21 ก.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ให้มันจบแค่ตรงนี้ ]
ชื่อของ วิลฟรีด ซาฮา มาปังเอาตอนมกราคม 2013 เมื่อยืนยันย้ายมาแมนฯยูไนเต็ด ก่อนจะปล่อยให้คริสตัล พาเลซต้นสังกัดเดิมยืมตัวจนจบฤดูกาล
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตั้งใจจะนำแข้งดาวรุ่งรายนี้มาปลุกปั้น เพราะมีสไตล์การเล่นที่ตอบโจทย์ความต้องการ เร็ว แกร่ง ไปกับบอลได้ดีและมีความกล้าบ้าบิ่นพอตัว
เป็นปีกขวายุคใหม่ที่ไม่ใช่ต้องคอยยืนชิดริมเส้นอย่างเดียว สามารถหุบมาข้างในคอยช่วยปิดสกอร์ได้
ฤดูกาล 2012/13 ผลงานของ ซาฮา ยอดเยี่ยมมากๆ 8 ประตู 12 แอสซิสต์ จนทำให้ เฟอร์กี้ เร่งเร้าบอร์ดบริหารให้จัดการซื้อมา
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าเขาจะเป็นผลงานการซื้อครั้งสุดท้ายของ เดวิด กิลล์ ซีอีโอของแมนฯยูไนเต็ด
เพราะอีกไม่กี่วันถัดมาคือในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ กิลล์ ก็ตัดสินใจลงจากเก้าอี้หัวหน้าผู้บริหาร เปิดทางให้ เอ็ด วู้ดเวิร์ด ก้าวขึ้นมาแทน ท่ามกลางความประหลาดใจของใครต่อใคร
เช่นเดียวกันนี่เป็นนักเตะคนสุดท้ายที่ เฟอร์กี้ คว้ามาร่วมทีม เพราะในซัมเมอร์ 2013 ก็ประกาศรีไทร์จากผู้จัดการทีม คราวนี้ทำเอาโลกฟุตบอลสะเทือนไปเลยทีเดียว
เฟอร์กี้ บอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ฉุกละหุก ใช้เวลาไม่กี่วันในการทบทวน ก่อนจะขอทำเพื่อ เคธี่ ภรรยาสุดที่รัก ไม่อยากให้โดดเดี่ยวอยู่ลำพังมากเกินไป
แต่ในทางกลับกัน ซาฮา กลายเป็นแข้งที่โดดเดี่ยว จับต้นชนปลายไม่ถูกกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของแมนฯยูไนเต็ด
หนึ่งเหตุผลที่ทำให้ยอมเซ็นสัญญากับปีศาจแดง เพราะมี เฟอร์กี้ เป็นแม่เหล็กสำคัญ ทั้งคู่ได้คุยกันเรียบร้อย ถึงแผนงานในอนาคตและโอกาสที่ ซาฮา จะได้ลงสนาม
ยังไม่ทันได้ย้ายมาเล่นเป็นเรื่องเป็นราว กิลล์ และ เฟอร์กี้ ก็เปิดหมวกลาแล้ว ซาฮา เก็บกระเป๋ามายังแมนฯยูไนเต็ดแบบเคว้งคว้าง จะหาทางต่อไปอย่างไรดี
ค่าตัว 10 ล้านปอนด์บวกแอดออนหรือจ่ายส่วนที่เหลือตามเงื่อนไขอีก 5 ล้าน รวมเป็น 15 ทำให้ถูกจับตามากยิ่งขึ้น
ด้วยความที่เล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ จึงทำให้ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ฉะนั้นจำต้องเร่งพิสูจน์ให้ได้
เริ่มแรกเขาได้คุยกับ เดวิด มอยส์ เจ้านายคนใหม่ ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไรนัก หลายอย่างราบรื่นดี ไร้สัญญาณเตือนว่าจะมีความขัดแย้งหรือเรื่องเลวร้ายตามมา
