2 ธ.ค. 2020 เวลา 16:46 • ปรัชญา
"จงเป็นตัวเอง"
คงเป็นการยากหากจะปฏิเสธว่าความประทับใจแรกพบ หรือ first impression เป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ
หลายท่านคงรู้กันดีหรืออาจมีประสบการณ์ตรงมาแล้ว
ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น และถูกจดจำ มันแก้ไข เปลี่ยนแปลงได้ยากเย็นแค่ไหน
เป็นธรรมดาและเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า โฮโม เซเปียนส์ หรือก็คือมนุษย์เราในปัจจุบัน ที่เมื่อปักใจเชื่อในสิ่งใดไปแล้ว(แถมมักจะใช้เวลาเพียงไม่นาน อาจจะแค่ไม่กี่วิ ในการสร้างความเชื่อ) มักจะหาหลักฐานมาซัพพอร์ตความเชื่อนั้น
หลายครั้งที่อาจมีข้อมูลซึ่งแสดงให้เห็นถึงแง่มุมอื่น ของสิ่งที่เราดันปักใจไปแล้ว ผ่านเล็ดลอดเข้ามา
เรามักจะทำอย่างไรกับมันครับ ?
ถูกต้องแล้ว
เรามักจะมองข้ามมัน หรือไม่ใส่ใจกับมัน จนในที่สุดมันก็จะหายวับไปในอากาศเอง
นอกเสียแต่ว่าคนอื่นจะหยิบยกมันกลับมายัดเยียดให้กับเราใหม่
ความประทับใจแรกพบเองก็เช่นกัน
เอาจริงๆเลยนะครับ จากคำภาษาอังกฤษ first impression ถูกแปลเป็นความประทับใจแรกพบ ผมค่อนข้างเห็นต่างเสียหน่อย
ผมชอบคำว่า ความประทับใจครั้งแรก มากกว่า
ทำไม?
ก็เพราะเจ้า first impression ที่มักจะสร้างนิยามของบุคคลหรือสิ่งนั้นๆลงไปในมุมมองของเรา
มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้น "ครั้งแรกที่พบ" หนะสิครับ
แปลกใช่ไหมครับ
เอาเป็นว่าถ้าผมบอกว่า "โฆษณาส่วนใหญ่ไม่ถูกสังเกตเห็นเสียด้วยซ้ำ"
คุณคงไม่แปลกใจ
สมองของเราตอบสนองกับสิ่งที่เข้ามาไม่ต่างกันมากหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาหรือผู้คน
ทีนี้ลองเอาประโยคนั้นมาใช้กับคนดูบ้าง
"การเจอกันครั้งแรกส่วนใหญ่ไม่ได้สร้าง(ทำให้เกิด)ความประทับใจ"
นั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่า"ความประทับใจแรกพบ"มันไม่ค่อยตรงความหมายเสียทีเดียว
เพราะว่า "แรกพบ" เนี่ย เราอาจจะยังไม่ได้ "ประทับใจ" อะไรใครเสียด้วยซ้ำ(ไม่ว่าจะบวกหรือลบก็ตาม)
ความจริงเรื่องหนึ่งคือเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า"ความประทับใจครั้งแรก"จะเกิดขึ้นตอนไหน มันอาจจะเป็นครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ที่เจอกันก็เป็นได้
และมันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่ออีกฝ่าย"มองเห็น"เราจริงๆเท่านั้น
หลายครั้งที่เวลาเราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คนู่นนี่ แล้วพอเก็บลงไปก็ยกข้อมือขึ้นมาเพื่อเช็คเวลา
ใช่ครับ หลายครั้งผมก็ทำ
ไม่แปลกหรอ?
อาจจะไม่แปลกก็ได้ครับ แต่ถ้าว่ากันตามตรง ในเมื่อโทรศัพท์ส่วนใหญ่ก็มีฟังก์ชันนาฬิกาบอกเวลาอยู่แล้ว ซึ่งแทบจะแสดงอยู่ตลอดไม่ว่าเราจะเข้าแอพแชทหรือโซเชียลมีเดีย
มันอยู่ตรงนั้นก็จริงครับ แต่บ่อยครั้งที่เราไม่ได้ "มองเห็น" มัน
เราอาจจะมอง แต่ไม่เห็นครับ
เพราะเราไม่ได้ใส่ใจกับมัน จึงเป็นเหตุให้ต้องยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูอีกรอบเพื่อให้รู้เวลา
สิ่งนี้เกิดขึ้นเวลาเราเจอกับผู้คนเช่นเดียวกันครับ
หลายครั้งที่เราสนทนา ถามไถ่ แต่เมื่อลาจากกัน เราจำแทบไม่ได้ว่าพูดคุยอะไรไป
หรือแย่ที่สุด เราจำชื่อคนๆนั้นไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
(เอาเข้าจริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับ เพราะผมก็เป็นบ่อยที่จำชื่อคนที่พบกันครั้งแรกไม่ได้)
นั่นคือเราแทบไม่ได้สังเกต หรือใส่ใจกับคนๆนั้นที่เราปฏิสัมพันธ์ด้วยเลย
ไม่แปลกที่ "ความประทับใจครั้งแรก" จะไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อ"พบกันครั้งแรก"
นำมาสู่ข้อสรุปที่ง่ายและได้ผลที่สุดข้อนึง
นั่นคือจงเป็นตัวเอง
เราคงไม่อยากพยายามแทบตายเพื่อทำให้อีกฝ่ายชอบ แต่เขาหรือเธอกลับไม่แม้แต่สังเกตหรอกใช่ไหมครับ
หรือต่อให้สังเกต ครั้งต่อๆมาเราก็ต้องพยายามรักษาภาพจำเอาไว้อีก เพราะถ้าไม่เขาหรือเธออาจจะมองเราเปลี่ยนไป (ส่วนมากจะติดลบลง)
คำถามคือ เราจะยอมทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เพื่อทำให้คนที่ก็ไม่ได้ใส่ใจเรา มาชอบเราไหมละครับ
(แต่ถ้าคนๆนั้นมีความหมายต่อเรามาก บางครั้งก็คงจะเลี่ยงไม่ได้)
แถมท้ายอีกอย่างนึง นั่นคือเคล็ดลับที่จะช่วยให้เราจดจำคนอื่นได้
(พูด)ง่ายมากครับ เราแค่ต้องใส่ใจคนอื่นจริงๆเท่านั้นเอง
ใส่ใจและสนใจที่จะรู้จักเขาหรือเธอให้มากขึ้น ถามคำถาม
และพยายามที่จะไม่พูดถึงตัวเองมากเกินจนยึดบทสนทนาไป
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการได้จำและถูกจดจำนะครับ
โฆษณา