21 ก.ย. 2020 เวลา 19:31 • กีฬา
ความพ่ายแพ้ บนความเหมือนที่แตกต่าง.. .
(คำเตือน : บทความนี้เป็นการวิจารณ์แบบกึ่งใช้อารมณ์ อาจมีภาษาไม่ค่อยสุภาพ คำหยาบที่บาดตาไปบ้าง ขออภัยมา ณ ที่นี้)
Cr. Google.com
ครับวันนี้มาดึกหน่อย จะไม่เยิ่นเย้อเวิ่นเว้อให้เสียเวลา มาชำแหละ ชำเรา เคล้าด้วยเสียงคมอีโต้ และเลื่อยไฟฟ้ากันดีกว่า
คืนวันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2563
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 - 3 คริสตัล พาเลซ
คืนวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2563
เชลซี 0 - 2 ลิเวอร์พูล
ครับ สองทีมใหญ่ แคนดิเดตเจ้าของถ้วยพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดกันพ่ายแพ้ต่อทีมเยือนคาบ้านคาช่องตัวเองโดยไม่ได้นัดกันมา แพ้แบบหมดสภาพเหมือนกัน แพ้ในเกมที่มีความหมายเหมือนๆกัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นเพิ่งได้ลงสนามเป็นนัดแรกหลังชาวบ้านชาวช่องเขาหนึ่งนัด ก็หวังจะประเดิมชัยชนะเป็นนัดแรกเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้มีพลังโม่แข้งแย่งสามแต้มให้ได้มากที่สุดในอีก 37 นัดที่เหลือ เพื่อครองบัลลังก์แชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ หลังจากห่างหาย ไม่ได้แม้แต่ดมหูถ้วยมาถึงเจ็ดปีเต็ม นั่นคือเป้าหมายอันดับหนึ่งของพวกเขาเลย แต่.. .แต่มันจบลงไม่ได้สวยงามเลิศหรูอลังการดาวล้านดวงอย่างที่แฟนผีคิด ชิบผายแล้วครับ!!! แพ้คาบ้านตั้งแต่นัดแรกของซีซั่น แพ้ต่อทีมด้อยศักดินาอย่างคริสตัล พาเลซ ที่เมื่อตอนช่วงท้ายๆฤดูกาลก่อน รู้ตัวว่ารอดจากการตกชั้นแล้ว ก็ปล่อยมันแพ้รูดเละเทะถึงเจ็ดนัดติด ก่อนจะมาเสมอสเปอร์ในนัดส่งท้ายฤดูกาล 1 - 1 แถมเมื่อในนัดที่ 36 พวกเขาก็ปล่อยตัวปล่อยใจให้ปีศาจแดงสำเริงสำราญเบาๆ 0 - 2
นี่มันเกิดเชี่ยอะไรขึ้นวะ!!! ผมสบถอยู่หน้าจอสมาร์ทโฟนที่สว่างจ้าอยู่ท่ามกลางความมืด ในขณะที่แมนยูโดนพาเลซกดขึ้นนำ 0 - 1 มือไม้งี้กำแน่น อยากจะบีบเครื่องให้แตก ฉุกคิดได้ก็เบามือลงเพราะเสียดาย
ไอ้เวรตะไล "ลินเดอรั่ว" อีกแล้วครับท่าน!!! มันปล่อยให้ เจฟฟรีย์ ชลุปป์ พาบอลเข้ามาเขตโทษทางฝั่งซ้ายแบบง่ายๆ กูใจคอไม่ดีแล้ว แม่งแล้วก็ผ่านบอลง่ายๆไปเสาสองให้ แอนดรอส ทาวน์เซนด์ ซัดตุงตาข่าย นั่งไม่ติดแล้วกู
