26 ก.ย. 2020 เวลา 03:00 • นิยาย เรื่องสั้น
MovieTalk ภูมิใจเสนอ "บางบอกดิก 2" ตอนที่ 4
เสียงปืนดังแว่วไกลมาถึงตรงโบสถน์ใหญ่ โน่ บางรัก หยุดเล่นกับบรรดาน้องหมา เธอลุกขึ้น และพยายามเงี่ยหูฟัง จำแนกทิศทางเสียงแล้วรีบวิ่งไปตามทางนั้นโดยมีเหล่าน้องหมาทั้งห้าวิ่งตามไปด้วย
เช่นเดียวกับหลวงลุงทับที่รีบเปิดประตูห้องออกมา ท่านรีบกระวีกระวาดลงบันไดและสาวเท้าอย่างเร็วไปตามทิศทางเสียง ในใจท่านได้แต่ขออำนาจพระพุทธคุณอย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย
บี บางรัก
บีเลิกผ้าม่านสีดำเดินออกมาพร้อม ๆ กับใบตอง ทั้งสองมีอาการขบขันเพราะผีในบ้านผีสิงไม่ค่อยจะดูเหมือนจริงอะไรเลย แต่ระหว่างที่อยู่ในบ้านผีสิงมันก็เป็นโอกาสอันดีที่ทำให้บีมีโอกาสกุมมือของใบตอง และเขาก็ทำเป็นตีเนียนไม่ยอมปล่อยมือกระทั่งเดินออกมาจากบ้านผีสิง
ใบตองเห็นภาพตรงหน้าที่เต็มไปด้วยคนนอนเกลื่อนพื้น เธอตกใจจนบีบมือของบีเสียแน่น บีรู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของใบตอง จึงหันกลับไปมองแล้วบีก็พลอยตื่นตระหนกไปด้วย
ใบตอง ชนแดน
ทั้งสองรีบแยกย้ายกันตรวจดูอาการคนที่นอน บ้างร้องโอดโอย บ้างไม่ไหวติง หลายคนเลือดไหล คนที่ไม่บาดเจ็บหรือเจ็บน้อยหน่อยก็รีบช่วยกันปฐมพยาบาลคนเจ็บ
ทั้งบีและตองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พอดีกับที่โน่ บางรักกับน้องหมาห้าตัววิ่งมาถึง
โน่ถึงกับใจหายวาบ ทั่วร่างเย็นยะเยียบ เธอไม่เคยเห็นผู้คนจำนวนมากนอนบาดเจ็บกันเกลื่อนแบบนี้ และเห็นมีบางคนที่ช่วยกันดูแลคนเจ็บ หลายคนนอนกอดร่างไร้ลมหายใจร้องไห้ปานจะขาดใจ
โน่ บางรัก
โน่ที่เคยเรียนวิชาพยาบาลมาก่อนรีบตรงเข้าไปช่วยบีกับใบตองตรวจดูอาการคนเจ็บเหล่านั้น
....
“ปังงงงงงงง”
เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณหน้าเวทีประกวดเสียงทองบ้านนาที่มีร่างชาวบ้านนอนเจ็บตายกันเกลื่อน มีเพียงสองคนที่ยืนอยู่
คนหนึ่งคือแม่ฉัตรที่พยายามจะเข้าไปช่วยลูกสาวทั้งสองของเธอ
อีกคนคือคนร้ายโม่งดำที่เล็งปืนมาที่แม่ฉัตร
และกำนันข้าวที่พยายามตะเกียกตะกายไปช่วยภรรยาของตัวเอง
กำนันข้าว
เสียงปืนดังขึ้นแล้ว ทุกอย่างอยู่หยุดค้างไปชั่วไม่กี่วินาที แต่มันเหมือนนานแสนนานสำหรับกำนันข้าว แม่ฉัตร และคนร้ายโม่งดำ
แล้วทุกอย่างก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง
คนร้ายโม่งดำกุมมือที่หน้าอก เลือดอุ่น ๆ ไหลซึมออกมาตามง่ามนิ้ว แม่ฉัตรเห็นแค่แววตาของคนร้ายตรงหน้าที่มันมีแววตาเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมมันถูกยิง
คนร้ายโม่งดำล้มฟุบลงบนพื้น ส่วนกำนันข้าวปราดมาถึงตัวแม่ฉัตร กำนันข้าวรีบเอาร่างของตัวเองบังไว้หน้าแม่ฉัตรและดึงเข้ามากอดแน่น พลางถามขึ้น
“แม่ฉัตร...แม่ฉัตร เป็นอะไรรึเปล่า?”
แม่ฉัตรเหมือนเพิ่งรู้สึกตัว เหมือนเพิ่งพ้นจากความตาย เธอรีบกอดสามีของเธอแน่น ร้องห่มร้องไห้"
ฉัตรไม่เป็นอะไร พี่ข้าวล่ะ?”
แม่ฉัตร
“พี่ไม่เป็นอะไร ไม่ได้ถูกยิง”
“แต่เลือดบนเสื้อพี่ข้าวนี่...”
“เลือดของหมอเวทย์น่ะ หมอเวทย์ถูกยิง”
“กำนันข้าวเป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยถามจากด้านหลังของกำนันข้าว
กำนันข้าวหันกลับไปดู เห็นผู้กองต้า พาเพลินในมือถือปืน
ผู้กองต้าที่เดินกลับมาที่เวทีประกวด ในมือหิ้วถุงใส่มะพร้าวน้ำหอมมาหลายลูก ทันทีที่เขาได้ยินเสียงปืนรัว ๆ แต่ไกล ผู้กองหนุ่มโยนถุงมะพร้าวทิ้ง พร้อมกับชักปืนออกมากระชับในมือ รีบวิ่งตรงมาที่เวทีประกวดทันที
ผู้กองต้า พาเพลิน
เมื่อมาถึงเขาพอดีเห็นคนร้ายโม่งดำเล็งปืนไปที่หญิงกลางคนคนหนึ่ง กำลังจะเหนี่ยวไก
ผู้กองต้าไม่รีรอเขารีบลั่นไกยิงใส่คนร้ายคนนั้นทันที อย่างฉิวเฉียดก่อนที่มันจะทันเหนี่ยวไกยิงใส่หญิงคนนั้น
นึกถึงตอนนี้ ผู้กองต้ารู้สึกหวาดเสียวมาก ๆ จังหวะชั่วเสี้ยววินาทีจริง ๆ ที่ช่วยไว้ได้ทัน
กำนันข้าวยิ้มแห้ง ๆ ให้กับผู้กองต้า
“ผมกับแม่ฉัตรไม่เป็นอะไร...แต่....” กำนันข้าวเหลียวมองไปรอบ ๆ ผู้คนจำนวนหนึ่งนอนเจ็บนอนตายอยู่
ผู้กองต้าคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้
“คุณแบม...คุณแบมครับ...” ผู้ก้องหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปด้านใน และตะโกนเรียก
แบม เสี่ยอู๋ พ่อเลี้ยงสอน และมหาอิ่มบุญค่อย ๆ เดินออกมาจากที่ซ่อนตัวหลังฉาก ผู้กองปรี่เข้ามาหาแบมทันที
“เป็นอะไรรึเปล่าครับแบม...ทุกคน”
แบมแบม
“ไม่เป็นไรค่ะ แบมกับคุณพ่อปลอดภัย พ่อเลี้ยงสอนรีบพาพวกเราไปหลบค่ะ”
แบมตอบทั้ง ๆ ที่ยังตัวสั่นด้วยความตกใจ
เสี่ยอู๋กุมมือของลูกสาวที่ยังสั่นอยู่ไว้
“ตายจริง” เสียงอุทานของแม่ฉัตรดังลั่น “พี่ข้าว ลูกเราถูกพวกมันจับตัวไป”
“เฮ้ย..จริง” กำนันข้าวโพล่งขึ้น
ผู้กองต้าได้ยินรีบหันกลับมา “ลูกสาวของกำนันถูกคนร้ายจับไปเหรอครับ มันไปทางไหน?”
แม่ฉัตรชี้มือไปทางด้านขวา ผู้กองต้ามองตาม ไกลออกไปมันแนวต้นไม้มืดครึ้มจนมองอะไรไม่เห็น
“เดี๋ยวผมรีบตามไปครับ” ผู้กองต้ารับคำ
“พวกผมไปด้วยดีกว่าผู้กอง” พ่อเลี้ยงสอนเอ่ยขึ้น พร้อมกับชักปืนที่เหน็บอยู่ออกมา
เสี่ยอู๋รีบเดินไปที่โต๊ะกรรมการ ล้วงเข้าไปในกระเป๋ามีปืนพกกระบอกหนึ่ง แล้ววิ่งกลับมา
เสี่ยอู๋
“ผมขอตามไปด้วยอีกคนครับ”
กำนันข้าวหันมาที่แม่ฉัตรพร้อมกับเอามือจับไหล่แม่ฉัตรทั้งสองข้าง
“แม่ฉัตรอยู่นี่นะ รอฟังข่าวที่นี่ พี่จะไปกับพวกผู้กอง ยังไงจะช่วยลูกกลับมาให้ได้”
แม่ฉัตรผงกศีรษะ กำนันข้าวจึงรีบสาวเท้าตามหลังกลุ่มผู้กองต้าไปติด ๆ โดยมีแม่ฉัตรและแบแบมยื่นปลอบอยู่ข้าง
แม่ฉัตรยืนส่งด้วยสายตาที่ว้าวุ่นและกระวนกระวายใจ ในใจได้แต่ภาวนาอย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับปิ๊ก ปาม และทุกคนเลย
....
สนามบินดอนเมือง
เที่ยวบินจากฮ่องกงเพิ่งเข้าเทียบท่า ผู้โดยสารจากเที่ยวบินดังกล่าวกำลังทยอยเดินออกมาจากเก็ทเวย์
ในจำนวนนั้นมีสามคนที่กำลังเดินออกมา ชายหนุ่มสอง หญิงสาวหนึ่ง
หนึ่งในจำนวนนั้น ทุกคนรู้จักเขาดีในฐานะ นายตำรวจสากลจากอินเตอร์โพล ผู้หมวดวีกิจ หลิว
วีกิจ หลิว ที่ถูกเรียกตัวกลับสำนักงานใหญ่ตำรวจสากลเมื่อหลายเดือนก่อน กำลังกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน
ผู้กองวีกิจ หลิว
จุดหมายปลายทางของเขาคือ “บ้านบางบอกดิก”
โดยเฉพาะวีกิจ หลิว ที่ป่านนี้หัวใจคงโบยบินไปถึงบางบอกดิกก่อนแล้ว
หากแต่วีกิจ หลิวคงไม่รู้ว่าหัวใจของเขากำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง
หัวใจของวีกิจ หลิวอยู่ที่...บางบอกดิก
อยู่ที่...ปิ๊ก
....
คนร้ายโม่งดำฉุดตัวปิ๊กกับปามที่ร้องขอความช่วยเหลือไปตลอดทาง จนพวกมันรำคาญเลยใช้กำปั้นต่อยเข้าที่ท้องทั้งสองคนจนพวกเธอจุกร้องไม่ออก แต่ก็ทำให้สองสาวเลิกพยศและถูกมันลากไปขึ้นรถบรรทุกง่ายขึ้น
ไร้ ท่าแร้งที่เพิ่งจอดรถปิคอัพยังไม่ทันจะลงจากรถ มองผ่านกระจกหน้าก็เห็นชายชุดดำสวมโม่งดำสองคนลากผู้หญิงสองคนขึ้นรถสิบล้อไป
ไร้ ท่าแร้ง
ไร้ตกใจเพราะผู้หญิงสองคนที่ถูกพวกมันลากขึ้นไปคือปิ๊กกับปาม ลูกสาวของแม่ฉัตร
รถบรรทุกแล่นออกไปแล้ว ไร้ ท่าแร้งรีบบิดกุญแจสตาร์ทรถ และตบเกียร์เหยียบคันเร่งวิ่งตามออกไป
รถบรรทุกบึ่งออกไปด้วยความเร็ว มันเร็วมากจนลมแรงปะทะกับรถสามล้อที่ถีบสวนไปอีกเลนจนทำให้รถส่าย
คนขับสามล้อพยายามบังคับรถให้ทรงตัวและหยุดรถลง พลางหันไปมอง เช่นเดียวกับชายแปลกหน้าจากท่ารถบอกดิกก็หันกลับไปมองด้วย
ชายแปลกหน้า
“ทำไมขับรถเร็วขนาดนั้น เกือบชนพวกเราเลย” ชายแปลกหน้าบ่นขึ้น
รถปิคอัพเก่า ๆ อีกคันวิ่งตามมา พอเห็นรถลสามล้อก็รีบเบรคกระทันหันจนฝุ่นตลบ
ไร้ ท่าแร้งชะโงกหน้าออกมาจากหน้าต่างรถ
“พี่มุบ...ขึ้นรถเร็ว...ปามกับปิ๊กถูกคนร้ายจับตัวไปอยู่บนรถคันนั้น!”
“หา..!.” คนขับสามล้ออุทานขึ้น เขารีบลงจากรถสามล้อและกระโจนขึ้นกระบะท้ายรถแทบจะพร้อม ๆ กับชายแปลกหน้าที่กระโดดตามขึ้นรถมาติด ๆ
พอเห็นทั้งสองโดดขึ้นรถแล้ว ไร้ก็รีบตบเกียร์เหยียบคันเร่งบึ่งตามไปทันที
เสือมุบ ป่าพยนต์
คนขับสามล้อหรือเสือมุบกับชายแปลกหน้ายืนเกาะอยู่บนท้ายรถปิคอัพ สายลมกระแทกเข้าหน้าของทั้งสอง ส่วนสายตาก็จับจ้องมองไปข้างหน้า จนกระทั่งเริ่มเห็นแสงไฟท้ายรถบรรทุก
หนึ่งในสองชายชุดดำมองไปเห็นมีรถปิคอัพขับตามมาติด ๆ ด้วยความเร็ว ก็คิดได้ว่าน่าจะมีคนไล่ตาม จึงหยิบเอ็ม-16 ขึ้นมากราดยิงใส่
ไร้มองผ่านแสงไฟจากหน้ารถเห็นคนร้ายกำลังเล็งปืนมาที่รถ จึงรีบบังคับรถออกนอกเส้นทาง พอดีกับเสียงปืนดังขึ้น กระสุนปืนรัว ๆ ทะลวงไปที่พื้นจนกรวดหินกระเด็น
ไร้เปลี่ยนเกียร์เร่งเครื่องเพื่อให้รถตีคู่อยู่ในมุมอับที่คนร้ายไม่สามารถยิงสวนออกมาได้
รถปิคอัพเร่งเครื่องขนาบข้างรถบรรทุก ไร้ ท่าแร้งบังคับรถให้เคลื่อนเข้าไปใกล้มากที่สุด เสือมุบรอจังหวะเตรียมจะกระโดดเกาะด้านข้างรถ
แต่แล้วรถปิคอัพก็เคลื่อนห่างออกอีกครั้ง เพราะไร้ต้องเบี่ยงรถออกด้านซ้ายเพื่อหลบต้นไม้ใหญ่ ทำให้รถปิคอัพต้องเปลี่ยนเส้นทางขึ้นเนิน ในขณะที่รถบรรทุกยังคงวิ่งตะบึงอยู่ด้านล่างวิ่งขนานกันไป
ชายแปลกหน้าสะกิดให้เสือมุบมองดูข้างหน้า มีทางเบี่ยงด้านขวาที่ไหล่ทางเทลาดลงไปยังถนนด้านล่าง
เสือมุบรีบตะโกนบอกไร้ และใช้สัญญาณมือชี้ให้ดู
ไร้มองไปทางขวาเห็นเส้นทางที่เสือมุบบอก เขารีบเหยียบคันเร่งจนมิด ปิคอัพกระตุกหนึ่งครั้งของการเปลี่ยนเกียร์ก่อนจะกระโจนพุ่งออกไปด้วยความเร็วเพิ่มขึ้น
รถปิคอัพเคลื่อนตัวไหลไปตามไหล่ทางจนตัวรถเอียงสี่สิบห้าองศา ไร้ต้องพยายามบังคับรถไม่ให้รถพลิกคว่ำและยังต้องใช้ความเร็วที่พอดีเพื่อตีขนาบข้างรถบรรทุก
รถบรรทุกห้อตะบึ่งมาจนใกล้ ในขณะที่รถปิคอัพวิ่งไล่กวดไต่ทางลาดลงมา
เสือมุบกับชายแปลกหน้ารอจังหวะ พอรถปิคอัพเอียงตัวเข้าไปใกล้กับข้างรถบรรทุก ทั้งสองถีบเท้ากระโจนออกคว้าจับขอบด้านบนของหลังคาไว้
คนขับรถบรรทุกมองผ่านกระจกด้านข้างเห็นเงาคนสองคนเกาะด้านข้างซ้ายของรถ จึงรีบบังคับพวงมาลัย รถบรรทุกเคลื่อนตัวเข้าไปเบียดกับรถปิคอัพของไร้ ท่าแร้ง
ไร้ ท่าแร้งรีบเบี่ยงพวงมาลัยหนีออกไปทางด้านซ้ายก่อนที่ เสือมุบกับชายแปลกหน้าจะถูกอัดก็อปปี้จากด้านข้างระหว่างรถทั้งสองคัน
ขณะเดียวกันทั้งเสือมุบและชายแปลกหน้าก็พยายามปีนขึ้นไปบนหลังคารถ
หลังจากพยายามอยู่ครู่หนึ่งอย่างลำบากยากเย็น เสือมุบกับชายแปลกหน้าก็ขึ้นมานอนหมอบอยู่บนหลังคารถบรรทุกได้เป็นผลสำเร็จ
คนขับรถบรรทุกเห็นเงาดำสองคนปีนขึ้นไปด้านบนหลังคา จึงพยายามบังคับรถส่ายไปส่ายมาเพื่อหาทางสลัดให้สองคนบนหลังคาร่วงลงมา เสือมุบกับชายแปลกหน้าพยายามแนบตัวกับหลังคารถ ค่อย ๆ คืบคลานตัวไปด้านท้ายรถ
ด้านในตัวรถ คนร้ายสองคน รวมทั้งปิ๊กปามต้องกลิ้งไปกลิ้งมาเพราะรถบรรทุกส่ายไปมา ทำให้มันทั้งสองคนไม่สามารถยิงปืนขึ้นไปด้านบนหลังคาได้
หลังจากพยายามตั้งหลักเพื่อจะยิง แต่ฉับพลัน เสือมุบและชายแปลกหน้าก็ตวัดตัวเข้ามาด้านในรถได้
การต่อสู้จึงเกิดขึ้นอย่างชุลมุนภายในรถ
คนร้ายคนหนึ่งพยายามหันกระบอกปืนไปที่เสือมุบ แต่ยังไม่ทันจะเหนี่ยวไกเสือมุบก็ใช้มือมือซ้ายคว้าจับปลายกระบอกปืนแล้วงัดขึ้น พร้อมกับเข่าขวาที่ลอยขึ้นกระแทกเข้าที่หน้าอกคู่ต่อสู้เต็มแรง จนคนร้ายนั้นกระเด็นไปกระแทกด้านในสุดของรถ ทำเอาสองสาวปิ๊กปามถูกกระแทกจนแยกไปอยู่คนละฝั่งของรถ
คนร้ายอีกคนตวัดพานท้ายปืนในมือทิ่มเข้าใส่ชายแปลกหน้า เขาฉากหลบออกด้านขวาพร้อมกับปล่อยหมัดฮุคขวาเข้าใส่ คนร้ายพับแขนซ้ายขึ้นกั้นไว้หมัดนั้นไว้ แต่หมัดซ้ายของชายแปลกหน้าพุ่งเสยอัปเปอร์คัตใส่ปลายคางคนร้ายจนหน้าหงาย ชายแปลกหน้าตามติดเข้าไปล็อคคอของคนร้ายไว้ มันพยายามจะดิ้นแต่ท่อนแขนของชายแปลกหน้ารัดแน่นขึ้นจนในที่สุดคนร้ายนั้นก็หมดสติไป
ไร้ ท่าแร้งที่ตอนนี้ขับรถปิคอัพไล่ตามหลังรถบรรทุกอยู่อย่างกระชั้นชิด
คนขับรถบรรทุกมองกระจกหลัง กระจกข้างแล้วไม่เห็นเงาสองคน แต่ด้านหลังมีเสียงอึกทึก ก็เดาได้ว่ามีคนบุกเข้าไปด้านในและกำลังต่อสู้กันอยู่ เมื่อมองไปด้านหน้าเป็นทางเบี่ยงซ้ายเลียบแนวเขา เบื้องหน้าแต่ไกลเป็นไม้กั้นที่ถูกตีไว้เพื่อกันรถตกลงเขา
