23 ก.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ ]
หลุยส์ ซัวเรซ กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาที่โจมตีมาแทบจะรอบด้านเลยในเวลานี้
หลังโดน โรนัลด์ คูมัน เทรนเนอร์คนใหม่ของบาร์เซโลน่าโทรบอกสั้นๆไม่ถึงนาทีว่าให้หาต้นสังกัดใหม่ได้เลย ไม่อยู่ในแผนการสร้างทีมแล้ว
ซัวเรซ ก็เลยต้องมองหาทีมใหม่ ก่อนจะเปิดฉากเจรจากับยูเวนตุส ซึ่งทุกอย่างกำลังราบรื่นไปด้วยดี
แต่แล้วข้อกำหนดของทางอิตาลีที่แตกต่างจากสเปน หากเขาย้ายมาค้าแข้งที่นี่จะกลายเป็นนักเตะนอกอียู นั่นทำให้ต้องแก้ปัญหาด้วยการยื่นเรื่องขอสัญชาติอิตาเลี่ยน โดยต้องผ่านการสอบขั้นพื้นฐานในระดับ B1 ซะก่อน
เพราะ โซเฟีย บัลบิ ภรรยาที่คบกันมาตั้งแต่ยังวัยรุ่น ถือพาสปอร์ตอิตาลีอยู่แล้ว สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษ เลยทำให้หลายอย่างสะดวกกว่าเดิม
หากการยื่นเรื่องเรียบร้อย จะได้ส่งเอกสารเพื่อย้ายไปยูเวนตุส ทันตามเดดไลน์ตลาดเที่ยวนี้ อันหมายถึงวันที่ 5 ตุลาคม
กระนั้นอุปสรรคเกิดขึ้นจนได้ ช่วงเวลาสอบและยื่นเอกสารนั้น อาจทำให้ไม่ทันเส้นตลาดซื้อขายผู้เล่น นั่นเลยทำให้ต้องพับแผนการย้ายดังกล่าวไว้ก่อน
แต่โปรแกรมสอบยังมีต่อไปหลังจาก ซัวเรซ ยื่นสมัครไปเรียบร้อย
17 กันยายนที่ผ่านมา เราได้เห็นภาพจากพวกสื่อว่าดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยในเมืองเปรูจา ซึ่งเป็นสถานที่สอบวัดพื้นฐาน ท่ามกลางแฟนบอลแห่มาต้อนรับไม่น้อย
แต่ละคนที่สอบจะมีเวลา 2 ชั่วโมงกับอีก 30 นาที เทสต์ขั้นพื้นฐานทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นฟัง พูด อ่านและเขียน โดยเฉพาะการตอบโต้สนทนาต่างๆ จะต้องฉะฉานและชัดเจน ห้ามตะกุกตะกักเด็ดขาด
การที่ ซัวเรซ พูดสแปนนิชเป็นทุนอยู่แล้ว รากศัพท์ของทั้งสองภาษาไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก ทำให้น่าจะง่ายขึ้นไปอีก ดูแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร
แม้อาจไม่ได้ย้ายไปยูเวนตุส แต่การได้สัญชาติอิตาลีช่วยให้เขาได้พาสปอร์ตอีกเล่ม สะดวกกับการเดินทาง รวมทั้งเมื่อจำเป็นจะต้องย้ายไปลีกอื่น ไม่ต้องไปแย่งโควต้านอกอียู
มีรายงานว่า ซัวเรซ ใช้เวลาสอบเพียงแค่ 30 นาทีเศษๆเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยจนผิดปกติ เพราะการสอบนั้นครอบคลุมทั้งหมด
อาจเพราะความเป็นคนมีชื่อเสียง นี่คือนักเตะระดับโลกที่ผ่านความสำเร็จมามากมายและมีรายได้มหาศาล เลยไม่ได้มีใครตั้งข้อสังเกตอะไรนัก
แต่แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสอบสวนด้านการเงินที่ตามติดคดีเกี่ยวกับการทุจริตข้อสอบ เริ่มเอะใจหลังได้รับข้อมูลบางอย่างที่เป็นประโยชน์
ซัวเรซ สอบผ่านฉลุยรอแค่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง แต่เรื่องมันไม่จบแค่ตรงนั้น
เกิดความสงสัยและตั้งข้อกล่าวหาว่า ซัวเรซ รู้ข้อสอบล่วงหน้า ไม่ว่าจากทางใดทางหนึ่ง ถ้าเป็นเรื่องจริงยังไงก็ต้องมีความผิด
หลักฐานที่น่าสนใจคือคลิปเสียงทางโทรศัพท์ น่าจะเป็นเสียงของเจ้าที่เกี่ยวข้องการสอบหรือใครบางคนที่พูดในทำนองว่า ซัวเรซ มีค่าจ้างปีละนับ 10 ล้านยูโร แต่ไม่สามารถพูดอิตาเลี่ยนได้ครบถ้วนตามที่กำหนด
ซัวเรซ พูดได้แค่ศัพท์ง่ายๆ ซึ่งยังไงก็ไม่น่าจะผ่านเกณฑ์อยู่แล้ว คงต้องไปซ่อมกันใหม่ตามระเบียบ