เกมมันก็ยังดูอึดอัดไม่ได้อย่างใจอยู่นะ แดเนียล เจมส์ ดาวรุ่งที่ตำนานผีอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ สปอยนักสปอยหนา ก่อนชงให้น้าโอเล่ว่า "ซื้อเถอะเกลอ ไอ้หมอนี่ อนาคตมันจะต้องกลายเป็นดาวจรัสฟ้าเบิกนภาอย่างแน่นอน เชื่ออั๊ว อั๊วดูคนไม่ผิดหรอก" เป็นไงครับ เล่นไม่ออก ไร้ตัวตนในสนาม ไม่ได้ทำเชี่ยอะไรเป็นจริงเป็นจัง เป็นชิ้นเป็นอัน เกมรุกฝั่งขวา ไม่มีพิษสงอะไรเลย ตายสนิท แนวรับฝั่งซ้ายของพาเลซได้แต่เดินสลับกับยืนเกาไข่ไปมา เจมส์ ไม่ได้มีพัฒนาการอะไรที่ดีขึ้นมาเลยนับตั้งแต่ย้ายมาจากสวอนซี เป็นผมจะจับขายทิ้งแม่ม ไม่เอาไว้ให้เสียประสาท เลี้ยงเสียดายข้าวสุก ขุนไม่ขึ้น
ครับ!!! เคาะกันป๊อกแป๊กๆ วนไปวนมาผลัดกันรุกผลัดกันรับ แมนยูมีให้ได้เสียวจี๊ดกันบ้างในนาทีที่ 20 กับลูกยิงไกลของ ปอล ป็อกบา แต่มันก็แค่เสียว ขึ้นมาให้ได้ลุ้นกันอีกนาทีที่ 22 สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ปั่นด้วยขวาบอลแฉลบหลุดเสาไกลออกไปนี้สเดียว ถัดมาอีก 4 นาทีมาอีกระลอก บรูโน่ แฟร์นานด์ส กดด้วยซ้ายเหน่งๆ บอลพุ่งเรียดตรงกรอบ แต่ถูกปฏิเสธโดย บิเซนเต้ กวยต้า นายด่านพาเลซ ช่วงทดเวลา ปราสาทเรือนแก้ว เกือบหนีห่างไปเป็น 2 - 0 จากจอร์แดน อายิว แต่ ดาบิด เด เคอา เซฟไว้ได้ หมดครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
Cr. sanook.com
ครึ่งหลังเกมก็ยังคงอึดอัดปนหวาดเสียวอยู่ ไฮไลท์สำคัญก็มาถึง นาทีที่ 74 เอาแล้วไงครับ ไอ้ลินเดอรั่ว ตัวเดิมตัวเดียว ทำแฮนด์บอลครับท่าน เสียจุดโทษสิ จะรออะไรล่ะ ว่าแล้ว จอร์แดน อายิว ก็รับหน้าที่สังหาร แต่ไปติดเซฟของ เด เคอา ผมงี้เป่าปากเลย แต่โล่งอกได้เพียงกระพริบตาเดียว วีเออาร์ดันบอกว่า เด เคอา ขยับออกมาจากเส้นประตูก่อน อายิว จะยิง พาเลซได้ยิงใหม่ครับ ครานี้ วิลฟรีด ซาฮา รับอาสายิงเอง "อายิวเว่ย!! มึงดูกูนะ แบบนี้ถึงจะเรียกยิงจุดโทษ!!!" ไม่พลาดครับ 2 - 0 ผมเริ่มทำใจและเบื่อการแก้เกมของ โซลชา มากๆ พักครึ่งไปนอกจากไม่ได้แก้เกมหรือปรับให้มันมีอะไรดีขึ้น ยังไม่ตัดสินใจหาตัวเปลี่ยนเกมลงมาซักคนอย่าง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่เพิ่งจะถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาทีที่ 67 แทน ป็อกบา ซึ่งผมมองว่ามันช้าไป น้าโอเล่ มึงควรเสี่ยงดันลงตั้งแต่ต้นครึ่งหลังแล้ว แทน แม็คโทมิเนย์ แบบวัดดวงเสี่ยงกันไปเลย จะเห็นได้ว่าประตูตีตื้น 2 - 1 ในนาทีที่ 80 ของเขา มาจากการยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลาเพียงแค่ลงสนามไป 13 นาทีเท่านั้น ยูไนเต็ดพยายามจะเอาประตูตีเสมอให้ได้ แต่มันก็มาจากปัญหาเดิมๆ คือพวกมึงเล่นกันได้ไร้ไอเดียมาก ในเมื่อมึงไม่เอาคืน เดี๋ยวกูสงเคราะห์ให้ ว่าแล้วไอ่.. ไอ่.. ไอ่ลินเดอรั่ว ก็ลั่นบอลไปเข้าทาง วิลฟรีด ซาฮา กดด้วยขวาเต็มๆในเขตโทษ เสียบเสาแรกสบายตัวไป หมดเวลา แมนยูแพ้คาบ้านอย่างอับอายขายขี้หน้า 1 ประตูต่อ 3
สาเหตุง่ายๆ มีด้วยกัน 5 ข้อเลยที่แมนยูไนเต็ดสมควรแพ้ ตามสิ่งที่ผมเห็น และความรู้สึกส่วนตัว
1. วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ
ทั้งสามลูกมาจากความผิดพลาดของมันล้วนๆ สมควรแก่เวลาที่ต้องหาเซ็นเตอร์ที่ไว้ใจได้มาเสียบแทนโดยด่วน แล้วส่งมันกลับสวีเดนไปวิ่งจับโจร ถ้าบอร์ดผีมันโบ๋นัก ลองให้โอกาส คริส สมอลลิ่ง ที่ฤดูกาลที่แล้วโชว์ฟอร์มดีกับโรมาอีกสักครั้ง อย่าเพิ่งด่วนขาย
2. เกมรุกที่ปราศจากความคิดสร้างสรรค์
สถิติบ่งบอกว่า ตลอด 90 นาที แมนยูครองบอลถึง 76% แต่ในจำนวนนี้ พวกมึงแทบไม่มีโอกาสเจาะเข้าเขตอันตรายของคู่แข่งเลย สังเกตนะครับ ลูกที่ยิงเข้าใส่พาเลซ ล้วนมาจากลูกยิงจากนอกกรอบทั้งนั้น ยังไงซะ ต้องขวนขวายหาตัวรุกริมเส้นด้านขวาคนใหม่ให้ได้โดยเร็วที่สุด ซานโช่คงชวดแน่ ใครก็ได้ที่มันดีกว่า แดเนียล เจมส์ ของชายกิ๊กส์เย่อเมียน้อง
3. โซลชาเล่นแผนเดียวทั้งเกม
บอกเลยว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่เหมาะที่จะทำทีมใหญ่ๆที่รับความกดดันขนาดนี้ ถึงตรงนี้เห็นได้เลยว่า "กึ๋น" ในการทำทีมของน้าโอเล่ สอบไม่ผ่าน เสียประตูแรกไว โอเคล่ะ แมนยูพับสนามบุกก็จริง แต่ก็เป็นการเคาะบอลแบบวนไปวนมา ไม่ได้มีอะไรหวือหวาเลยแม้แต่น้อย พอครึ่งหลังมา ก็ยังไม่คิดปรับเปลี่ยน เคาะแล้วเคาะเล่า เคาะไปเคาะมา แล้วก็เสียบอล
4. โซลชาเปลี่ยนตัวช้าและผิดพลาด
นี่เป็นข้อที่แตกออกมาจากข้อ 3 โซลชาแก้เกมโดยการเปลี่ยนตัวผู้เล่นตามตำแหน่งเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ให้มันดีขึ้นมาเลย ฟาน เดอ เบ็ค ลงมาแทน ป็อกบา กว่าจะลงมาได้ก็นาทีที่ 67 เข้าไปแล้ว แล้วทำไมไม่เปลี่ยนแทน แม็คโทมาเนย์ ในเมื่อ ฟาน เดอ เบ็ค มีความหลากหลายในแผงมิดฟิลด์ตรงกลางสนาม ผมคิดว่าน่าจะลองเสี่ยงเปลี่ยนลงมาตั้งแต่ต้นครึ่งแรกเลย เผื่อมันจะมีลุ้นมากกว่านี้ กองหน้าอีก กว่าจะเปลี่ยนหัวหอกอีกคนลงมา นาทีที่ 80 มันช้าเกินไปแล้วต๋อย
5. ต้องเร่งเครื่องในตลาดซื้อขายนักเตะ
เป็นประเด็นซ้ำๆ เดิมๆ บอร์ดบริหารของแมนยูนั้น เดินเกมช้าเกินไป จนป่านนี้แน่นอนแล้วว่า เจดอน ซานโช่ นั้นไม่ได้ตัวแน่ ทำไมมึงไม่เร่งไปหาคนอื่น มึงปล่อยให้ แกเร็ธ เบล หลุดไปสเปอร์ ถ้ามึงไม่ซื้อขาด ยืมมาแก้ขัดก่อนก็ได้ มีข่าวกับคนนู้น คนนี้ไปทั่วแต่ไม่มีห่าอะไรให้เป็นรูปธรรมเลย แบ็คซ้ายมึงก็ปล่อย เซร์คิโอ เรกีลอน ไปสเปอร์อีก อูปาเมกาโน่ของไลป์ซิกค่าตัวแพงไป ในเมื่อพวกมึงงบไม่พอ น่าจะไปหาเซ็นเตอร์ดีๆ สักตัวที่ไม่ด้อยกว่ากันมาก แต่นี่ไม่เลย ปล่อย กาเบรียล มากานเญส ไปอาร์เซนอลหน้าตาเฉย ทั้งที่เกี้ยวพาราสีกันมาก่อน ห่วยแตกมาก
Cr. clipfasthd.com
เชลซีเองที่เพิ่งบุกไปทุบไบรท์ตันถึงถิ่น 1 - 3 ประเดิมชัยชนะของฤดูกาลไปแบบทุลักทุเล ก็ไม่แตกต่างกันมาก ต้องเปิดบ้านรับผู้มาเยือนซึ่งเป็นถึงแชมป์เก่าลิเวอร์พูล ที่เปิดรังรับน้องใหม่จากแชมเปี้ยนชิพ ลีดส์ ยูไนเต็ดซะ 4 - 3
เกมนี้เป็นลิเวอร์พูล ที่ทำได้ดีกว่า แม้ว่าในครึ่งแรกนั้นจะยังคงคลำเป้าไม่ตรงกรอบนัก จากโอกาสถึง 9 ครั้ง ขณะที่เชลซีมีโอกาสเพียงครั้งเดียว ทั้งรูปเกมที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด การผ่านบอลที่แน่นอนกว่า แต่จุดเปลี่ยนของเกมจริงๆ มาอยู่ที่ช่วงจะจบเกมครึ่งแรกแล้ว เมื่อบอลยาวที่วางมาจากแนวลึกของกัปตัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปถึง ซาดิโอ มาเน่ สปีดหนี อันเดรียส คริสเตนเซ่น ที่จะหลุดไปเดี่ยวตัวต่อตัวกับ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายประตูเจ้าถิ่น แต่ คริสเตนเซ่น หันมาเหนี่ยว มาเน่ จนล้มลง ผู้ตัดสินเป่าฟาวล์และชูใบเหลืองให้กองหลังเจ้าถิ่นทันที แต่หลังจากพิจารณาด้วยวิดีโอที่ข้างสนาม ผู้ตัดสินก็เปลี่ยนคำตัดสิน ชักใบแดงให้กับปราการหลังแดนิชทันที เป็นอันว่าจบเกมครึ่งแรกแบบโนสกอร์
ครึ่งหลังเป่าเริ่มเกมได้เพียง 5 นาที หงส์แดงก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1 - 0 จากจังหวะที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ประสานงานกับ โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา แล้วตบนิ่มๆเข้ากลางให้ ซาดิโอ มาเน่ ขึ้นโขกเหน่งๆ เข้าไปตุงตาข่าย
หลังจากนั้นเพียง 4 นาที อาคันตุกะเร่งบวกสกอร์เพิ่มเป็น 2 - 0 จากความผิดพลาดอย่างน่าตบกะโหลกของ เกปา ที่เตะเปิดเกมไปติดบล็อกของ มาเน่ ก่อนที่จะเก็บตกจังหวะสองสอยเข้าไปง่ายๆ
สิงห์บลูมีโอกาสงามๆจะๆ ในนาทีที่ 75 เพื่อจะทวงประตูคืน จากการที่ ติโม แวร์เนอร์ ถูก ติอาโก้ อัลกันตาราซึ่งลงมาแทน เฮนเดอร์สัน ที่มีอาการบาดเจ็บ ในนาทีที่ 46 กระแทกจากด้านหลังล้มลงในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที แต่ จอร์จินโญ่ ยิงไปติดเซฟของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ จอมหนึบลิเวอร์พูล
นาทีที่ 82 ทีมเยือนเกือบบวกสกอร์เพิ่มจากลูกยิงไกลของ อัลกันตารา แต่บอลพุ่งแรงหลุดกรอบประตูไป และในนาทีที่ 84 เจ้าบ้านมีโอกาสทอง จากจังหวะซัดในเขตโทษของ แทมมี่ อับราฮัม แต่ติดเซฟของ อลิสซอน อย่างน่าเสียดาย ที่เหลือก็ไม่มีจังหวะอะไรให้ได้ฮือฮาอีก จบเกม ลิเวอร์พูล บุกมาเอาชนะ เชลซี ไป 2 ประตูต่อ 0