คนขับรถยิ้มออกมา แล้วก็เปิดประตูด้านคนขับก่อนจะกะจังหวะและกระโดดออกจากรถ
ไร้ ท่าแร้งที่ขับรถตามมาเห็นเงาคนโดดออกจากรถ เมื่อมองไปข้างหน้าก็ใจหายวาบ รีบบีบแตรเสียงดังลั่นเป็นสัญญาณ พร้อมกับดึงเบรคมือบังคับรถหมุนกลับ 360 องศา
รถปิคอัพหมุนคว้างก่อนจะเปลี่ยนเป็นด้านท้ายรถอยู่ด้านหน้า ไร้ ท่าแร้งตบเกียร์ถอยหลังและเหยียบคันเร่งจนมิด
ท้ายรถปิคอัพเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้กับท้ายรถบรรทุก
ชายแปลกหน้ารีบคว้าข้อมือปิ๊กไว้ และบอกว่า
“กะจังหวะแล้วโดดพร้อมกับผมเลยนะ”
ปิ๊กตื่นตระหนก เพราะเมื่อมองไปก็เข่าอ่อนลมจับแล้ว อย่าว่าแต่โดดในขณะที่รถวิ่งเลย ชีวิตนี้แทบไม่เคยทำอะไรเสี่ยงเลยด้วยซ้ำ
ชายแปลกหน้าเหมือนจะรู้ว่าหญิงสาวข้าง ๆ กลัวมาก เขารีบพูดขึ้น
“ขอโทษนะครับ”
พูดจบเขาก็ดึงปิ๊กมาโอบไว้แน่น ปี๊กตกใจแต่ที่ตกใจกว่าคือ พอชายคนนั้นโอบปิ๊กไว้แน่น เขาก็กระโจนตัวออกมา ร่างของชายแปลกหน้าและปี๊กลอยละลิ่วลงกระแทกพื้นของท้ายรถปิคอัพที่ไร้ ท่าแร้งเร่งเครื่องถอยหลังไล่ตาม
ชายแปลกหน้าพลิกตัวใช้ด้านข้างของตัวเองรองรับการกระแทกเพื่อผ่อนแรงลงทำให้ปิ๊กรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
เสือมุบฟันฝ่ามือขวาเต็มแรงเข้าใส่ต้นคอของคนร้าย จนลงไปกองกับพื้น เสือมุบรีบคว้าข้อมือปามไว้
ปามที่เพิ่งเห็นหน้าคนที่มาช่วยถึงกับอุทาน
“พี่สามล้อ...”
ปาม
เสือมุบไม่ตอบอะไรคว้าข้อมือปามมาเตรียมจะกระโดดไปที่ท้ายรถปิคอัพที่ชายแปลกหน้าและปิ๊กรออยู่อย่างใจจดจ่อ
แต่แล้ว...ทุกอย่างก็หล่นวูบ
รถบรรทุกที่ไร้คนขับส่ายไปมาก่อนจะชนไม้กั้นทาง และวิ่งตะบึงลงไปตามแนวสันเขา
ไร้ ท่าแร้งเบรครถตัวโก่ง ท้ายรถไถลไปพักหนึ่งก่อนจะหยุด ห่างจากสันเขาเล็กน้อย ไร้รีบเปิดประตูวิ่งลงมาดู พร้อม ๆ กับชายแปลกหน้าและปิ๊กที่โดดลงด้านข้างรถตามลงมา
สิ่งทีทั้งสามเห็นคือ แสงไฟจากรถบรรทุเคลื่อนตัวหายไปตามแนวไหล่เขา เสียงดังครืนครานจากการที่รถบรรทุกไล่ชนกิ่งไม้ต้นไม้ตามแนวเขาก่อนจะเกิดเสียงโครมใหญ่ดังขึ้น ก่อนทุกอย่างจะอยู่ในความเงียบ
ปิ๊ก
“ปาม....ปาม....” ปิ๊กตะโกนลั่น
“พี่มุบ...พี่มุบ...” ไร้ก็ตะโกนเรียกลูกพี่ของเขาเช่นกัน
ไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นนอกจากความเงียบ
ปิ๊กถึงกับเข่าทรุดนั่งร้องไห้แทบขาดใจอยู่ตรงนั้นเพราะทำอะไรไม่ถูก
ชายแปลกหน้าทรุดลงนั่งข้าง ๆ ปิ๊ก พลางปลอบใจ
“อย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลเลยครับ ทั้งสองอาจจะออกมาทันก็ได้ เดี๋ยวรอให้สว่างก่อนเราคงพอมองเห็นอะไรบ้าง”
ปิ๊กยังร้องไห้อยู่อย่างนั้น ชายแปลกหน้าล้วงไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ปิ๊ก
ไร้ ท่าแร้งเองก็ร้อนใจไม่แพ้กัน เขาเห็นรถบรรทุกวิ่งตกเขาไปแบบนั้น ต่อให้เสือมุบเก่งแค่ไหนก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
เบื้องหน้าของทั้งสามคนเห็นแต่เงาดำของแนวต้นไม้ของไหล่เขากับความมืดมิดของยามค่ำคืน
....