นอกจากนี้ยังมีอีกคลิปที่เพิ่มน้ำหนักให้แน่นหนายิ่งขึ้น โดยบทสนทนาคล้ายๆกับอันแรก คือมีปัญหาเรื่องการพูด ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่คือจุดอ่อนหรือปมของ ซัวเรซ ตั้งแต่ยังเด็ก เพราะฟันหน้าที่ยื่นออกมามากเกินไป ทำให้เกิดอุปสรรคจนเกิดความไม่มั่นใจตัวเองอยู่ช่วงหนึ่ง
แน่นอนว่าลำพังแค่คลิปเสียงไม่เพียงพอที่จะเอาผิดหรอก ยังต้องมีการขยายความเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงกันต่อไป
อย่างไรก็ตามทางมหาวิทยาลัยเปรูจา ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาชื่อดังของประเทศและเป็นศูนย์รวมของนักศึกษาต่างชาติ ออกมายืนยันว่าการสอบดำเนินไปตามปกติ ไม่มีการทุจริตอย่างที่ตั้งข้อกล่าวหา
กับข่าวที่แพร่กระจายออกไป มันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยด้วย จำเป็นที่จะต้องออกมาเทคแอ็กชั่นปกป้องตัวเองบ้าง
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งรวบรวมหลักฐานและข้อมูลต่างๆ อ้างว่าสโมสรยูเวนตุสน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเดินเรื่องเกือบทุกอย่างเพื่อให้ ซัวเรซ ได้สอบในครั้งนี้ ราวกับว่ามั่นใจต้องได้เซ็นสัญญา
ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่อัยการเปรูจา ได้โดดลงมาช่วยสืบค้นความจริงด้วย เพราะการทุจริตอาจทำกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ แลกกับผลประโยชน์ต่างๆที่จะตามมาอีกมากมาย
ซัวเรซ จะผิดหรือเปล่าไม่รู้ ยังคงต้องรอบทสรุปกันไปก่อน แต่ที่แน่ๆต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ติดบ่วงอย่างช่วยไม่ได้
การย้ายไปยูเวนตุสของ ซัวเรซ ต้องคว้าน้ำเหลวอย่างที่เรารู้กัน เพราะติดเงื่อนไขนักเตะนอกอียู
เขาจำเป็นต้องหาสโมสรใหม่ โดยมีการเคลียร์กับ โจเซป บาร์โตเมว ประธานบาร์เซโลน่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บาร์ซ่าพร้อมฉีกสัญญากับดาวถล่มประตูอุรุกวัยที่เหลืออีก 1 ปี แต่แนบเงื่อนไขไว้ว่าห้ามย้ายไปสโมสรคู่แข่ง ซึ่งมีการระบุชื่อมาทั้งเรอัล มาดริด , ปารีส แซงต์ แชร์กแมง , แมนฯซิตี้และแมนฯยูไนเต็ด เป็นการป้องกันไว้ก่อน
ความเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับราชันชุดขาวไม่ต้องพูดถึง ยังไงก็ต้องห้ามเด็ดขาด ในขณะทีมอื่นๆนั้น เผื่อมีโอกาสมาเจอกันในเกมยุโรป ซัวเรซ จะได้ไม่ต้องมาเป็นหอกข้างแคร่คอยทิ่มแทงทีมเก่า
ไม่นานนัก ซัวเรซ ไปเจรจากับทางแอตเลติโก้ มาดริด การคุยเรื่องรายละเอียดส่วนตัวเป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไรน่าหนักใจ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือชื่นชอบแพสชั่นอยู่แล้ว เตรียมอ้าแขนรอต้อนรับ
เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างจะผ่านไปเรียบร้อย ทางแอต.มาดริดเลยตัดสินใจปล่อย อัลบาโร่ โมราต้า หัวหอกอีกคนของทีมให้ทางยูเวนตุสยืมตัว 1 ฤดูกาล พร้อมมีอ็อปชั่นซื้อถาวรในซีซั่นถัดไป เป็นการหวนคืนถิ่นเก่าอีกครั้งของกองหน้าทีมชาติสเปน
ไม่ต้องเดาก็พอจะเข้าใจว่า ซัวเรซ จะเข้ามาเป็นตัวแทนของ โมราต้า ตามแผนการของ ซิเมโอเน่ ที่วางเอาไว้เรียบร้อย
แต่พอเรื่องไปเข้าหู โจเซป บาร์โตเมว ประธานของบาร์ซ่า ปรากฏว่ารีบสั่งลงมายัง รามอน ปราเนส ผู้อำนวยการให้เบรกการย้ายไว้ก่อน
ไม่ได้มีการชี้แจงหรืออธิบายแบบชัดเจนเท่าไรนัก แต่เหตุผลน่าจะมาจากตราหมีคือหนึ่งในทีมคู่แข่งร่วมลีก ต้องขับเคี่ยวชิงชัยกันเป็นปกติอยู่แล้ว
