8 ต.ค. 2020 เวลา 00:13 • ประวัติศาสตร์
--ฎีกาถึงในหลวง ร.9--
ฉันเคยสงสัย นอกจากพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทำประจำทุกวันทุกวินาที
ยังมีเรื่องร้องทุกข์ ที่มาทางจดหมาย
หรือเรียกว่าฎีการ้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากพระองค์อีกหลายฉบับ
www.bbc.com/thai
มีคนเขียนจดหมายถึงในหลวงท่านด้วย
พระมหากษัตริย์ที่รับเรื่องร้องทุกข์ โดยทางจดหมายก็ได้หรือ?
ใครจะเขียนก็ได้หรือ?
การเข้าถึงพระองค์ทำได้ง่ายเพียงนี้หรือ?
บางคนไม่มีบัตรประชาชนคนไทย
ก็ยังเขียนจดหมายถึงพระองค์ได้
และพระองค์ก็ทรงรับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้...
อ่านไปก็กลืนก้อนสะอื้นไป
ไม่กล้าร้องไห้ที่โต๊ะทำงาน
จมูกแดง น้ำตารื้ออยู่ อึดอัดหายใจลำบาก
เรื่องในหลวง ร.9 เป็นเรื่องเสียใจและเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเราและคนไทยอย่างไม่รู้ว่าวันไหนจะทุเลาความเจ็บปวดในใจ
จากความรักและความคิดถึงพระองค์ท่าน
ทุก ๆ ครั้งที่คิดถึง จึงนึกถึงคำสอนของพระองค์
หลังปี 2559 เป็นต้นมา ฉันรู้สึกว่าฉันเปลี่ยนเป็นคนใหม่
เป็นคนใหม่ที่อยากดีขึ้น
อยากทำตัวให้มีประโยชน์
เพราะคิดว่าถ้าเป็นคนที่ไม่ดี
ทางเดินที่จะไปเป็นข้ารองบาทฯ
ในภพภูมิหน้า คงเป็นไปได้ยาก
/ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ
กำลังหาอ่านเรื่องฎีกา
หรือจดหมายถึงในหลวง ร.9
ว่าทำไมพระองค์ ช่วยเหลือทุกข์ของประชาชน
ทุกหย่อมหญ้าเพียงนี้
เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ จนพบว่าแม้แต่คนสนิท
ที่ดูแลพระองค์
ที่หลาย ๆ ครั้งก็กังวลกับการที่ประชาชนเข้าถึงพระองค์และถวายฎีกาให้พระองค์ต่อพระพักตร์
แต่เมื่อคราวหนึ่งข้าราชบริพารใกล้ชิดก็อดไม่ได้จนต้องถวายฎีกาให้พระองค์
ทรงพักผ่อนพระวรกาย
เพราะพระองค์ทรงงาน ขณะแพทย์ขอให้พระองค์
งดทรงพระราชกรณียกิจอย่างน้อย 1 เดือน
..........
พบบทสัมภาษณ์หนึ่งที่ ท่าน พล.ต.อ.วสิษฐ
เดชกุญชร (อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนัก)
เล่าเรื่อง ในหลวง ร. 9 “ประชาชนของพระราชา”
ให้กับ คุณหทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2017
(คลิปเต็มอยู่ในอ้างอิงด้านล่างนะคะ)
www.bbc.com/thai
"15 ปีของการถวายงานรับใช้พระองค์ ถือเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก ๆ
ผมไม่ได้เข้าไปแค่เป็นคนใช้เฉย ๆ
แต่ผมเข้าไปเพื่อดูแลความปลอดภัยของพระยุคลบาท ของผู้ที่คนไทยทั้งประเทศรักและเป็นห่วง
www.bbc.com/thai
ความจริงคือประชาชนส่วนใหญ
่อยากสัมผัสพระวรกาย
อยากจะมาจับท่าน
ขอแค่แตะรองเท้าก็เอา
เช่นกำลังเอื้อมพระหัตถ์ไปรับของที่เขากำลังถวาย
เขาก็ถือโอกาสจับพระหัตถ์ท่าน
ทั้งหมดนี้เราไม่ชอบทั้งนั้น
เพราะไม่แน่ใจว่ามันเป็นอะไร
และบางทีเขาเตรียมฎีกามาถวาย
แต่แล้วก็มีเหตุให้ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นผู้ยื่นถวายฎีกาเสียเอง
ในปี 2518 เพราะทรงมีพระอาการประชวรหนัก
ขณะที่ประทับอยู่ที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์
เมื่อพระอาการทุเลาลง แพทย์กราบบังคลทูลฯ
ขอให้งดพระราชกรณียกิจอย่างน้อย 1 เดือน
........
แต่แล้ว พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ได้ยินพระสุรเสียงของ ร.9 รับสั่งตอบสถานีวิทยุสื่อสาร
www.bbc.com/thai
"ผมก็ทำฎีกาถวายเลย ผมระบายอารมณ์ลงไปฎีกาของผมไว้ว่า
ทรงพระประชวรคราวนั้น คนไทยทั้งประเทศเป็นห่วงท่าน
ตัวผมเองตั้งใจว่าถ้าหายพระประชวร จะบวชถวายพระราชกุศล
www.bbc.com/thai
พระองค์ ตอบมาเป็นข้อ ๆ
ข้อที่เกี่ยวกับการทรงงาน ท่านตอบว่าท่านไม่ได้ดื้อหมอ
ที่นั่งฟังวิทยุอยู่นี้เป็นเรื่องการพักพระอิริยาบทของท่าน
เมื่อได้ยินเสียงตำรวจตระเวนชายแดน เรียกเฮลิคอปเตอร์เครื่องที่หาย
ท่านทรงทราบและเป็นห่วง ท่านได้ยินอยู่พระองค์เดียว เพียงแค่นั้นเอง ท่านได้ยิน ท่านตอบแล้วก็จบ. ดังนั้นไม่ได้เป็นเรื่องทำงานหนักหนาอะไร
ส่วนเรื่องที่จะบวชถวาย ท่านถามว่าจะบวชให้ใคร
เราไม่ตายบวชไม่ได้
ถ้าบวชหน้าไฟอนุญาตให้บวช
/เหล่านี้คือคำตอบของพระองค์
นึกว่าสักวันหนึ่งท่านต้องสวรรคต
เพียงแต่ก่อนวันนั้นน่ะ เคยแช่งตัวเองให้ตายก่อนท่าน
www.bbc.com/thai
เพราะไม่อยากอยู่รับฟังข่าว
แต่ลงท้ายก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ (น้ำเสียงเครือ)
ไม่เคยคิดถึงปาฏิหาริย์ มีแต่ความเสียใจ
www.bbc.com/thai
ทุกวันนี้ถ้ามีอะไรมากระทบ ก็ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้
ฟังมาถึงตรงนี้ เรารับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของการสูญเสียของผู้มีหัวใจเดียวกัน
/มีต่อนะคะ ขอเอาไว้ลงบทความต่อไป🙏🙏
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้🙏🙏🙏🙏🙏🙏
ขอบพระคุณข้อมูลจาก https://www.bbc.com/thai/thailand-41577796
โฆษณา