ซาฮา ได้ลงทำศึกคอมมูนิตี้ ชิลด์ เจอกับวีแกน แอธเลติก มีชื่อเป็น 11 คนแรก ได้อยู่ในสนามถึง 61 นาทีด้วยกัน ก่อนจะถูก อันโตนิโอ วาเลนเซีย ลงมาแทน สร้างความปลาบปลื้มไม่น้อย
อย่างไรก็ตามจู่ๆชื่อเขาก็หายไปจากทีมดื้อๆ ทั้งที่ไม่ได้มีปัญหาอาการบาดเจ็บอะไรเลย สภาพร่างกายและความฟิตปกติทุกอย่าง พร้อมลงเล่นอยู่เสมอ
เขาไม่ได้ลงเลยนับจากนั้น จนกระทั่งถึง 29 ตุลาคม ถึงได้รับโอกาสอีกครั้งลงโม่เกมลีกคัพรอบ 3 ดวลกับนอริช ซิตี้ ก่อนถล่มสบาย 4-0 ในขณะที่เกมลีกต้องรอจน 7 ธันวาคม ถูกส่งจากม้านั่งสำรองมาแทน นานี่ ก่อนพ่ายนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดคาบ้านตัวเอง
พอปฏิทินเปลี่ยนปีเรียบร้อย ซาฮา ย้ายไปคาร์ดิฟฟ์แบบยืมตัวครึ่งซีซั่นที่เหลือ ในวันสุดท้ายก่อนเดดไลน์
เขาลงให้คาร์ดิฟฟ์ในลีก 12 เกมด้วยกัน ทำประตูไม่ได้ก็จริง แต่ผลงานโดยรวมไม่ได้แย่อะไรนัก
ก่อนจะคัมแบ็กแมนฯยูไนเต็ดอีกคำรบ มอยส์ ที่ทำผลงานได้แย่มากๆ โดนเชือดพ้นเก้าอี้ก่อนฤดูกาลจะปิดฉากไม่เท่าไร
อย่างไรก็ตามการมาของ หลุยส์ ฟานกัล เจ้านายคนใหม่ ก็อยู่ในสถานการณ์ไม่แตกต่างกันนัก
ผู้จัดการทีมชาวดัตช์แจ้งกับบอร์ดบริหารแล้วว่าไม่เก็บ ซาฮา ไว้ในทีมแน่นอน บอกนักเตะหาต้นสังกัดใหม่ได้เลย
ดังนั้นเขาจึงหวนคืนสู่อ้อมกอดพาเลซอีกครั้ง เป็นการยืมตัวระยะเวลาหนึ่งฤดูกาลด้วยกัน
เมื่อตลาดหน้าหนาวเวียนมาถึง ก่อนเส้นตายจะหมดลงไม่กี่ชั่วโมง ซาฮา จรดปากกาเซ็นสัญญาถาวร 5 ปีครึ่ง ด้วยค่าตัวรวมเพียงแค่ 6 ล้านปอนด์เท่านั้น ยุติการเป็นผู้เล่นของแมนฯยูไนเต็ดทางการ
ที่ผ่านมาเป็นก็เหมือนไม่เป็น มันช่างน่าเจ็บปวดอย่างมาก
เคสของ ฟานกัล ยังพอเข้าใจได้ เพราะเขาไม่ใช่นักเตะที่โดนซื้อมาโดยตรง ไหนจะชั่วโมงบินที่ยังน้อยนิด ยังไงก็ไม่อยู่ในสายตาแน่นอน
แต่ภายใต้การร่วมงานกับ เดวิด มอยส์ ยังมีความกังขาค้างคาเกิดขึ้นข้างใน ว่าทำไมถึงถูกปฏิบัติเช่นนี้
ไม่แน่ใจว่า ซาฮา จะรู้จริงๆหรือเปล่า สาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ทำให้ต้องตกอยู่ในชะตากรรมดังกล่าว
แต่ข่าวลือสะพัดมากมายจนน่าตกใจและมันกลายเป็นบาดแผลเกาะกินความรู้สึกจนทุกวันนี้
"ไม่มีใครในสโมสรบอกอะไรกับผมสักอย่าง แล้วจะให้ผมทำอย่างไรกัน"
ประโยคนี้ วิลฟรีด ซาฮา ตัดพ้อขึ้นมา หลังจากเคยตกเป็นข่าวมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ลอเรน มอยส์ ลูกสาวของ เดวิด มอยส์
ตอนที่เขาโดนดร็อปแบบลืมตาย มีก็อสซิปประมาณว่าเพราะสาเหตุดังกล่าวเลยสร้างความขุ่นเคืองให้เจ้านาย จนโดนมองข้ามในที่สุด
