหนึ่ง วางหมอนไว้บนหังฟูกและมีผ้าขาววางทับ หัวฟูกจะหันไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ
บนฟูกจะประกอบไปด้วยเครื่องหอม เครื่องสำอาง เครื่องแต่งกาย ส่วนรอบๆ จัดเป็นถาดสำหรับกับข้าว ขนมหวานหมากพลู เหล้า ยาสูบ
เมื่อพิธีเริ่มสมาชกในบ้านและเพื่อนบ้านใกล้เคียงจะมานั่งล้อมวงเสื่อ ผู้อวุโสเป็นประธานในพิธีจุดธูปเทียนอัญเชิญดวงวิญญาณบรรพบุรุษให้มารับเครื่องเซ่นไหว้และลูกหลานขอพรให้อยู่เย็นเป็นสุข ในระหว่างพิธีจะพูดคุยกันในสิ่งที่ดี และจะอัญเชิญดวงวิญญาณไปฟังเทศน์ฟังธรรมในวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ซึ่งเป็นวันเบ็ณฑ์ธมที่วัด
เมื่อถึงใกล้รุ่งวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ จะมีการไปทำบุญที่วัด เมื่อพระสงฆ์ลงจากโบสถ์ชาวบ้านจะพากันจุดธูปเทียน แบกกระเฌอโฎนตา รอบโบสถ์ ๓ รอบ แล้วเทอาหารลงลานหญ้ารวมกัน โดยมีความเชื่อว่าดวงวิญญาณผีบรรพบุรุษและดวงวิญญาณอื่นกำลังรอกินอาหารอีกครั้ง ครั้งสุดท้าย