12 ต.ค. 2020 เวลา 11:02 • ท่องเที่ยว
10 ที่สุดจุดหมายปลายทางสำหรับคนรักป่า รักเขา รักทะเล @ ประจวบคีรีขันธ์🌳🌳
สามเดือนก่อนสิ้นปี มีวันหยุดยาว ๆ หลายช่วง .. Green Journey มีแหล่งท่องเที่ยวสำหรับสายธรรมชาติ สายสโลว์ไลฟ์มาแนะนำค่ะ มาแบบแพ็คใหญ่ ๆ ไปกันแบบเต็มอิ่ม
เลยค่ะ ..
จังหวัดแรกที่จะแนะนำ อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ แต่ขับรถกันยาวๆๆเลยค่ะ🤣
.....ประจวบคีรีขันธ์.....
1. "หาดบ้านกรูด"
ชายหาดที่ทอดตัวยาวกว่า 12 กิโลเมตร มาพร้อมกับทิวทัศน์ที่สวยงามของผืนน้ำทะเล
สีคราม หาดทรายสีนวลสะอาดตา แนวต้นสนและสวนมะพร้าวร่มรื่น
ความเงียบสงบ คือบรรยากาศเฉพาะตัวของ “หาดบ้านกรูด”
ชื่อของหาดบ้านกรูดมีที่มาจากแต่เดิมมีต้นมะกรูดขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคั่นกลางด้วยยอดเขาธงชัย นั่นคือ “หาดบ้านกรูดเหนือ” อยู่ทางทิศเหนือของยอดเขาธงชัย บริเวณนี้เป็นหาดส่วนตัว
ส่วนพื้นที่อีกฝั่งคือ “หาดบ้านกรูดใต้” ส่วนนี้จะเป็นหาดที่เลียบทะเล มีถนนเส้นเล็ก ๆ ขนานไปด้วย ทำให้บริเวณรอบ ๆ มากมายด้วยรีสอร์ตบริการนักท่องเที่ยว
ขึ้นชื่อว่าชายหาดย่อมให้ความสดชื่นผ่อนคลาย และยิ่งเป็นหาดสงบอย่างที่นี่ด้วยแล้วยิ่งเพลินเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเล่นน้ำทะเลใสแจ๋วที่ห่างไกลจากคำว่าคลื่นลมแรง
หรือจะยืมจักรยานจากโรงแรมออกมาปั่นเที่ยวเลียบชายหาด สูดอากาศบริสุทธิ์ ชมตะวันขึ้นยามเช้า นับเป็นประสบการณ์ที่ดี
เก็บไว้เป็นความทรงจำ ค่ะ..
🏝🏝🏝🏝🏝🏝🏝🏝🏝🏝🏝🏝🏝🏝
2. อ่าวบ่อทองหลาง
ทัศนียภาพสวยงามของอ่าวที่โค้งเว้าเกือบครบรอบวงกลม พร้อมด้วยความบริสุทธิ์สดชื่นที่มีให้สูดจนเต็มปอด ทั้งยังมีระดับน้ำทะเลบริเวณหาดที่ไม่ลึกมาก
คลื่นลมที่ค่อนข้างสงบ ทำให้ “อ่าวบ่อทองหลาง” แห่งนี้เป็นจุดหมายหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเล่นน้ำและพักผ่อนหย่อนใจ
อ่าวบ่อทองหลางอยู่ห่างจากบางสะพานเพียง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ทำให้การเดินทางมาที่นี่นั้นสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าสนใจยามน้ำลดคือจะเกิดหาดทรายเป็นลานกว้าง และเป็นสันทรายเชื่อมไปยังเกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางอ่าว
สามารถเดินลงไปเดินเล่นชมบรรยากาศได้ มีความร่มรื่นจากแนวต้นหูกวาง มีโขดหินขนาดเล็กเรียงรายโดยรอบ และพื้นที่จัดวางเก้าอี้ชายหาดให้เลือกพักผ่อนได้หลากหลายมุม ค่ะ..
🏖🏖🏖🏖🏖🏖🏖🏖🏖🏖🏖🏖🏖🏖
3. อุทยานเขาหินเทิน
เปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวชมสิ่ง UNSEEN อีกแห่งของเมืองไทย “อุทยานเขาหินเทิน” สถานที่ซึ่งมากมายด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ยักษ์ ตั้งซ้อน เทิน พิง เกยกันอยู่ตามธรรมชาติอย่างน่าอัศจรรย์ แปลกตา และเป็นที่มาของชื่ออุทยาน
เหมาะทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวสายลุยสวมผ้าใบสะพายเป้ หรือแม้กระทั่งสายชิลที่ต้องการเปลี่ยนแนวมาค้นหาสิ่งใหม่ ๆ
หินขนาดใหญ่เหล่านี้ล้วนเป็นก้อนหินแกรนิตขนาดใหญ่ตามธรรมชาติ จัดเรียงตัวไม่เป็นระเบียบแต่น่าสนใจ บางช่วงพิงกันเว้นเพียงช่องทางเดินแคบ ๆ ให้ลอดผ่าน บางช่วงมีให้แอบเสียวจากการทรงตัวซ้อนกันนิ่ง ๆ อย่างหมิ่นเหม่😅
ภายในอุทยานมีจุดชมวิวไฮไลต์ 2 แห่ง จุดชมวิวแรกคือชั้นดาดฟ้าที่เปิดโล่งบนอาคาร มองเห็นหินเทินอยู่ใกล้ ๆ พร้อมด้วยทัศนียภาพทุ่งกว้างและภูเขาลูกใหญ่ไกลสุดสายตา จากตรงนี้มีเส้นทางเดินเชื่อมไป
จุดชมวิวที่สองซึ่งเป็นพื้นที่ของสำนักสงฆ์ และหากเดินทางเลยไปอีก 4 กิโลเมตร จะถึงด่านสิงขรบริเวณชายแดนไทย-พม่า ซึ่งเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ เนื่องจากเส้นทางนี้เคยเป็นเส้นทางเดินทัพในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายมาก่อน
4. น้ำตกป่าละอู
“น้ำตกป่าละอู” จุดหมายที่ทุกคนสามารถเดินทางมาสัมผัสความชุ่มฉ่ำท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม พร้อมด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ สายน้ำตกที่นี่ไหลตลอดทั้งปี
สายผจญไพรยิ่งไม่ควรพลาดการมาเยือนที่นี่ เพราะด้วยสภาพธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ ทำให้พื้นที่รายล้อมน้ำตกป่าละอูเป็นแหล่งอาศัยสัตว์ป่าหายากจำนวนมาก อาทิ ช้างป่า กระทิง เสือดาว เลียงผา ฯลฯ
สัตว์ที่พบเห็นได้ง่ายคือชะนีและค่าง และสำหรับใครที่ชื่นชอบดูนก สามารถมาเดินสายดูนกได้ตามระหว่างทางไปป่าละอูและที่บริเวณน้ำตก
หากมาเดินป่าละอูในช่วงเดือนเมษายนไปจนถึงกรกฎาคม อาจเห็นผีเสื้อเป็นฝูงนับร้อยตัวอยู่ตามโป่งโดยเฉพาะตามลำธารหรือน้ำตก เพราะอุดมไปด้วยธาตุอาหารที่ผีเสื้อต้องการ
🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳🌳
5. อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
ภูมิทัศน์เทือกเขาหินปูนสูงตระหง่านกระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ ผสมผสานกับทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ทั้งทะเล ถ้ำ ป่าชายเลน และทุ่งน้ำจืด คือมนต์เสน่ห์ของ “อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด”
อุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีจุดหมายการท่องเที่ยวให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
ตำนานเล่าว่าเดิมพื้นที่นี้เคยเป็นท้องทะเล วันหนึ่งขบวนเรือสำเภาจีนแล่นผ่านมาเจอมรสุมจนเรืออับปาง แต่คนบนลำเรือที่รอดชีวิต 300 คนไปอาศัยอยู่ตามเกาะต่าง ๆ เป็นที่มาของชื่อ “เกาะสามร้อยยอด” ก่อนเพี้ยนมาเป็น “เขาสามร้อยยอด”
จุดท่องเที่ยวที่ต้องยกให้เป็นไฮไลต์อย่างแรกคือ "จุดชมวิวเขาแดง" ที่มีทัศนียภาพยามเช้าสวยงามเหนือยอดเขา ชมวิว 360 องศาพร้อมชมนกบินออกหาอาหาร
