17 ต.ค. 2020 เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
[WEEKLY ANALYSIS 🧐] พันล้านเหตุผลที่คน “ไม่สน" การเลือกตั้งของ "อเมริกา” >> โดย วิเคราะห์ FOREX
ไม่ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐจะเป็นอย่างไรก็ตาม คงไม่ได้สำคัญกับราคาบิตคอยน์ (BTC) เท่าไหร่นัก เพราะสุดท้ายก็ต้องสนับสนุน BTC เพื่อป้องกันอัตราเงินเฟ้ออยู่ดี
เรื่องราวเป็นอย่างไร เดี๋ยวเล่าให้ฟังครับ
พันล้านเหตุผลที่คน "ไม่สน" การเลือกตั้งของ "อเมริกา"
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Trump ได้ส่งสัญญาณถึงฝ่ายค้านต่อการเสนอร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากต้องการ “ดีลใหญ่”
โดยหาก Trump ชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน การสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐจะทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีการลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อมีสัญญาณส่อว่าเศรษฐกิจจะอ่อนแอมาตลอด 4 ปี ในขณะที่เขากล่าวโอ้อวดเกี่ยวกับอัตราการเพิ่มขึ้นของการจ้างแรงงาน และตลาดหุ้น
นอกจากนี้เขายังสามารถผลักดันให้เกิดการลดอัตราภาษีในรอบใหม่ได้
ในขณะที่อดีตรองประธานาธิบดี Joe Biden ผู้ท้าชิงจากพรรค Democrat ได้เปิดตัววาระการประชุมมูลค่า 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ รวมถึงการจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัย สุขภาพ และการงลางานที่ยังได้รับค่าจ้างให้มากขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐที่กำลังย่ำแย่
นอกจากนี้ยังให้คำมั่นว่าจะยกเลิกหนี้เพื่อการศึกษาจำนวน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์อีกด้วย
ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวดูเหมือนว่าจะได้จ่ายกันไปแบบไม่จบไม่สิ้น โดยการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐประจำปีงบประมาณ 2020 เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 เท่า เป็น 3.1 ล้านล้านดอลลาร์ ทั้งนี้นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ธนาคารกลางสหรัฐมีแนวโน้มที่จะพิมพ์เงินต่อไปเพื่อเพิ่มช่องว่างด้านงบประมาณ
ส่วน Chris Wallis ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Vaughan Nelson Investment Management ของ Natixis บริษัทการเงินชื่อดังของฝรั่งเศส กล่าวในการสัมภาษณ์ผ่าน Zoom ว่า “ไม่มีคนเชื่อพระเจ้าในรังสุนัขจิ้งจอก ไม่มีใครต้องกังวลกับการขาดดุล”
ด้านนักวิเคราะห์ใน Wall Street ได้ถกเถียงกันว่าชัยชนะของ Trump หรือ Biden จะดีสำหรับหุ้นหรือไม่ อย่างไร แต่จะง่ายกว่าถ้าพูดถึง BTC เนื่องจากนักวิเคราะห์ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนใหญ่ต่างกล่าวว่า เงินที่พิมพ์ใหม่จำนวน 3 ล้านล้านดอลลาร์ของธนาคารกลางสหรัฐในปีนี้จะช่วยดันราคา BTC ให้เพิ่มขึ้นได้
ซึ่งปีที่ผ่านมาราคา BTC เพิ่มขึ้น 63% จากปีที่แล้ว แต่ S&P500 กลับเพิ่มขึ้นเพียง 9.4%
กราฟราคา BTC/USDT (Binance) วันที่ 17 ต.ค. 63 เวลาประมาณ 03:00 น.
ฝั่งของ Mike Wilson หัวหน้านักยุทธศาสตร์หุ้นของสหรัฐประจำ Morgan Stanley กล่าวกับ CNBC ไว้เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ว่า “ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้ง ในไตรมาสแรกเราก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว”
ตัดภาพมาที่ Ian Shepherdson จาก Pantheon Macroeconomics ได้กล่าวไว้ในรายงานของเขาในวันเดียวกันว่า การเก็บเงินบรรเทาทุกข์ครั้งต่อไปไม่น่าลากยาวไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึงนี้ ยิ่งล่าช้าออกไปเท่าไหร่ก็ต้องใช้เงินเยอะมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังดีที่มีโอกาสที่ FED จะให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติมมา
ซึ่งดูเหมือนว่าตลาดจะไม่สนใจเอาซะเลยว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐ
และมีท่าทีว่าอีกนานกว่าที่เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัว เพราะมีชาวอเมริกันประมาณ 12.6 ล้านคนยังว่างงานอยู่ (ตัวเลข ณ สิ้นเดือนกันยายน) ซึ่งมากกว่าช่วงต้นปีราว 2 เท่าก่อนที่จะเกิดการระบาดของ Covid-19 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพบางคนเริ่มเตือนถึงกรณีการระบาดระลอกใหม่ว่าอาจทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงหรือส่งผลให้เกิดการปิดกั้นบางอย่างที่ทำให้ผลผลิตลดลง
ซึ่งค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาวะซบเซาอาจต้องแยกออกจากรายการลงทุนในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะสหรัฐมีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าถึง 110 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อยกเลิกการผลิตพลังงานจากคาร์บอนได้อย่างเด็ดขาดในปี 2050 ตกเฉลี่ยปีละ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์
Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยเนื่องจาก Covid-19 ซึ่งหากไม่มีการช่วยเหลือใดๆ เพิ่มเติมเลยจะทำให้ครัวเรือนและธุรกิจประสบกับภาวะ “ล้มละลาย” เพิ่มขึ้น และจะเป็นภัยต่อความสามารถในการผลิตในที่สุด
Fitch บริษัทจัดอันดับตราสารหนี้ได้กล่าวไว้ในรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่าเศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญที่สุดในการเลือกตั้งปีนี้ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีขนาดเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์จะเป็นตัวแปรสำคัญที่พอบ่งชี้ได้ว่าใครจะชนะ
เพราะหากรัฐบาลกลางไม่มีการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินที่สูงขนาดนี้ก็จะเกิดการเทขายหุ้นและพันธบัตรจนสภาพคล่องในตลาดเหือดแห้งในที่สุด ซึ่งเป็นสภาวะที่อาจบังคับให้ FED ต้องเพิ่มการซื้อสินทรัพย์รายเดือนหรือให้เงินกู้ฉุกเฉินในรูปแบบใหม่
โดยปัจจุบัน FED กำลังซื้อพันธบัตรและหลักทรัพย์จำนองเฉลี่ยเดือนละ 120,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 1.44 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
จากที่กล่าวมาทั้งหมด Alan Ruskin หัวหน้านักยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศของ Deutsche Bank กล่าวไว้ในรายงานว่า เป็นวัฏจักรที่ต้องการสภาพคล่องมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ และต้องได้รับการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องเพิ่มเติมหากการฟื้นตัวล้มเหลวหรือแย่กว่าที่คาดการณ์ด้วย
และไม่ว่าสุดท้าย Trump หรือ Biden ใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนถัดไปก็ตาม แต่ BTC จะยังยืนหนึ่งในตลาดได้เสมอ
และนี่คือหลายพันล้านดอลลาร์ ที่เป็นเหตุผลสำคัญ
ถ้าชอบบทความนี้ และเห็นว่าเป็นประโยชน์
ฝากกดไลค์ 👍🏻 กด Share ↗️ เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ ❤️
ฝากติดตามพวกเราใน Facebook โดยเลือก “Favorite” ได้ที่
และ Line@ ที่ @forexanalysis.th
ขอบคุณมากครับ 🙏
#วิเคราะห์FOREX #FOREX #ฟอร์เร็กซ์ #CFDs
#Trading #FX #Oil #Stocks #Gold #Broker
#Bitcoin #BTC #Analysis #USA #News
#Cryptocurrency #Election #USElection
โฆษณา