ช่วงนั้น ซาฮา ยอมรับว่าทรมานมากๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร เขายังเด็กและไร้ประสบการณ์เกินกว่าจะแก้ไขรับมือให้สถานการณ์อันเลวร้ายผ่านไปได้
แล้วพอทวิตข้อความว่า "ข่าวลือช่างงี่เง่า" กลับโดนเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสโมสรตักเตือนว่าให้ลบข้อความนั้นซะ ไม่เป็นผลดีเลยหากจะจุดชนวนให้ลุกลามบานปลาย
แทนที่จะเข้ามาช่วยอธิบายให้เกิดความเข้าใจ แต่มันคือการห้ามแบบไม่มีการชี้แจงอะไรเลย สุมความสับสนและโกรธแค้นให้หนักข้อเข้าไปอีก
สำหรับนักเตะสักคนที่มาแบบตัวคนเดียว ไม่มีใครให้คอยยึดเหนี่ยว เดวิด กิลล์ และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เคยเจรจาติดต่อกันก็ลาไปหมดแล้ว
แล้วการที่ต้องตกอยู่ในข่าวฉาวเช่นนี้ มันย่อมเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากๆ ทุกคนยิ่งเฉยมากเท่าไร ย่อมทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง
ขณะเดียวกันทำไม มอยส์ ถึงไม่ยอมคุยกับ ซาฮา ดีๆ มาทำความเข้าใจกันใหม่ ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องไหลไปเรื่อย ยิ่งเขาตัดสินใจจับนั่งข้างสนาม ก็เหมือนจุดเชื้อความน่าเชื่อถือเข้าไปอีก
หลังย้ายออกมาแล้ว มีหลายครั้งด้วยกันที่ ซาฮา พยายามเปิดเผยความจริงคืออะไร?
เขายืนกรานหัวเด็ดตีนขาดว่าไม่รู้จัก ลอเรน เป็นการส่วนตัวเลย ไม่เคยแม้กระทั่งเจอหน้าหรือพูดคุย ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวนี้เกิดขึ้นจากใคร
"จนถึงทุกวันนี้ทุกคนยังคิดว่านี่คือเรื่องจริง" ซาฮา เปิดใจไว้ไม่กี่วันก่อนนำคริสตัล พาเลซบุกแมนฯยูไนเต็ด ในเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ลึกลงไปข้างใน ซาฮา ยังคงโกรธหลายคน ไม่ว่าจะเป็นสโมสรที่ไม่เคยทำอะไรเลยสักนิด ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนคอยปลอบประโลมยืนเคียงข้าง เพื่อนร่วมทีมก็ห่างเหิน พวกแข้งรุ่นพี่ไม่มีใครใส่ใจ
มองตาใครก็มีแต่คนก้มหลบ เหมือนไม่ต้องการเอาตัวเข้าไปเสี่ยงด้วย ทุกคนต่างต้องการเลี่ยงปัญหา ทั้งที่ข่าวที่ว่าไม่มีความจริง
ทุกวันนี้ยังมีคนไปรื้อฟื้นอดีตอันขมขื่นของ ซาฮา เช่นเดิม แล้วหลังเกมที่ยกพลถล่มแมนฯยูไนเต็ด ยัดเยียดความปราชัยให้อดีตต้นสังกัดตั้งแต่นัดแรก โดยตัวเขาจัดคนเดียว 2 ประตู ประเด็นนี้ถูกขุดมาอีก
ปาทริช เอวร่า อดีตแบ็กซ้ายแมนฯยูไนเต็ด ที่รับรู้อยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นด้วย บอกเล่าเป็นฉากๆว่า ช่วงเกมปรีซีซั่นยังเห็นลงทุกนัด แต่พอฤดูกาลปกติมาถึงกลับหายจ้อย น่าจะมาจากเรื่องสัมพันธ์สวาทกับลูกสาวผู้จัดการทีม
