16 ธ.ค. 2020 เวลา 17:49 • ปรัชญา
"เพราะท่านคู่ควร"
"I'm taking back the crown
I'm all dressed up and naked
I see what's mine and take it"
"ฉันจะทวงมงกุฏคืนมา
ฉันแต่งตัวพร้อมแล้ว และแก้ผ้าอยู่
ฉันเห็นว่าสิ่งไหนเป็นของฉันแล้วก็คว้ามันมา"
- เพลง Emperor's New Clothes โดย Panic! At The Disco
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีพระราชาพระองค์หนึ่งที่ชื่นชอบในการแต่งกาย
พระราชาองค์นี้จะเที่ยวแสวงหาเสื้อผ้าชั้นเลิศมาไว้สวมใส่อยู่เสมอ
คนกระทั่งมีช่างตัดเสื้อสองคนมาเสนอที่จะตัดฉลองพระองค์ชุดใหม่ให้
ซึ่งช่างตัดเสื้อกล่าวอ้างว่าฉลองพระองค์ชุดนี้จะต้องทำมาจากวัสดุชั้นเลิศทั้งหลายและมีคุณสมบัติแสนพิเศษที่คู่ควรแก่พระราชาอย่างแน่นอน
พระราชาจึงได้มอบวัสดุและเงินทองเพื่อให้ช่างตัดเสื้อได้ตัดฉลองพระองค์ชุดใหม่ให้
เวลาล่วงเลยผ่านไป ระหว่างที่ช่างกำลังทำงานอยู่นั้น พระราชาและบริวารได้แวะเวียนเข้าไปเยี่ยมเยียนหลายครั้งหลายครา
และแต่ละครั้งที่เข้าไปล้วนเกิดความสงสัยในกลวิธีอันแปลกประหลาดที่ช่างตัดเสื้อทั้งสองใช้
จนกระทั่งเสร็จสิ้น
ช่างตัดเสื้อได้เข้าไปมอบฉลองพระองค์ชุดใหม่ให้แก่พระราชา
และแนะนำให้ลองสวมมันไปให้ประชาชนได้ยลโฉมความงดงามที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน
จากนั้นช่างตัดเสื้อจึงจากไปพร้อมด้วยค่าตอบแทนมหาศาล
พระราชาได้ออกไปพบปะประชาชนพร้อมแสดงความงามของฉลองพระองค์ชุดใหม่
ทุกคนล้วนเห็นดีเห็นงาม ต่างยกย่องในความงดงามของฉลองพระองค์สุดพิเศษนี้
กระทั่ง
มีเด็กชายคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็น
เขาตะโกนสุดเสียงว่า "พระราชาแก้ผ้าอยู่!!!"
ทุกคนเหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่างได้
แม้จะตกใจ แต่พระราชายังคงเชิดหน้าเดินต่ออย่างภาคภูมิใจ ...
ความพิเศษของฉลองพระองค์ชุดนี้ที่ช่างตัดเสื้อบอกเอาไว้คือ "จะมีแต่ผู้ที่คู่ควรเท่านั้นที่จะมองเห็นมัน"
และแม้จะสั่งให้คนออกตามหา พระราชาก็ไม่สามารถตามตัวช่างตัดเสื้อทั้งสองกลับมาได้อีกเลย
อันที่จริงแล้ว ไม่มีใครเคยเห็นฉลองพระองค์ชุดนั้น
แต่ละครั้งที่เข้าไปดูช่างตัดเสื้อทำงาน พวกเขาล้วนเห็นแต่ความว่างเปล่า กับท่าทางงุ่งงานของช่างตัดเสื้อเท่านั้น
กระทั้งตอนที่ช่างตัดเสื้อสวมฉลองพระองค์ตัวนี้ให้กับพระราชา
มันก็เป็นเหมือนการแกล้งทำเป็นสวมให้มากกว่า ทั้งๆที่มันไม่มีอะไร
ใช่แล้ว มันไม่มีฉลองพระองค์อะไรนั่นตั้งแต่แรก
ไม่มีช่างตัดเสื้อ มีเพียงนักต้มตุ๋นผู้มองเห็นโอกาส และใช้ประโยชน์จากความคิดคนเท่านั้น
"The Emperor's New Clothes" เป็นนิทานที่ถูกแต่งขึ้นโดย Hans Christian Andersen
จะว่าไปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันคล้ายกับอุปทานหมู่ ที่ทุกคนล้วนไม่อยากให้คนอื่นมองว่าตนเองไม่คู่ควร จนยอดเออออไปกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เห็นจริงๆ สร้างขึ้นมาเป็นความเชื่อและภาพลวงตาที่ถูกเห็นในหมู่คนที่กลัวการถูกมองว่าแปลกแยก
ทว่าในกลุ่มคนเหล่านั้นยังมีข้อยกเว้นอยู่
ยังมีคนที่อาจไม่รู้และไม่สนใจใน "หน้า" ของตัวเอง จึงได้พูดในสิ่งที่ตนคิดออกมา จนกลายเป็นการกระตุ้นเตือนคนอื่นๆไปในตัว
บางครั้งปัญหาที่เห็นกันอยู่โต้งๆ กลับกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนเลือกที่จะไม่พูดถึง หรือทำเป็นมองไม่เห็น
ทว่านั่นอาจเป็นการปล่อยให้ปัญหานั้นใหญ่ขึ้นและทวีความรุนแรงเพิ่มไปเรื่อยๆก็เป็นได้
ปัญหาที่ไม่ได้ถูกแก้ ย่อมไม่มีวันหายไป
และเรื่องที่เราลำบากใจที่จะพูดหรือทำที่สุด อาจเป็นสิ่งที่เราควรทำมากที่สุดก็เป็นได้ ...
โฆษณา