ส่วนความงามช่วงก่อนพระอาทิตย์ลับฟ้าต้องชวนให้ไปล่องเรือชมที่ “คลองเขาแดง” นอกจากนั้นยังมี “ทุ่งสามร้อยยอด” ซึ่งสวยเป็นพิเศษยามหน้าหนาวที่บัวหลวงบานเต็มทุ่ง ทั้งยังเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญ มีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ
ส่วนใครต้องการพักผ่อนที่หาดสงบ บรรยากาศร่มรื่นด้วยทิวสนต้องไปที่ “หาดสามพระยา”
หรือเดินเล่นตามแนวหาดโค้งสวยแบบพระจันทร์เสี้ยวที่ “หาดแหลมศาลา” ลุ้นชมฝูงโลมาเผือกที่ “เกาะโครำ”
ไปดำน้ำชมปะการังที่ “เกาะนมสาว” ที่มีที่มาของชื่อจากการจินตนาการว่าคล้ายหน้าอกผู้หญิง
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีความงามของหินงอกหินย้อยใสและโปร่งแสงแปลกตาที่ “ถ้ำแก้ว” หินงอกหินย้อยลักษณะคล้ายน้ำตกมีให้ชมที่ “ถ้ำไทร”
และไม่ได้กับภาพความมหัศจรรย์แสงส่องผ่านปล่องถ้ำลงมาเพิ่มความตระการตาให้ “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” พลับพลาแบบจัตุรมุขที่ตั้งอยู่ใน “ถ้ำพระยานคร”
6. อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง
ธรรมชาติรื่นรมย์อันเป็นไฮไลต์ของที่นี่ คือ “น้ำตกห้วยยาง” ที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำใสสะอาด สดชื่น ฉ่ำเย็น จากแหล่งต้นน้ำที่สันเขาซึ่งกั้นเขตแดนระหว่างไทย-พม่า มีแก่งหินลดหลั่นกันเป็นชั้น ๆ ตามธรรมชาติถึง 9 ชั้น ที่เหมาะกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ กันออกไป
อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยางกินพื้นที่ถึง 2 อำเภอ คือ อำเภอทับสะแกและอำเภอบางสะพานของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์สภาพทั่วไปเป็นภูเขาและหุบเขาตามแนวเทือกเขา มีทั้งป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ
จึงทำให้ที่นี่ได้ซ่อนความชุ่มฉ่ำไว้อีกหลายจุดไม่ว่าจะเป็น “น้ำตกเขาล้าน” ที่มีสายน้ำตระการตาไหลลงจากผาสูง 50 เมตร
“น้ำตกห้วยหินดาษ” ที่ซ่อนตัวตั้งอยู่ในซอกเขาสูงชัน
“น้ำตกขาอ่อน” (ทับมอญ) ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย-พม่า และยังมี “ยอดเขาหลวง” เป็นยอดเขาสูงที่สุดของเทือกเขาตะนาวศรี และเป็นจุดหมายยอดนิยมที่ท้าทายเหล่านักท่องเที่ยวสายเดินป่าไต่เขาให้มาพิสูจน์ความสวยงาม
7. อุทยานแห่งชาติหาดวนกร
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของ “อุทยานแห่งชาติหาดวนกร” คือการผสมผสานกันอย่างลงตัวของพื้นที่ป่าโปร่งกับหาดทราย มีความสงบ เป็นธรรมชาติ และให้ความรู้สึกเสมือนเป็นดินแดนที่ห่างไกลจากความวุ่นวาย โดยเฉพาะ “หาดวนกร” ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร
เรียงรายด้วยทิวสนทะเลที่ยอดลู่ไปตามแรงลม มีทรายขาวสะอาดตา ท้องทะเลสีครามดึงดูดให้ลงเล่นน้ำ หรือแม้กระทั่งยามน้ำลดก็ยังสวยงามด้วยผืนหาดทรายกว้างยื่นลงไปในพื้นที่ที่เคยเป็นทะเล
บริเวณหาดวนกรมีพื้นที่บริการให้นักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์พักแรมนอนฟังเสียงคลื่น ตื่นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ปั่นจักรยานเลียบหาด ดำดิ่งลงไปทักทายสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล
ที่นี่ยังเป็นแหล่งอาศัยของนกนานาชนิดให้ได้ชมอย่างเพลิดเพลินด้วย
นอกจากหาดหลักแล้ว ยังมี “อ่าวมะค่า” ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ มีทัศนียภาพสวยงามของ “เกาะจาน” และ “เกาะท้ายทรีย์” ฯลฯ ที่โดดเด่นอยู่เบื้องหน้า ซึ่งหากสนใจก็สามารถเช่าเรือสปีดโบ๊ทข้ามไปได้ โดยเกาะทั้งสองมีลักษณะเป็นเขาหินปูน รูปร่างแปลกตา เป็นเกาะสัมปทานรังนก อีกทั้งรอบเกาะยังมีแนวปะการังน้ำตื้นที่น่าสนใจอีกด้วย
8. อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
“กุยบุรี ซาฟารีเมืองไทย” พื้นที่อันอุดมด้วยพืชพรรณและสัตว์นานาชนิด ไม่เพียงแค่เป็นพื้นที่อนุรักษ์แต่ยังเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ใครมาเยือนล้วนต้องตื่นตาตื่นใจกับการชมโขลงช้างป่าและฝูงกระทิงออกหากินตามธรรมชาติ
ที่นี่เป็นแหล่งรวมพันธุ์ไม้และแหล่งอาหารของสัตว์ป่า มีส่วนติดต่อกับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีสภาพทั่วไปเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนอันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี มีสภาพป่าเป็นป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ
นอกจากพันธุ์ไม้ทางเศรษฐกิจและไม้หายากแล้ว ยังมีสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองหลายชนิด ทั้งยังเป็นต้นน้ำของแม่น้ำกุยบุรี มีทิวทัศน์ที่สวยงาม อันเป็นประโยชน์แก่การศึกษาและความรื่นรมย์ของประชาชนที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวชมความสมบูรณ์ของผืนป่าใหญ่ของไทย
9. วนอุทยานปราณบุรี
วนอุทยานปราณบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ปราณบุรีที่ได้รับความนิยมตลอดกาล เพราะเดินทางสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหากมาจากกรุงเทพฯ
มีความสงบของธรรมชาติให้พักผ่อนได้อย่างสบายใจ ทั้งหาดทราย ป่าชายเลน และจุดชมวิวบนยอดเขา เป็นอีกหนึ่งจุดหมายสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวควรตั้งเป้าหมายไว้ในใจ
 
หาดทรายขาวสะอาดที่ร่มรื่นด้วยแนวสนของวนอุทยานปราณบุรีนั้นทอดตัวยาวนับกิโลเมตร และมีทิวทัศน์ท้องทะเลที่สวยงาม สามารถนั่งเพลินชมวิวผืนน้ำทะเลสีฟ้าคราม เกาะสิงโต เขาตะเกียบ และเขาเต่า
ท่ามกลางไอแดดสดใส และสายลมที่พัดมาให้ชื่นใจได้ตลอด
ภายในมีเส้นทางให้เดินชมและสำรวจทรัพยากรธรรมชาติของระบบนิเวศป่าชายเลนอย่างใกล้ชิด
10. ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน
สิรินาถราชินี
ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นความน่าทึ่งด้วยตาตนเองถึงความร่มรื่นและสมบูรณ์ของป่าชายเลนผืนใหญ่
ที่เกิดจากการพลิกฟื้นมาจากนากุ้งร้างอันปราศจากสีเขียวไม่มีต้นไม้แม้สักต้นเดียว ให้กลับกลายเป็นศูนย์รวมนานาพันธุ์ไม้ ที่อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่แห่งปากน้ำปราณบุรี
ทั้งหมดนี้คือ ทรัพยากรธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ที่ฝังตัวอยู่ในจังหวัดที่ทอดตัวยาวที่สุดของประเทศไทย ประจวบคีรีขันธ์ ..
ถ้าเที่ยวจะอิ่มหนำใจคงต้องใช้เวลาสัก 4-5 วัน วันหยุดยาวๆ หน้า หาโอกาสไปกันนะคะ ..🌳🏜🏕☘🏖🏝🌳🏜🏕☘🏝
โฆษณา