3 เคล็ดลับที่สหรัฐอเมริกา ใช้เสกดอลลาร์ให้ล้ำค่ากว่าสิ่งใด
ห่างหายไปนานสำหรับสรุปซีรี่ย์ The Changing World Order ที่เขียนโดยผู้จัดการกองทุน Hedge Fund ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Ray Dalio ในตอนนี้ผมได้หยิบหนึ่งในประเด็นจากบทที่ 5 ตอนที่ 2 ที่มีชื่อตอนว่า The Big Cycles of the United
States and the Dollar, Part 2
ซึ่ง Ray ได้ทำการเล่าเรื่องราวของเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี 1945 จนถึงปัจจุบัน ที่เป็น
ยุคสมัยที่สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของโลกมาอย่างยาวนาน ถึงแม้ระหว่างทางจะต้องประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจและสงครามมากมายก็
สามารถผ่านพ้นมาได้
โดยวันนี้ผมจะมาสรุป 3 เคล็ดลับที่ทำให้สหรัฐสามารถผ่านวิกฤตต่าง ๆ มาได้ บอกใบ้นิดนึงว่าคีย์สำคัญก็คือการสร้างเงินดอลลาร์ให้แข็งแกร่ง! ไปติดตามกันครับว่า
สหรัฐทำได้อย่างไร
การสิ้นสุดลงของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 นั้นไม่ได้ทำให้โลกสงบสุขโดยสมบูรณ์ เพราะมันกลับเป็นการเริ่มต้นของสงครามเย็น
เนื่องจากประเทศกลุ่มผู้ชนะสงครามนั้นได้ถูกแบ่งเป็น 2 ขั้วอีกทีคือ 1. กลุ่มทุนนิยม/ประชาธิปไตยที่นำโดยสหรัฐอเมริกา และ 2. กลุ่มคอมมิวนิสต์/เผด็จการที่นำโดย
สหภาพโซเวียต โดยแต่ละกลุ่มนั้นจะมีระบบการเงินและเศรษฐกิจเป็นของตนเอง
ทำให้โลกถูกแยกออกเป็น 2 ข้าง
Ray ได้อธิบายปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้กลุ่มของสหรัฐอเมริกายืนระยะได้นานกว่าสหภาพโซเวียต ซึ่งผมสรุปได้ 3 ข้อดังนี้
1. สหรัฐมีอาวุธที่เข้มแข็งกว่า
โดยเฉพาะการที่สหรัฐมีอาวุธนิวเคลียร์มากกว่าโซเวียตหลายเท่า จึงทำให้มีอำนาจในการต่อรองกับประเทศต่าง ๆ สูงกว่า รวมถึงมีศักยภาพในการเอาชนะสงครามที่
เป็นสงครามตัวแทนมากกว่าฝั่งที่สนับสนุนโดยโซเวียต
2. สหรัฐมีทองคำมากมายมหาศาล
สหรัฐนั้นมีทองคำมากถึง 2 ใน 3 ของโลก ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจภายในประเทศมีความแตกต่างจากเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
เศรษฐกิจภายในประเทศนั้นรัฐบาลสามารถเขียนกฎหมายให้ใช้อะไรเป็นเงินก็ได้
โดยไม่ต้องสนใจว่าสิ่งนั้นจะมีค่าจริง ๆ หรือเปล่า แต่เศรษฐกิจระหว่างประเทศนั้น
ต้องใช้ตัวกลางที่ได้รับการยอมรับกันเป็นสากล
โดยการที่สหรัฐถือทองคำอยู่มากทำให้สหรัฐสามารถสร้างระบบ Bretton Woods ที่ทำให้เงินดอลลาร์มีความน่าเชื่อถือเทียบเคียงกับทองคำได้
ซึ่งโซเวียตเองก็ได้สร้างระบบของเงินรูเบิลขึ้นมาเช่นเดียวกัน แต่ก็เทียบชั้นกับระบบของดอลลาร์ไม่ได้เลย
3. การสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง
หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น เศรษฐกิจของประเทศในยุโรปและญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะที่เรียกได้ว่าพังทลาย ซึ่งสหรัฐก็ได้ทำการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้
ผ่านปล่อยกู้และการช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ หรือที่เรียกว่าแผนมาร์แชลล์
ผลลัพธ์ก็คือสหรัฐได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของประเทศเหล่านี้อย่างมาก ทั้งการ
ต่อต้านคอมมิวนิสต์, การส่งออกที่สูงขึ้นจากกำลังซื้อของประเทศเหล่านี้และเงินดอลลาร์ก็มีความเข้มแข็งขึ้นไปด้วย
.
ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ส่งเสริมกันเองอย่างลงตัว ถ้าอธิบายให้เห็นภาพก็คือสหรัฐเปรียบ
เสมือนคนรวยที่กล้ามใหญ่แถมมีเพื่อนเก่ง ๆ เยอะ ใครที่คิดจะต่อกรด้วย บอกได้คำเดียวครับว่า "เหนื่อย"
นั่นส่งผลให้เงินดอลลาร์กลายเป็นเงินสำรองที่มีความเข้มแข็งอย่างมาก แม้จะต้อง
เจอกับบททดสอบสำคัญในช่วงทศวรรษที่ 70 ที่การผลิตของเยอรมันและญี่ปุ่นเติบ
โตจนกลายเป็นคู่แข่งในด้านสินค้าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้การส่งออกที่เป็นส่วน
สำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐย่ำแย่อย่างหนัก
ผลกระทบที่ตามมาคือเงินดอลลาร์สูญเสียความน่าเชื่อถืออย่างมากจนทำให้
ประเทศต่าง ๆ ต้องการนำเงินดอลลาร์กลับไปแลกคืนเป็นทองคำ ทว่าทองคำที่
สหรัฐถืออยู่นั้นมีไม่มากเพียงพอจนต้องยกเลิกมาตรฐานทองคำในปี 1971
ตอนนั้นหลายคนคิดว่าถึงคราวล่มสลายของสหรัฐแล้ว ราคาของสินทรัพย์ต่าง ๆ
พุ่งขึ้นสูงมาก สหรัฐต้องเจอกับภาวะเงินเฟ้อจนทำให้ธนาคารกลางตัดสินใจขึ้นดอก
เบี้ยขนานใหญ่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนจนอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ
18%
ปรากฏว่าผลที่ตามมาคือทำให้โลกเกิดสภาวะเงินตึงตัวหรือพูดง่าย ๆ ก็คือเศรษฐ
กิจฝืดเคือง เพราะเงินไม่หมุน
ขอเบรกตรงนี้นิดนึงครับ คือการที่ขึ้นดอกเบี้ยแล้วทำให้เงินตึงตัวได้นั้นแสดงให้เห็นความต้องการของเงินดอลลาร์ที่สูงมาก ลองเปรียบเทียบกับประเทศเล็ก ๆ ที่ค่าเงินพังอย่างเวเนซุเอลาก็จะเห็นว่าการขึ้นดอกเบี้ยนั้นไม่ช่วยอะไร สุดท้ายแล้วเงินสกุล
นั้นก็จะสูญค่าไป เนื่องจากผู้คนเลิกใช้สกุลเงินนั้นไปใช้สกุลอื่นแทน
และนั่นทำให้ธนาคารกลางสหรัฐกลายเป็นดั่งพระเจ้าที่สามารถเสกเงินขึ้นมามาก
มายแค่ไหนก็ได้ (เงินดอลลาร์มีค่าในตัวเอง ไม่ต้องใช้อะไรประกัน)
หลังจากภาวะเงินตึงตัวในปี 1980 ธนาคารกลางสหรัฐก็ค่อย ๆ ลดดอกเบี้ยลง
พร้อมกับพิมพ์เงินมากขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อแก้ไขภาวะฝืดเคืองและเป็นการเติม
ความต้องการ (Demand) ของเงินดอลลาร์ที่มีอยู่อย่างมหาศาลทั่วโลก เป็นที่มา
ของทฤษฎี MMT ที่ทำให้ธนาคารกลางสามารถพิมพ์เงินออกมาเติมการขาดดุลของรัฐบาลได้
อย่างไรก็ตามในบทนี้ Ray ได้ให้ความเห็นว่าปัจจุบันนี้สหรัฐอเมริกาและเงินสกุล
ดอลลาร์น่าจะเดินทางมาถึงปลายวัฏจักรแล้ว พร้อมทั้งยังมองไปที่การก้าวขึ้นมา
ของจีน
เพราะเหตุใด Ray จึงคิดว่าสหรัฐจะไม่สามารถผ่านความท้าทายครั้งนี้ไปได้เหมือน
ในอดีต? จีนมีอะไรที่ต่างจากโซเวียต, ญี่ปุ่นหรือเยอรมัน? ไว้โอกาสหน้าผมจะมาต่อ รอติดตามนะครับ
แต่ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนใจร้อนสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ต้นฉบับ เดี๋ยวผมจะทิ้งลิงค์ไว้
ในคอมเมนท์ด้านล่างนะครับ
.
แอดปุง
- 55
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