จะเห็นว่า ลิเวอร์พูล นั้นเริ่มต่อกันติดแล้ว ยิ่งตัวผู้เล่นน้อยกว่า เชลซีไม่มีหนทางจะต่อกรได้อย่างสมน้ำสมเนื้อเลย การมาของ ติอาโก้ อัลกันตารา ช่วยยกระดับแผงกลางของหงส์แดงอย่างเห็นได้ชัด คลาสของ ติอาโก้ สร้างความแตกต่างให้ทีมได้อย่างทันตาเห็น บอลจากเท้าของเขาในแนวลึกเปิดทางให้ผู้เล่นในแนวบนสบช่องในการหาพื้นที่เข้าทำได้อย่างต่อเนื่อง และนั่น อาจทำให้กัปตัน เฮนเดอร์สัน ต้องมีหนาวๆ ร้อนๆ อย่างแน่นอน
ส่วนการเข้าขากันเป็นอย่างดีของนักเตะสารพัดประโยชน์อย่าง ฟาบินโญ่ กับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค มันยิ่งทำให้หลายคนที่วิจารณ์เรื่องตัวแทนของ เดยัน ลอฟเรน นั้นต้องหุบปากทันที เมื่อเกมนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่จำเป็นต้องซื้อใครในแนวรับเพิ่ม
มาดูทางฝั่งเชลซี ที่นัดนี้เป็นบทเรียนชั้นดีที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ต้องเก็บไปทำการบ้าน ติวพิเศษใส่ไข่ เพิ่มน้ำซุป เมื่อเกมริมเส้นที่เคยเป็นจุดเด่นเมื่อปีที่แล้วความดุดันและเฉียบคมมันหายไป จากการโบกมือลาของ วิลเลียน และ การไม่ฟูลลี่ฟิตของ คริสเตียน พูลิซิส แลมพ์ส เลือกใช้ "ไอ้พี้" ไค ฮาแวร์ตซ์ เดินเกมฝั่งซ้าย เมสัน เมานท์ในฝั่งขวา และ ติโม แวร์เนอร์ เป็นตัวเป้าสามประสานในแนวรุก โดยในบางจังหวะทั้งสามคนจะผลัดกันไปเล่นเป็นตัวริมเส้น นับว่าเป็นไอเดียที่ดีของแลมพ์สในการทำทีม ซึ่งดีกว่ามุกเดิมๆ ในแบบน้าโอเล่ แต่มันยังไม่ตอบโจทย์ได้อย่างตรงตัว แต่โดยภาพรวม ก็ยังพอมีมิติความหลากหลายในการเล่นบ้าง หากว่าผู้เล่นในสนามเท่ากัน กึ๋นที่พอมีในการปรับเปลี่ยนรูปเกมของแลมพาร์ด อาจช่วยพลิกเกมให้กลับมาสูสีกันในครึ่งหลังก็เป็นได้ อีกทั้งเกมที่ยังดูติดๆ ขัดๆ ของเชลซี มาจากการที่แนวรุกนั้นยังประสานกันไม่ลงตัว หากให้เวลาอีกซักหน่อย เชื่อว่าคงเฟี้ยวฟ้าว วูบวาบกว่านี้เป็นแน่
ถึงแม้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี จะเกี่ยวก้อยกันแพ้คาบ้าน แต่ เชลซีนั้นก็ยังดูเป็นทรงมากกว่า โชคร้ายที่กองหลังตัวเองพลาดแบบโง่ๆ ไม่อย่างนั้นผมเชื่อว่านอกจากจะพอสู้กับลิเวอร์พูลได้ สกอร์ก็คงไม่กินไข่แบบนี้ ผิดกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เล่นไม่เป็นทรงและไร้ไอเดีย และผมมั่นใจว่าถ้าในอีก 2 -3 นัดยังมีสภาพห่วยแตก เล่นเหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่างแบบนี้ ก่อนครึ่งฤดูกาล ต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายในรั้วโอลด์ แทรฟฟอร์ดเป็นแน่แท้ และถ้ายิ่งปล่อยให้ยิ่งบานปลาย รับรองบอกได้สองพยางค์ "ทีมแตก"
ก็อย่างที่เกริ่นเอาไว้ด้านบนล่ะครับว่า เป็นความพ่ายแพ้ บนความเหมือนที่แตกต่าง.. .
โฆษณา