รถจีเอ็มซีคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าวัด ทหารหมู่หนึ่งกรูลงมาจากรถ แบ่งออกเป็นสี่สายและตบเท้าไปบริเวณที่เกิดเหตุ
ชาวบ้านที่เห็นทหารเดินแถวไปยังจุดเกิดต่างก็รู้สึกใจชื้นขึ้น และหลีกทางให้ทหารเหล่านั้นปฏิบัติหน้าที่
ทหารเหล่านั้นตรงไปที่จุดเกิดเหตุพร้อมกับลำเลียงศพของชายชุดดำขึ้นเปลสนามและตรงกลับไปขึ้นรถ
อติที่เดินตามทหารกลุ่มหนึ่งแบกศพ เขาพยายามจะถามแต่ทหารเหล่านั้นมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น
เช่นเดียวกับหนัง มิติที่เดินตามทหารที่ยกเปลสนามที่บรรทุกศพคนร้ายมาถึงรถจีเอ็มซี ซึ่งมีผบ.หมู่คนหนึ่งยืนรออยู่
อติ พบสุข
อติกับหนัง มิติที่เดินตามมาจนถึงรถ ทั้งสองเดินตรงไปหาผบ.หมู่คนนั้น
“จะลำเลียงศพคนร้ายไปที่ไหนเหรอครับ?” หนัง มิติถามขึ้น
“เราได้รับคำขอความร่วมมือจากสภอ.บางบอกดิกครับ ให้ช่วยลำเลียงศพนี้ไปที่สภอ.” ผบ.หมู่คนนั้นตอบ
“แล้วไม่ต้องรอตำรวจเจ้าของคดีก่อนเหรอครับ?” อติถามขึ้นอย่างสงสัย
“เราได้รับคำสั่งให้นำศพคนร้ายไปที่สภอ.ทันทีครับ ขณะนี้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเดินทางมาที่วัดแล้วครับ หากมีข้อสงสัยอะไรให้รอสอบถามจากรองสารวัตรได้เลยครับ ขออนุญาตนะครับ”
ผบ.หมู่ทำความเคารพอติกับหนัง มิติ แล้วโดดขึ้นไปนั่งด้านหน้ารถ รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป และหายไปในความมืด
อติรู้สึกสงสัยมาก เขาได้แต่ขมวดคิ้วพยายามทบทวนวิธีปฏิบัติของตำรวจในกรณีเกิดเหตุเช่นนี้ รู้สึกมันไม่ชอบมาพากล ก็แน่ล่ะเพราะอติ คือตำรวจลับที่ถูกส่งมาลงพื้นที่บางบอกดิก ถ้าจะมีคนรู้ดีก็ต้องอติคนหนึ่งนี่ล่ะ
หนัง มิติ
เช่นเดียวกับหนัง มิติ อดีตตำรวจตระเวณชายแดน เขาก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับทหารกลุ่มนี้ มีบางอย่างที่เขารู้สึกว่าไม่ถูกต้อง แต่อธิบายไม่ถูกว่าคืออะไร
อติหันมามองหน้าหนัง มิติ ทั้งสองผงกศีรษะให้กันก่อนจะแยกย้ายกันไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
บนรถบรรทุกจีเอ็มซีที่ห้อตะบึงไปตามเส้นทางที่ออกนอกตัวเมืองมากกว่าจะวิ่งเข้าเมือง
พลทหารที่ทำหน้าที่ขับรถบรรทุกยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” พลทหารขับรถหันมากล่าว
กับผบ.หมู่
“ทำได้ดีมาก”
พลทหารขับรถคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่ลงจากรถ แต่ประจำอยู่บนรถ ไม่มีใครเห็นใบหน้าที่อยู่ในเงามืดภายในรถ สายตาของพลทหารขับรถมองสำรวจรอบ ๆ บริเวณตั้งแต่จอดรถจนกระทั่งถึงช่วงที่อติกับหนัง มิติเข้ามาสอบถาม ในช่วงเวลานั้นพลทหารขับรถมีสีหน้ากังวลใจอย่างเห็นได้ชัด มือข้างขวาของเขาเลื่อนไปที่เอว มือขวากระชับปืนพกที่เหน็บอยู่ในซองปืนข้างเอง พร้อมกับรอดูท่าที แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผบ.หมู่เดินกลับมาขึ้นรถ พลทหารจึงค่อย ๆ บังคับรถออกไปอย่างช้า ๆ กระทั่งเมื่อถึงสี่แยกป้ายบอกทิศทาง ลูกศรทางขวาเข้าตัวเมืองบางบอกดิก และลูกศรด้านซ้ายออกนอกเมือง พลทหารหมุนพวงมาลัยบังคับรถเลี้ยวซ้ายวิ่งออกนอกเมืองและค่อย ๆ เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วก่อนที่รถบรรทุกจีเอ็มซีจะหายลับไปในแนวป่าทึบ
พลทหารขับรถนั้นคือ....ซันเจิ้น!
ซันเจิ้น
ลานงานวัดบางบอกดิก
หลวงลุงทับต้องชะงักฝีเท้าเมื่อพบเห็นภาพตรงหน้า ร่างกายของหลวงลุงเย็นเฉียบ บนหน้าผากและฝ่ามือปรากฎเหงื่อขึ้น
ภาพของชาวบ้านที่นอนบาดเจ็บล้มตายนับสิบ หลายคนนั่งทอดอาลัย หลายคนร้องห่มร้องไห้
นี่มันใช่การกระทำของมนุษย์จริงหรือ? ทำไมใจคอถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้?
ในใจหลวงลุงทับมีแต่คำถาม ความเจ็บปวด ความเสียใจ ความตื่นตระหนก แต่ในความเป็นพระสงฆ์ผู้ผ่านร้อนหนาวเห็นการเกิดแก่เจ็บตายมาก็มิใช่น้อย แต่ที่โหดร้ายขนาดนี้ ทำร้ายจิตใจได้ขนาดนี้ หลวงลุงทับก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย
ชาวบ้านบางส่วนที่เหลียวมาเห็นหลวงลุงทับต่างกรูเข้าไปหา หลายคนร่ำไห้ หลายคนก้มกราบหลวงลุง มีอีกหลายคนไม่รู้จะกล่าวเช่นไรเพราะมันจุกในลำคอ แน่นในอก
เสียงไซเรนรถตำรวจสลับกับเสียงไซเรนของรถพยาบาลดังแว่วมาแต่ไกล และค่อย ๆ ดังขึ้น ๆ จนในที่สุดก็ดังก้องไปทั่วงานวัดปะปนไปกับเสียงร่ำไห้ เสียงร้องครวญคราง
หลวงลุงทับ
งานวัดที่ควรจะเป็นงานแห่งความสุขสนุกสนาน
กับกลายเป็นงานที่เต็มไปด้วยควาวมสะเทือนใจ และน้ำตา คละเคล้ากับเสียงแห่งความเจ็บปวด และความตาย!
แต่ที่ห่างไกลออกไปบางแห่ง เสียงหัวเราะแห่งความสะใจของคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้น
เสียงหัวเราะของปีศาจร้ายและคนไทยบางคนที่ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากผลประโยชน์ของตัวเอง!
…..
คฤหาสถน์ของเฮียส่ง
เฮียส่งที่ยังนั่งจิบน้ำชาอยู่กับมิสเตอร์ท็อป เหลียง โดยมีเจ.ที.ยืนอารักขาอยู่ข้างกายมิสเตอร์เหลียง
เฮียส่งหยิบจอกน้ำชาขึ้นมาเป่าให้อุ่นก่อนจะจิบน้ำชา และเอ่ยขึ้น
“แผนของมิสเตอร์ท็อปรัดกุมมาก ๆ ผมนับถือเป็นอย่างยิ่ง”
“มิกล้า มิกล้า” มิสเตอร์ท็อป เหลียงประสานมือแบบในหนังจีนกำลังภายใน
“ใช้คนของเราเข้าไปสังหารหมู่ อ้างตัวว่าเป็นพวกของเสือมุบป่าพยนต์ และเตรียมทีมสำรองไว้เพื่อกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน”
“และมันก็เกิดเหตุขึ้นจริง ๆ “ มิสเตอร์ท็อปยิ้ม หยิบน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วเอ่ยต่อ “ตามที่ซันเจิ้นวิทยุเข้ามาว่า มีกลุ่มคนที่ต่อสู้กับคนของเรา พวกมันมีฝีมือมากถึงกับเก็บระดับปลายแถวของเราได้อย่างง่ายดาย ผมคาดว่าอาจจะเป็นพวกของเสือมุบ หรือไอ้ตำรวจลับก็เป็นได้”
“มิสเตอร์ท็อปเลยให้ซันเจิ้นเตรียมทีมสำรองปลอมเป็นทหารเข้าไปเก็บศพคนของเราออกมา เท่านี้หลักฐานตัวบุคคลก็ไม่มีเหลือ พยานที่รอดชีวิตก็จะได้ยินแค่ว่า ไอ้เสือมุบบุก ยังไงมันก็ต้องกลายเป็นที่หมายหัว จับตายของทางการ” เฮียส่งพูดไปยิ้มไป
“แล้วพรุ่งนี้ เฮียส่งในฐานะคหบดีที่น่านับถือของอำเภอบางบอกดิก ก็จะทำหน้าที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้บริสุทธิ์ พร้อม ๆ กับนายหัวกานต์ที่จะทำหน้าที่สนับสนุนลงขันตั้งเงินค่าหัวไอ้พวกโจรป่าพยนต์” มิสเตอร์ท็อปเหลียงสำทับอีกแรง ก่อนจะเอ่ยต่อ “เท่านี้ไอ้พวกโจรป่าพยนต์ที่คอยเป็นเสี้ยนหนามของเราก็จะถูกไล่ล่าจากทางการ และพวกนักล่าเงินรางวัลจนไม่มีเวลามาขัดขวางแผนการร้ายของเรา”
“หลังจากนั้น เราจะส่งนายหัวกานต์ลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ถ้ามันได้รับเลือกเป็นส.ส.รวมกับคนของเราในท้องที่อื่น ๆ เลือกตั้งคราวนี้คนของเราจะได้เข้าไป แผนยึดครองประเทศไทยของเราจะคืบหน้าไปอีกขั้น”
มิสเตอร์ท็อปสรุปแผน แล้วทั้งมิสเตอร์ท็อป เฮียส่ง และเจ.ที.ก็พากันหัวเราะอย่างสบอารมณ์ แต่ชั่วขณะ เฮียส่งก็ตั้งข้อสังเกตขึ้น
เฮียส่ง สุดขอบฟ้า
“แต่มันก็น่าแปลกใจที่พวกมันทำไมไปอยู่ในงานวัดได้ ทั้ง ๆ ที่แผนการนี้มีรู้กันไม่กี่คน”
“บางทีแผนลับเรารั่วไหลอาจจะมีหนอนบ่อนไส้ในองค์การของเรา” มิสเตอร์ท็อปมีสีหน้ากังวลใจ
เฮียส่งเสนอความเห็น “เราคงต้องจับตา ระวังตัวเพิ่ม และต้องหาไอ้โม่งคนนั้นให้เจอ”
มิสเตอร์ท็อปนิ่งเงียบเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
…..
บนเทือกเขาบอกดิก
รถบรรทุกวิ่งไถลไปตามทางลาดลงเขา ความเร็วของมันพุ่งทะลวงชนกิ่งไม้ ต้นไม้แหวกป่าเป็นทาง ชีวิตของคนในรถทั้งสองคนกระเด็นกระดอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ภายในรถ
ปลายทางเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยวกราก รถบรรทุกพุ่งลงไปในแม่น้ำอันคดเคี้ยวนั้น ด้านหน้าของรถกระแทกเข้ากับโขดหินที่โผล่อยู่กลางแม่น้ำ ด้านหน้าของรถยุบหายไปครึ่ง แรงปะทะส่งผ่านมาถึงคนในรถจนทั้งสามกระเด็นหลุดออกมานอกรถ
ร่างของปามลอยละลิ่วลงไปในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวและถูกน้ำซัดพาไป เช่นเดียวกับเสือมุบที่ลอยละลิ่วตกลงไปในแม่น้ำและร่างก็ถูกความแรงสายน้ำพัดพาไหลตามปามไปติด ๆ
ส่วนคนร้ายชุดดำที่ปลิวออกมาเป็นคนสุดท้าย ร่างพุ่งออกมาอย่างแรงศีรษะของคนร้ายชุดดำกระแทกเข้ากับโขดหินที่โผล่พ้นน้ำ ศีรษะแตกสมองกระจายไหลไปตามน้ำ ส่วนร่างไร้ชีวิตลอยไปตามแม่น้ำเชี่ยวกรากสายนั้น
รถบรรทุกถูกแรงน้ำซัดไหลตามไปด้วย เศษซากรถปลิวกระจายไปตามแม่น้ำ
เสือมุบพยายามบังคับร่างท่ามกลางสายน้ำเชี่ยวกรากเพื่อให้ทันร่างของปาม ในที่สุดเมื่อเขาคว้าร่างของปามไว้ได้ ก็พอดีกับสายน้ำสิ้นสุดไหลลงมาเป็นน้ำตก
เสือมุบและปามหล่นวูบตามน้ำตกลงไปผืนน้ำด้านล่าง
ร่างของทั้งสองจมหายไปในน้ำลึก แต่ที่ลอยขึ้นมาคือสีแดงจาง ๆ
สีแดงของเลือด! ลอยขึ้นมาบนผืนน้ำ พร้อมกับร่างที่ไม่ไหวติงลอยไหลไปตามสายธารอันเชี่่ยวกราก
โปรดติดตามตอนต่อไป
แสดงความคิดเห็น, ติชม, แนะนำไอเดียกันได้ที่คอมเมนต์ด้านล่างนะครับ
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: Goolgle.com

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา