26 ก.ย. 2020 เวลา 03:15 • ท่องเที่ยว
Summer Iceland 2018 (16) .. การเดินทางสู่ East Fjord
จากรอยต่อของเขต South กับ East Fjord ของไอซ์แลนด์ … เราเดินทางต่อเข้าสู่เขต East Iceland …
เมื่อขับรถอ้อมเขาออกยังอีกด้าน เราเริมมองเห็น Batman Mountain ได้อย่างชัดเจน ดูเป็นภาพที่สวยงาม .. Batman’s Return มาสู่สายตาเราอีกครั้ง
ถนนแถวนี้เป็นชายฝั่งห่างไกลผู้คน มองเห็นแต่ภูเขากับทะเล แต่เป็นภูเขาที่สวย หากไม่มีลวดลายริ้วๆที่ดูแปลกตา ก็เป็นภูเขาสีเขียวแกมเทา .. เป็นภูเขาที่เกิดจากหินที่เรียกว่า gabbro and granophyre rocks ซึ่งเป็นเหมือนกรวดร่วนๆ จึงทำให้ยากในการป่ายปีน
เส้นทางที่เราจะผ่านต่อไปเป็นการเดินทางผ่านส่วนของ East Fjord .. ซึ่งเป็นชายฝั่งแบบฟยอร์ด มีให้เห็นในเขตที่เป็นประเทศเขตหนาวในเขตภูเขาไฟ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดฟยอร์ดคือธารน้ำแข็งจำนวนมหาศาลในยุคโบราณซึ่งเข้ามาปกคลุมโลก ธารน้ำแข็งขนาดยักษ์น้ำหนักมหาศาลนี้เคลื่อนตัวต่ำลงในเวลาต่อมา ระหว่างทางน้ำหนักนี้ก็ไปกดและกัดเซาะพื้นโลกอย่างรุนแรง .. บางพื้นที่ถูกบดขยี้เป็นเศษธุลี บางแห่งก็ยุบตัวลง และเกิดเป็นร่องและโตรกเขาสูงชันในระดับหลายร้อยเมตรทั้งสองฝั่ง
… เมื่อเวลาผ่านไปนับหมื่นนับแสนปี นับล้านปี … ร่องภูเขาได้เคลื่อนไปจรดกับทะเล เป็นเขตที่มีความเว้าเข้า เว้าออกที่มีชื่อเรียกว่า ฟยอร์ด
.. ในจุดที่ธารน้ำแข็งหยุดเคลื่อนตัว และน้ำหนักกราเซียร์ลดลงมาก การกัดเซาะก็จะน้อย กลายเป็นส่วนของสันเขื่อนใต้น้ำ และเป็นปากฟยอร์ดที่มีความแรงของกระแสน้ำมากในช่วงน้ำขึ้น น้ำลง เพราะมวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลผ่านสันเขื่อนใต้น้ำ หรืออาจจะเกิดน้ำวนขึ้นได้ในบางพื้นที่ของโล
ครรลองของธรรมชาติ ก็มีวิถีแห่งการเดินทางเช่นกัน … จากจุดเริ่มต้นดำเนินด้วยความนิ่งที่ยิ่งใหญ่ .. ผ่านเข้าสู่ช่วงที่ต้องตัดสินใจ เลือกทางเดิน เลือกวิธีการแก้ปัญหา ซึ่งสิ่งที่เลือกล้วนแปรเปลี่ยนเส้นทางเก่า สู่เส้นทางใหม่ …
… วันวาน โลกอาจจะเป็นไปในแบบหนึ่ง อาจจะมีรอยแยกจนไม่อาจเยียวยา … เมื่อช่วงเวลาเปลี่ยน วันผ่าน มีเรื่องราวมากมายบนรอยทาง … ธรรมชาติก็เรียนรู้ที่จะโอนอ่อนผ่อนปรน เรียนรู้ที่จะยอมรับความแตกต่าง เรียนรู้ที่จะยอมรับความหยุดนิ่ง อาจจะหยุดเพื่อรอเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง … ถึงแม้จะไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ
ชีวิตก็เหมือนการเดินทาง … เราผ่านผู้คน สถานที่ จนบางทีเต็มไปด้วยความชื่นชม ทำให้เราปรารถนาย้อนเดินทางสู่ทางเดิม ด้วยถวิลถึงความรื่นรมย์เก่าๆ
แต่สำหรับผู้ที่ออกย่ำรอยไปในบนเส้นทางสายใหม่อย่างพวกเรา ไม่ว่าปลายทางจะเป็นเช่นไร .. โศกเศร้า หรือสุขสม … ย่อมมีอีกเรื่องราว อีกความหมายหนึ่งที่จะเติมเต็มให้ชีวิต
ทิวทัศน์ในระหว่างการเดินทางสวยมาก มีภาพูเขาสวยๆ และเริ่มมีภาพของฟ้ากับน้ำให้เราเห็น แต่การจอดรถทำได้ยากลำบาก ด้วยอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้
ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูไหน … สีฟ้าครามของน้ำทะเลและเสียงเกลียวคลื่นที่ซัดสาดสู่ผาหิน ยังคงเปี่ยมเสน่ห์และเสมือนมีมนต์ขลังที่เย้ายวนให้ผู้มาเยือนไปสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติครั้งแล้ว ครั้งเล่า
เราจึงไม่รอช้า ที่จะแวะถ่ายรูปในรายทางที่มีทิวทัศน์สวยๆของ East Fjord อยู่ในสายตา …
Djuplvogur Town
น้ำทะเลสีคราม ท้องฟ้าสดใส ... เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ เมื่อเราขับรถเข้าสู่เขตด้านในของเมืองที่เราจะแวะพักรับประทานอาหาร และเตรียมเสบียงเพิ่มเติม
Djuplvogur .. ดูเหมือนจะเป็นเมืองเล็กที่มีกิจกรรมสันทะนาการทางทะเลเป็นหลัก คาดคะเนเอาจากการที่มีเรือสวยๆหลายลำทีเดียวจอดเรียงกันอยู่ที่ท่าเรือกลางเมือง
หากมีโอกาสได้ค้างคืนที่นี่ ดินเนอร์มื้อหรูท่ามกลางบรรยากาศที่มีหมู่ดาวนับล้านดวง คงส่งเสียงเชิญชวนนักเดินทางอย่างท้าทาย …
เมืองนี้เล็กมก เดินไม่เท่าไหร่ก็เก็บภาพทิวทัศน์ได้หมด
เราแวะรับประทานอาหารที่เตรียมมากันเองที่นี่ … แสงแดดสดใส ทำให้บรรยากาศดีมากๆ
“เมืองนี้มีมินิมาร์ทให้เราซื้อสิ่งของและอาหารเพิ่มเติมได้นะครับ”.. รุตม์ให้ข้อมูล
“ที่นี่มีตลาดนัดเหมือนเมืองอื่นๆในยุโรปมั๊ย?”.. เพื่อนร่วมทริปของเราคนหนึ่งถามขึ้นมา
… ชุมชนส่วนใหญ่ในไอซ์แลนด์จะเป็นชุมชนเล็กๆ มีประชากรน้อยมาก (มีโจ๊กที่เล่ากันว่า แม้จะมีบ้านแค่ 2 หลัง ก็ยังเรียกสถานที่แห่งนั้นว่า หมู่บ้าน) ส่วนใหญ่จึงไม่มีตลาด บางเมืองไม่มีแม้แต่ร้านเล็กๆด้วยซ้ำ
เราแวะซื้ออาหารจำพวกผักเพิ่มเติม และได้ของที่ระลึกของไอซ์แลนด์มาฝากคนที่บ้านด้วยค่ะ
East Fjord (ต่อ)
เส้นทางที่เราเดินทางในช่วงนี้สวยมากค่ะ เราขับรถผ่านโตรกผา ลัดเลาะชายฝั่ง โค้งแล้ว โค้งเล่ามาเรื่อยๆ เส้นทางเว้าเข้า เว้าออก อาจจะขับได้ช้า และมีหวาดเสียวนิดๆ .. แต่เรามีเวลาเหลือเฟือที่จะสอดส่ายสายตามองวิวทิวทัศน์ในรายทางไปเรื่อยๆ
วิวข้างทางเปลี่ยนไปเรื่อย ตลอดทางที่เราผ่านแต่ละโค้ง
ในช่วงผ่านฟยอร์ด ภูเขาจะอยู่ทางด้านซ้ายของเรา ด้านขวาเป็นชายฝั่ง … ภูเขาสวยด้วยชั้นของหินที่มองเห็นได้ชัดเจน
การเดินทางในช่วงนี้ เราผ่านทะเลสาบที่น้ำเรียบกริบ … ระหว่างทางเต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นถนนที่เลียบทะเลสาบที่มองเห็นภูเขาสูงเสียดฟ้าตลอดเส้นทาง มีน้ำตกผ่านเข้ามาในสายตาในบางช่วงของเส้นทาง
กระชังเลี้ยงปลาที่คิดว่าเป็นการเลี้ยงแซลมอนน่าสนใจมาก .. มีนกน้ำประเภท Tern (นกนางนวล) และนกชนิดอื่นๆบินวนหากินอยู่ในทะเลสาบ เป็นภาพที่น่าดูมาก
“พี่ๆ เตรียมกล้องและเลนส์เทเลให้พร้อมนะครับ บริเวณนี้เป็นที่เดียวในไอซ์แลนด์ที่เราอาจจะเห็นกวางเรนเดียร์” … รุตม์บอก
ไกด์ของเราบอกว่า ในบริเวณนี้มีโอกาสที่จะเห็นกวางเรนเดียร์ .. แต่วันนี้ซานต้าอาจจะกำลังฝึกเราเดียร์ให้ทำหน้าที่สำหรับฤดูกาลแห่งความสุขหน้า
หรือไม่ … เรนเดียร์ขี้อาย จึงซ่อนตัว ไม่ยอมออกมาให้เราได้ยลโฉม
เรากำลังจะออกจากพื้นที่ของ East Fjord และเข้าสู่ Oki Pass …
… แต่หากเราเลี้ยวขวาเข้าไปในส่วนลึกของพื้นที่ East Iceland (ซึ่งเราเลือกที่จะเก็บเอาไว้สำหรับทริปหน้า ด้วยเหตุที่เวลามีไม่พอสำหรับการเดินทางครั้งนี้) .. มีน้ำตกที่เลื่องชื่อของไอซ์แลนด์อีก 2 แห่งที่น่าแวะไปเก็บภาพค่ะ จะเล่าตามที่ฝรั่งเขาเขียนเอาไว้นะคะ และไม่มีบรรยากาศของการเดินทางจริงให้ดูค่ะ
ภาพจาก Internet
Hengifoss
Hengifoss เป็นน้ำตกที่สวยมาก มีความสูง 128 เมตร และเป็นความสูงในอันดับสองของน้ำตกที่สูงที่สุดของไอซ์แลนด์ … อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 145 เมตร
ส่วนประกอบของหินที่เรียงตัวซ้อนๆกันเป็นชั้นๆสีปูนแดงตามโตรกเขาสูงของ Hengifossárgljúfur (ในหุบเขา Fljótsdalur valley) ที่อยู่รายล้อมน้ำตกแห่งนี้เป็นส่วนประกอบที่ทำให้ภาพน้ำตกงดงามมากกว่าที่อื่นๆบางแห่ง
ภาพจาก Internet
ว่ากันว่า … ปกติแล้ว ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่มีน้ำไหลแรง จะสามารถเก็บภาพสวยๆได้ ณ บริเวณหน้าน้ำตก แต่อย่างไรก็ตาม ในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งน้ำไหลไม่แรงมาก อาจจะเข้าไปใกล้น้ำตกได้ หรือแม้กระทั่งการเข้าไปชมถ้ำตื้นๆในบริเวณหลังม่านน้ำตก
ตามข้อมูล .. จากลานจอดรถ มีทางเดินเข้าไปที่น้ำตก ซึ่งจะใช้เวลาเดินราวขึ้นบันไดต่อด้วยการเดินขึ้นเขาใกล้หน้าผา ใช้เวลาราว 40-60 นาที มีม้านั่งให้พักชมวิวเป็นระยะๆ .. เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ติดกับ Lagarfljót lake
เดินมาราว 40 นาที เราจะเริ่มเห็นวิวของน้ำตก Hengifoss ในโตรกผา แต่ยังต้องเดินทางลงเขาต่ออีกราวครึ่งกิโลเมตรไปยังด้านล่างของน้ำตก .. วิวระหว่างทางสวยงามของ Fljótsdalur valley
ภาพจาก Internet
น้ำตก Hengifoss มีลักษณะโดดเด่นด้วยขั้นของหินสีแดง (เกิดจาก Oxidation ของแร่เหล็กในโคลน) ที่แทรกตัวอยู่ระหว่างชั้นของหินบะซอลล์อายุราว 5-6 ล้านปีที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในยุค Tertiary Period
แต่ละชั้นของหิน (Paleosols .. ซึ่งก็คือ fossil soil) เกิดขึ้นในยุคที่ต่างกัน .. ด้านซ้ายของน้ำตกมีแท่งหินบะซอลล เป็นส่วนประกอบที่สมบูรณ์แบบ ที่ให้ภาพที่งดงามมากมาย รวมถึงเป็นสถานที่ที่น่าสนใจในการชมปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
Hengifossá เป็นน้ำตก 2 ชั้น .. ชั้นบนสูง 21 เมตรและน้ำไหลลงสู่แอ่งเล็กๆ ส่วนชั้นที่สอง ไหลลงมาในแนวดิ่งสู่แอ่งน้ำสีฟ้าด้านล่าง
ภาพจาก Internet
Litlanesfoss
น้ำตก Litlanesfoss อยู่ในเส้นทางเดียวกับน้ำตก Hengifoss .. เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาระหว่างชั้นสูงๆต่ำๆของหินบะซอลล์ (เหมือนกับน้ำตก Aldeyjarfoss และ Svartifoss ) ในโตรกผา เป็นอัญมณีที่สวยงดงามมากๆที่สร้างขึ้นด้วยน้ำมือของธรรมชาติ .. เป็นน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในโตรกผา ไม่สามารถมองเห็นได้จากถนน
การเดินมาที่น้ำตกแห่งนี้อยู่ที่ระยะทางราว 1.2 km .. ส่วนการจะมองให้เห็นภาพดีๆของน้ำตกแห่งนี้จะต้องเดินมาที่ขอบผามากๆ
ภาพจาก Internet
Litlanesfoss อยู่ในหุบเขา Fljótsdalur valley ไม่ไกลจากเมือง from Egilsstaðir .. น้ำตกแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Stuðlabergsfoss หมายถึงน้ำตกแท่งหิน Basalt Column Falls มีความสูงแค่ 30 เมตร ก่อนจะไหลลงมาที่แอ่งน้ำเล็กๆด้านล่างของน้ำตก ..
ภาพจาก Internet
หินบะซอลล์ที่เป็นฉากสวยๆประกอบน้ำตกแห่งนี้มีหลายลักษณะ บ้างเป็นแท่งหินตั้งตรงๆ ส่วนบาแท่งเป็นรูปโค้ง ความสูงของแท่งหินอยู่ระหว่าง 15-20 เมตร ซึ่งนับเป็นแท่งหินบะซอลล์ที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์
ในวันที่อากาศดี .. จากที่นี่ สามารถจะมองเห็นน้ำตก Hengifoss อยู่ไกลๆ
*******************
เที่ยวทั่วไทย ไปกับ พี่สุ
ท่องเที่ยวทั่วโลก กับพี่สุ
ซีรีย์เที่ยวเจาะลึก ประเทศนอร์เวย์
Iceland ดินแดนแห่งน้ำแข็งและเปลวไฟ
Lifestyle & อาหารการกิน แบบพี่สุ
สถานีความสุข by Supawan
โฆษณา