นี่คือการให้สัมภาษณ์ผ่านทางสกายทีวี ก่อนทางเจ้าหน้าที่ต้องออกมาขอโทษในนามของสถานี จนต้องมีการออกมาขอโทษภายหลัง
ทุกวันนี้เรายังไม่รู้เลยว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่อย่างไร ทางที่ดีสุดคือปล่อยให้จบไปซะ
สำหรับ ซาฮา ทุกอย่างน่าจะยุติเรียบร้อย โดยเฉพาะการได้ชำระสะสางหนี้แค้นด้วย 2 ประตูที่ซัลโวใส่แมนฯยูไนเต็ด
ใครไม่จบ แต่เขาจบมันอย่างเด็ดขาดแล้ว
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #ศักดิ์ศรีที่มีมากกว่า ] : ผ่าน 2 นัดในพรีเมียร์ลีก ฮาเมส โรดริเกซ ได้โชว์ให้เห็นแล้วว่าฝีเท้าเจ๋งขนาดไหน ตอกย้ำถึงความยอดเยี่ยมในอดีตได้อย่างดี มันอาจจะเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง กระนั้นหากเราย้อนเวลากลับไป จะเห็นเลยว่าผลงานของดาวเตะโคลอมเบียนสุดยอดแค่ไหน สำหรับ ฮาเมส การย้ายมาเอฟเวอร์ตัน ไม่ใช่เป็นการก้าวถอย แต่เพื่อปกป้องตัวตนและศักดิ์ศรีของเขาด้วย
[ #ฝันที่สองของเบ็คแฮม ] : ชื่อของสโมสรฟุตบอล อินเตอร์ ไมอามี่เริ่มติดหูมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสื่อมีการนำเสนอข่าวแบบรายวัน แต่เหตุผลหลักมาจากประธานและหุ้นส่วนคือ เดวิด เบ็คแฮม อดีตซูเปอร์สตาร์ ผู้มีภาพเด่นชัดทั้งฝีเท้าและหน้าตา วันนี้พวกเขาได้ผายมือต้อนรับ กอนซาโล่ อิกวาอิน และ แบลส มาตุยดี้ เรียบร้อย ทว่ามันเป็นเพียงแค่การออกสตาร์ตเท่านั้นเอง
[ #ความสุขมันช่างแสนสั้น ] : ควันแห่งความสำเร็จหรือบรรยากาศของการเฉลิมฉลองทริปเปิ้ลแชมป์อันยิ่งใหญ่ยังไม่ทันจางดี บาเยิร์น มิวนิคก็ต้องเจอปัญหาพุ่งชนโครมใหญ่ นอกจากจะต้องปล่อย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ และ อิวาน เปริซิช กลับต้นสังกัดจริงที่ยืมมาแล้ว ติอาโก้ อัลกันตาร่า ก็กำลังชิงหนีและ ดาวิด อลาบา ก็เล่นแง่เรื่องสัญญาใหม่ รวมถึง อูลี่ เฮอเนส ก็ไม่พอใจกับปฏิกิริยาของ ฮันซี่ ฟลิค กุนซือที่ร้องขอตัวแทนอีก ปัญหาหลังผ่านความสำเร็จครั้งใหญ่ มันวุ่นวายอย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
[ #ไม่แฟร์แต่ใครแคร์ ] : หากไม่มีอะไรผิดพลาดสเปอร์สน่าจะได้ เซร์คิโอ เรกีลอน ไว้ในครอบครอง โดยยอมรับเงื่อนไขให้เรอัล มาดริดซื้อกลับได้ภายใน 2 ปีดีลแบบนี้ยังไงไก่เดือยทองก็เสียเปรียบ แต่เมื่อสถานการณ์บีบคั้นก็พร้อมยอมรับ ไม่มีทางเลือกมากนักผิดกับแมนฯยูไนเต็ดเล่นแง่ ไม่อยากรับข้อเสนอ เพราะรู้ดีว่าไม่แฟร์และพวกเขาเองก็เคยทำอย่างนี้มาก่อนเช่นกัน
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา