ท่านพุทธทาส หรือ พระมหาเงื่อม ในเวลานั้นพร้อมด้วยโยมน้องชาย คือนายยี่เกย
หรือ คุณธรรมทาส พานิช และเพื่อนในคณะธรรมทานประมาณ 4 - 5 คนเท่านั้น
ที่ร่วมรับรู้ถึงปณิธานอันมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรมตามรอยพระอรหันต์ของท่าน
ทุกคนเต็มอกเต็มใจที่จะหนุนช่วยด้วยความศรัทธา โดยพากันออกเสาะหาสถานที่
ซึ่งคิดว่ามีความวิเวกและเหมาะสมจะเป็นสถานที่เพื่อทดลองปฏิบัติธรรมตามรอย
พระอรหันต์ สำรวจกันอยู่ประมาณเดือนเศษก็พบวัดร้างเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่
ชื่อวัดตระพังจิกซึ่งรกร้างมานาน บริเวณเป็นป่ารกครึ้มมีสระน้ำใหญ่ ซึ่งร่ำลือกันว่ามีผีดุอาศัยอยู่ เมื่อเป็นที่พอใจแล้วคณะอุบาสกดังกล่าวก็จัดทำเพิงที่พักอยู่หลังพระพุทธรูปเก่าซึ่งเป็นพระประธานในวัดร้างนั้น แล้วท่านก็เข้าอยู่ในวัดร้างแห่งนี้เมื่อวันทื่ 12 พฤษภาคม 2475 อันตรงกับวันวิสาขบูชา โดยมี อัฐบริขาร ตะเกียง และ หนังสืออีกเพียง 2 - 3 เล่มติดตัวไปเท่านั้น เข้าไปอยู่ได้ไม่กี่วันวัดร้างนามตระพังจิกนี้ก็ได้
รับการตั้งนามขึ้นใหม่ ซึ่งท่านเห็นว่าบริเวณใกล้ที่พักนั้นมีต้นโมกและต้นพลาขึ้นอยู่ทั่วไป จึงคิดนำคำทั้งสองมาต่อเติมขึ้นใหม่ให้มีความหมายในทางธรรม จึงเกิดคำว่า สวนโมกขพลาราม อันหมายถึงสวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความหลุดพ้นทุกข์
ขึ้นในโลกตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา