3 ธ.ค. 2020 เวลา 06:26 • การตลาด
เรื่องเล่าเคลือบช็อคโกแลต
เครดิตรูป https://www.prhspeakers.com/speaker/rob-walker
ในปี 2009
Rob Walker นักข่าวอิสระที่เขียนคอลัมน์อยู่บน New York Times Magazine เกิดทำแก้วกาแฟใบโปรดแตก
นั่นเป็นชนวนที่ทำให้ Rob มานั่งคิดกับตัวเองว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเสียใจที่มันแตก ทั้งๆที่ราคาที่ซื้อมาไม่เกิน 10 เหรียญด้วยซ้ำ(ซึ่งถือว่าไม่แพงสำหรับแก้วกาแฟในอเมริกา)
ปรากฏว่าแก้วใบนั้นมีคุณค่ากับเขามาก ทั้งๆที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนทำแก้วนี้ขึ้นมา และรูปบนแก้วมันก็ไม่ได้เป็นงานศิลปะทรงคุณค่าเสียหน่อย แต่เรื่องราวนับตั้งแต่ที่เขาซื้อแก้วใบนั้นมา กลับติดอยู่ตามความทรงจำของเขา
ทำไมเราถึงให้คุณค่ากับสิ่งที่เราให้คุณค่า?
ทำไมเราถึงตัดสินใจซื้อสิ่งที่เราซื้อ?
นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้ตัดสินใจตามหลักเหตุผลไปเสียทุกอย่าง
ที่ Rob รักแก้วใบนั้น ก็เพราะมันเต็มไปด้วยเรื่องราวของเขา
ถ้าอย่างนั้นการสร้างเรื่องราวให้กับสิ่งของจะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับมันอย่างนั้นหรือ?
คำถามนั้นนำไปสู่การทดลองที่ถูกเรียกว่า "Significant Object"
Rob เริ่มต้นด้วยการเข้าไปซื้อของราคาถูก 200 ชิ้น ใน e-bay (ราคาเฉลี่ย $1.25)
จากนั้นก็ชักชวนนักเขียนมืออาชีพ 200 คน ให้เข้ามาเป็นส่วนในของการทดลอง
โดยที่แต่ละคนจะต้องเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับของหนึ่งอย่าง นักเขียนเหล่านั้นตอบรับ
Rob กลับไปที่ e-bay อีกครั้ง เพื่อที่จะลงขายสิ่งเหล่านั้น
คุณคิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปไหมครับ ?
หนึ่งในของที่ถูกขายออกไปคือ หัวม้าพลาสติกชิ้นนึงที่ถูกซื้อมาด้วยราคา 0.99$
อยากลองทายเล่นๆดูไหมครับว่าเจ้าหัวม้าถูกขายออกไปที่เราคาเท่าไร?
หัวม้าพลาสติก อ้างอิง https://significantobjects.com/2010/10/08/horse-bust-beth-lisick-story/
ด้วยพลังแห่งเรื่องราวและระบบประมูลของ e-bay หัวม้าพลาสติกชิ้นเดิมที่ถูกเรียกว่า "Horse Bust" ถูกขายออกไปที่ราคา 62.95$
น่าเหลือเชื่อไปเลยใช่ไหมครับ
มาถึงตอนนี้คุณอาจคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า
ของชิ้นอื่นละเป็นแบบนี้หมดเลยไหม ?
ของทั้งหมด 200 ชิ้น ที่ถูกซื้อมาด้วยเงิน 197 $
เมื่อมีเรื่องราวเพิ่มเข้ามา ของเหล่านั้นถูกเปลี่ยนเป็นเงินเกือบๆ 8,000$ ครับ
น่าทึ่งไหมละครับ
ด้วยพลังของเรื่องราว ที่ทำให้ของราคาถูก ขายออกไปด้วยราคาเกือบจะ 63 เท่า !!
นั่นคือความเจ๋งของเรื่องราว ที่เจาะผ่านการใช้เหตุผลของเรา
เข้าไปสะเทือนอารมณ์ครับ
ข้อสรุปของการทดลอง?
แน่นอนที่สุดว่าเรื่องราวสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งต่างๆได้ครับ
เหมือนกับช็อคโกแลตที่ไม่ว่าจะเอาไปเคลือบอะไรก็ทำให้ดูน่ากิน (และอร่อย) มากขึ้นนั่นเองครับ
เพียงแต่ว่ายังมีข้อสังเกตอีกเล็กน้อย
นั่นคือการเลือกเรื่องราวให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และสิ่งที่ต้องการนำเสนอ
เหมือนอย่างที่ช็อคโกแลตมีหลายชนิด (white choc, milk choc, dark choc) ซึ่งแต่ละชนิดก็ยังแตกต่างกันไปตามความเข้มข้นและส่วนผสมเพิ่มเติมอีก
ดังนั้นไม่ใช่ว่าช็อคโกแลตทุกชนิดจะเหมาะกับการเคลือบทุกอย่าง
ถ้าเอา milk choc ที่มีความหวานมันมากไปเคลือบของที่หวานอยู่แล้ว มันยิ่งจะทำให้เลี่ยนกันไปใหญ่จนหลายคนไม่ชอบ
เรื่องราวก็เช่นเดียวกันครับ เรื่องราวเองก็มีความหลากหลาย และส่งผลให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ในแบบที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับผมทั้งการเลือกใช้ให้เหมาะ และทักษะในการสร้างสรรค์เรื่องราวเป็นสิ่งที่สำคัญ ในการสื่อสาร รวมถึงการส่งเสริมและเพิ่มมูลค่าครับ
อ้างอิง
สำหรับคนที่อยากอ่านแบบย่อ https://42courses.medium.com/how-storytelling-increased-the-value-of-an-ebay-item-by-6395-60ca4f0280e
สำหรับคลิปที่ Rob Walker เล่าถึงการทดลอง Significant Objects https://vimeo.com/18413594
สำหรับตัวอย่างเรื่องราวของสิ่งที่ขายและรายละเอียดการทดลอง https://significantobjects.com/
โฆษณา