26 ก.ย. 2020 เวลา 04:09 • ไลฟ์สไตล์
ฝึกงานที่วัดป่า
หลังจากนั้น..EP.2
ทางคณะเราก็เหมือนโดนคำสาป งานทุกอย่างหยุดชงักหมด ฝนหลงฤดูกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ออกไปสำรวจไม่ได้ ต้องติดแหงกอยู่ที่วัดป่า.. พอฟ้าเปิดออกไปทำงาน เครื่องมือก็ดันพังพร้อมๆ กันอีก กล้องอินฟาเรด 3 ตัวใช้งานไม่ได้ ต้องใช้กล้องธรรมดามาส่อง ซึ่งมันเสียเวลามาก และความคลาดเคลื่อนก็สูง อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นรายวัน บางคนเริ่มป่วยแบบไม่มีสาเหตุ งานการเสียหมด เหลือเวลาอีกไม่นานจะครบกำหนดแล้ว แต่งานยังไม่คืบหน้าเลย.. ทุกคนต้องทำงานกันหนักขึ้น ออกสนามเช้าขึ้น กลับช้ากว่าเดิม อาจารย์ และช่างเทคนิค ยังต้องลงมาช่วยทำงานด้วยเลยครับ จากวันที่มาจนถึงตอนนี้ แต่ละกลุ่มเหลือคนทำงานน้อยลงๆ เพราะส่วนใหญ่ไปนอนโรงพยาบาลในเมืองกันหมด ด้วยอาการป่วยแปลกๆ อย่างที่ผมเล่าไป
แต่แล้ว เหมือนโชคจะเข้าข้างพวกเราบ้าง หลวงพ่อมาบอกพวกเราว่า ทางจังหวัดจะลงมาทำเรื่องนี้เอง เพราะได้งบมาแล้ว ให้พวกเราพอแค่นี้ ขอแผนที่ และข้อมูลทั้งหมดที่สำรวจมา ส่งให้ทางจังหวัดไปทำต่อ ส่วนเวลาที่เหลือก็ขอให้พักผ่อนกันไป พวกเราทั้งหมดแทบจะร้องไชโยด้วยความดีใจ.. เย็นวันนั้น อาจารย์ก็สั่งแม่ครัวให้ทำอาหารเลี้ยงกันทั้งแคมป์ พวกเรากินกันอย่างสนุกสนาน ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไปเสียสนิท จนเลยเวลามาถึง 4 ทุ่ม ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน.. แต่แล้วฝนเจ้ากรรมมาจากไหนไม่รู้ สาดกระหน่ำใส่เต๊นท์พวกเราจนปลิว น้ำจากเขาก็เทลงมาจนดินเปียกชุ่ม นอนกันไม่ได้ หลวงพ่อเลยให้ไปนอนรวมกันบนศาลา แต่ด้วยศาลาวัดป่ามันก็ไม่ได้ใหญ่มาก บางส่วนจึงต้องกระจายไปนอนตามกุฎิพระบ้าง หรือโรงทานบ้าง มีผมกับรุ่นพี่ และเพื่อนอีก 2-3 คน ต้องระเห็ดไปนอนในถ้ำ ที่ใช้เก็บพวกเทียนพรรษา ของใช้พระสงฆ์ พระพุทธรูป พวกเราจัดแจงเอาเก้าอี้นั่งพลาสติก 2 ตัวมาต่อกันนอนตามมีตามเกิด ข้างนอกฝนก็กระหน่ำไม่หยุด ทำให้อากาศในถ้ำหนาวเย็นยะเยือก ผมต้องนอนกอดอก ตัวสั่นเป็นลูกนกตกน้ำเลยครับ จนผมเผลอหลับไปเมื่อไรก็ไม่ทราบได้
1
แต่แล้ว ผมก็ถูกปลุกด้วยเสียงเหมือนคนหัวเราะดังก้องถ้ำไปหมด ผมค่อยๆ ลืมตามอง แสงไฟจากเทียนพรรษาที่จุดหลายเล่ม ทำให้มองเห็นอะไรในถ้ำได้ชัดเจน ผมมองไปที่ผนังถ้ำเหนือหัวพวกเรา แต่กลับรู้สึกเหมือนมันเป็นหน้าคน คล้ายรูปสลักหินแต่ไม่ใช่ มันค่อยๆ ยื่นออกมาจากผนังด้านบน ยืดลงมาจนใกล้หน้าผม แล้วก็หัวเราะใส่หน้าผมอย่างดัง! ผมตกใจมาก รวบรวมพลังทั้งหมดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้พลาสติก มานั่งหายใจหอบ ใจเต้นรัว พอตั้งสติได้มองไปทางซ้ายและขวา ก็เห็นรุ่นพี่ และเพื่อนๆ ลุกขึ้นมานั่งเหมือนกันหมด ต่างคนต่างมองหน้ากัน แล้วรุ่นพี่ก็ถามขึ้นมาว่า ‘เห็นเหมือนกันไหม?’ เท่านั้นล่ะครับ เป็นอันรู้กัน ทุกคนนี่รีบวิ่งออกจากถ้ำโดยไม่ได้นัดหมาย ฝ่าสายฝนไปนั่งเบียดกันที่ศาลา นั่งสัปหงกกันจนถึงเช้าเลยทีเดียว.. พอเช้า ต่างคนก็ต่างเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็นเมื่อคืนในถ้ำให้ฟังกัน สรุปว่าพวกเราทุกคนเห็นเหมือนกันหมด มันเหมือนจะเป็นความฝันมากกว่า แต่ก็แปลกอยู่ดีที่ทำไมถึงมาฝันเหมือนกันหมดทุกคนได้? เรื่องนี้ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ เวลารวมรุ่นกันก็มักจะต้องพูดถึงเรื่องนี้เสมอ..
พอเช้าวันสุดท้าย ถึงกำหนดกลับพอดี ทุกคนรวมตัวกันกราบลาหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ให้ศีลให้พรตามระเบียบ แต่ก่อนกลับ หลวงพ่อได้บอกความลับกับพวกเราว่า ‘เมื่อก่อนที่จะสร้างวัดป่าแห่งนี้ ที่นี่เคยเป็นสุสานไร้ญาติมาก่อน มีคนเอาศพมาเผา มาฝังในบริเวณนี้มากมาย ตอนอาตมามาบุกเบิกใหม่ๆ บางครั้งยังเคยเห็นหมาคาบกระดูกคนมาแทะเล่นเลย วันดีคืนดีก็เห็นคนหัวขาดเดินไปเดินมา แต่อาตมาไม่กลัวหรอก แผ่เมตตาให้เขาไป..’ พวกเราได้ฟังอย่างนั้นต่างก็ขนลุกเกลียว และร้องขึ้นมาพร้อมกัน ‘อ้าววว! หลวงพ่อทำไมไม่บอกแต่แรก?’ หลวงพ่อท่านก็บอกแค่ว่า ‘ไม่อยากบอก เดี๋ยวไม่เป็นอันทำงานกัน เราอยู่ส่วนของเรา..เขาอยู่ส่วนของเขา ไม่เกี่ยวกัน’ แล้วท่านก็หัวเราะออกมา
หลังจากกราบลาหลวงพ่อเรียบร้อย ก็แยกย้ายกันไปเก็บข้าวของเครื่องมือขึ้นรถบัสของคณะที่วนมารับตามเวลา แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ยังเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากทุกคนขึ้นรถนั่งประจำที่กันแล้ว กำลังรอคนขับรถมาขับ จู่ๆ รถบัสที่จอดใส่เบรคมือไว้เกิดไหลครับ ซึ่งที่จอดมันเป็นทางลาดลงเขาซะด้วย ทีนี้ล่ะ ถึงเวลาสละยานสิครับ ทุกคนต่างกระโดดลงรถหนีตายกันอุดตลุด เคราะห์ดีที่มีรุ่นพี่คนหนึ่งแกมีสติ วิ่งไปที่นั่งคนขับ เหยียบเบรคและใส่เกียร์ไว้ได้ทัน รถจึงหยุดได้ ..งานนี้เล่นเอาใจหายใจคว่ำ กว่าจะกลับมากันได้ แทบจะเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่วัดป่าผีสิงซะแล้ว.. เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดจากความบังเอิญ ความประมาท หรือสิ่งลี้ลับกันแน่ ก็สุดจะคาดเดาได้ แต่ถ้าจะให้ผมกลับไปที่วัดป่าแห่งนั้นอีก ผมคงไม่เอาอีกแล้วล่ะครับ..
Story by คุณฟง
จบแล้วค่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ👻💗
1
โฆษณา