หากเรื่องนี้คือความจริงนั่นหมายความว่า บาร์เซโลน่าผิดคำพูดที่ให้ไว้ คนที่ต้องรับเคราะห์คือ ซัวเรซ
แล้วเดดไลน์ตลาดซื้อขายซัมเมอร์นี้งวดเข้ามาทุกขณะ แอตเลติโก้ มาดริดเองก็ปวดหัวไม่ใช่น้อย เพราะปล่อย โมราต้า ไปแล้วจำเป็นต้องหาคนมาแทนให้ทัน
เมื่อเห็นว่าโอกาสปิดดีล ซัวเรซ เหลือน้อยลงเรื่อยๆ จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยัง เอดินสัน คาวานี่ ซึ่งเป็นฟรีเอเจ้นต์หลังหมดสัญญากับทางปารีส แซงต์ แชร์กแมงในฤดูร้อนนี้
หากว่าการเจรจาไม่ติดขัด คาวานี่ อาจได้มาสวมยูนิฟอร์มแอต.มาดริด ร่วมงานกับ ซิเมโอเน่
แล้ว ซัวเรซ ที่เคยคิดว่าจะต้องได้ย้ายออกจากบาร์ซ่าตั้งแต่จบฤดูกาลใหม่ๆ ก็ต้องเคว้งกลายเป็นสินค้าค้างแผงอีกต่อไป
เมื่อมาไล่เรียงไทม์ไลน์ดูให้ดี เขาควรจะย้ายไปยูเว่เรียบร้อยนานแล้ว แต่มาติดเรื่องสอบเพื่อขอสัญชาติอิตาลี กรอบเวลาไม่เอื้ออำนวย
จากนั้นเมื่อมาเทสต์กลับถูกโยงพัวพันกับการทุจริตอีก โดยกำลังถูกตรวจสอบว่าอาจรู้ข้อสอบล่วงหน้า
ไม่นานนักความหวังจะไปตราหมีก็พังครืนลงมาต่อหน้าต่อตาอีก เมื่อบาร์ซ่าผิดคำพูด
ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน จนตัวเขาเองอาจงงว่าทำไมต้องมาเผชิญวิบากกรรมเช่นนี้
บางครั้งโชคชะตาก็เล่นงานชีวิตใครสักคนเกินกว่าจะเข้าใจได้เหมือนกัน
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #ความเยือกเย็นที่ถูกทำลาย ] : สมัยค้าแข้งอยู่กับเบนฟิก้า วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ถูกยกย่องมากในความแข็งแกร่งและเยือกเย็นอันเป็นเอกลักษณ์เด่นสำคัญอย่างไรก็ตามพอย้ายมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก คุณสมบัติเหล่านั้นค่อยๆถูกกลืนหายไป จนบางครั้งเราได้เห็นเขาระเบิดโทสะอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเกิดอะไรขึ้นกับ ลินเดอเลิฟ กันแน่และจะฝ่าวิกฤตนี้ไปได้อย่างไรกัน?
[ #ให้มันจบแค่ตรงนี้ ] : 2 ประตูของ วิลฟรีด ซาฮา ซึ่งตะบันใส่แมนฯยูไนเต็ดที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเมื่อวันเสาร์ ทำให้มีการขุดอดีตขึ้นมาอีกครั้ง นั่นคือความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวระหว่างตัวเขากับ ลอเรน ลูกสาวของ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมในช่วงดังกล่าว จนถูกดร็อปแบบลืมตายไร้ชื่อไปนาน ซาฮา เคยยืนกรานไปหลายครั้งว่าไม่จริง แต่ดูเหมือนว่าสังคมไม่ยอมเชื่อ ท่ามกลางปริศนาที่ซ่อนอยู่ว่าแท้จริงมันคืออะไร?
[ #ศักดิ์ศรีที่มีมากกว่า ] : ผ่าน 2 นัดในพรีเมียร์ลีก ฮาเมส โรดริเกซ ได้โชว์ให้เห็นแล้วว่าฝีเท้าเจ๋งขนาดไหน ตอกย้ำถึงความยอดเยี่ยมในอดีตได้อย่างดี มันอาจจะเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง กระนั้นหากเราย้อนเวลากลับไป จะเห็นเลยว่าผลงานของดาวเตะโคลอมเบียนสุดยอดแค่ไหน สำหรับ ฮาเมส การย้ายมาเอฟเวอร์ตัน ไม่ใช่เป็นการก้าวถอย แต่เพื่อปกป้องตัวตนและศักดิ์ศรีของเขาด้วย
[ #ฝันที่สองของเบ็คแฮม ] : ชื่อของสโมสรฟุตบอล อินเตอร์ ไมอามี่เริ่มติดหูมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสื่อมีการนำเสนอข่าวแบบรายวัน แต่เหตุผลหลักมาจากประธานและหุ้นส่วนคือ เดวิด เบ็คแฮม อดีตซูเปอร์สตาร์ ผู้มีภาพเด่นชัดทั้งฝีเท้าและหน้าตา วันนี้พวกเขาได้ผายมือต้อนรับ กอนซาโล่ อิกวาอิน และ แบลส มาตุยดี้ เรียบร้อย ทว่ามันเป็นเพียงแค่การออกสตาร์ตเท่านั้นเอง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา