Boxing Day มาจากไหน ทำไมฟุตบอลอังกฤษต้องแข่งขันกันในวันหยุดแบบนี้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมวยหรือไม่ วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าประวัติศาสตร์ให้ฟัง
วันเฉลิมฉลองที่สำคัญที่สุดของชาวตะวันตก คือวันคริสต์มาส หรือ 25 ธันวาคม ของทุกปี
ที่อังกฤษ ก็มีหลักฐานชัดเจนว่าวันคริสต์มาสสำคัญมากๆ ตัวอย่างเช่น การรถไฟแห่งชาติ (National Rail) ที่เป็นหัวใจหลักในการเดินทางของคนทั้งประเทศ จะมีวันเดียวที่รถไม่เดินขบวน ก็คือวันคริสต์มาสนั่นเอง
ขณะที่รถบัสข้ามจังหวัด (National Express) จากปกติมีหลายร้อยสายต่อวัน ก็จะเหลือเดินรถในวันคริสต์มาสแค่ 11 เส้นทางเท่านั้น และตั๋วก็มีจำนวนจำกัดมาก แปลว่า ถ้าหากใครอยากเดินทางวันคริสต์มาส เรื่องขนส่งมวลชนอาจจะยากหน่อย คุณต้องหารถราขับเอาเอง
เหตุผลที่ขนส่งมวลชนไม่เปิดบริการ ก็เพราะคนขับรถไฟ หรือรถบัส เขาก็อยากอยู่กับครอบครัว ในวันหยุดแบบนี้เช่นเดียวกัน
สำหรับวงการฟุตบอลนั้น ในอดีตมีโปรแกรมเตะกันวันคริสต์มาสด้วย ถ้าตรงกับเสาร์-อาทิตย์พอดี อย่างไรก็ตามสมาคมฟุตบอลอังกฤษตั้งข้อสังเกตว่า ในวันคริสต์มาสคนดูบอลในสนามจะน้อยลงมาก ซึ่งก็เข้าใจได้ มันคือวันครอบครัว ใครๆก็อยากอยู่กับคนที่ตัวเองรัก มากกว่าไปดูบอลในสนาม
นอกจากนั้น ยังมีเสียงโอดครวญมาจากฝั่งนักเตะด้วย ว่าพวกเขาก็มีครอบครัวเหมือนกัน การต้องมาเล่นฟุตบอลในวันแบบนี้ ไม่ยุติธรรมต่อนักกีฬาเลยสักนิด
เกล็น เจมส์ นักเตะของแบล็คพูลยุค 50 ที่เคยลงแข่งขันวันคริสต์มาสกล่าวว่า "อาหารเที่ยงในวันคริสต์มาสของผมคือไข่ลวก" ความหมายของเขาคือ ในระหว่างที่คนบ้านอื่นๆ กินไก่งวง turkey กันอย่างมีความสุข แต่เขาต้องมากินอาหารตามโภชนาการ และไม่ให้อิ่มเกินไป เพื่อลงแข่งขันฟุตบอลในลีกสูงสุด
กระแสต่อต้านการเตะวันคริสต์มาสเพิ่มขึ้น นั่นทำให้ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ และฟุตบอลลีก สั่งยุติการแข่งขันในวันคริสต์มาส ของเกมดิวิชั่น 1 หลังจบซีซั่น 1958-59 และหลังจากนั้นไม่นานดิวิชั่นอื่นๆ ก็หยุดเล่นวันคริสต์มาสตามไปด้วย
ขณะที่อีก 17 ปีต่อมา ในปี 1976 ลีกสกอตแลนด์ก็เห็นชอบด้วย และยุติเกมวันคริสต์มาสตามไป เท่ากับว่าในสหราชอาณาจักร จะไม่มีเกมแข่งขันวันคริสต์มาสอีก
ในประเทศอังกฤษ คำว่าวันหยุดราชการ นอกจากคำว่า Public Holidays แล้ว คุณสามารถใช้คำว่า Bank Holidays (วันหยุดธนาคาร) ได้ด้วย
จุดเริ่มต้นคือ เป็นวันพิเศษที่ธนาคารหยุดทำการ แต่ในเวลาต่อมา คำว่า Bank Holidays ก็ใช้โดยรวมไปเลยกับคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่กับคนที่ทำงานธนาคารเท่านั้น
ที่อังกฤษจะมี Bank Holidays ทั้งหมด 8 วันต่อปี ประกอบด้วย
1) วันปีใหม่ (1 มกราคม)
2) Good Friday (ระลึกถึงพระเยซูโดนตรึงกางเขน) แต่ละปีจะไม่ตรงกันว่าเป็นวันที่เท่าไหร่
3) Easter Monday (ระลึกถึงพระเยซูคืนชีพ) 3 วันหลังจาก Good Friday
4) May Day (วันจันทร์แรกของเดือนพฤษภาคม)
5) Spring Bank Holiday (วันจันทร์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม)
6) Summer Bank Holiday (วันจันทร์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม)
7) วันคริสต์มาส (25 ธันวาคม)
8) บ็อกซิ่งเดย์ (26 ธันวาคม)
สำหรับ Bank Holidays วันอื่น ขนส่งมวลชนจะเดินรถน้อยลงบ้าง แต่ก็ยังเปิดบริการอยู่ ยกเว้นก็แต่วันคริสต์มาสที่จะปิดไปเลย โดยจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันบ็อกซิ่งเดย์
สำหรับความรู้สึกของประชาชน พอวันคริสต์มาสอยู่ที่บ้าน สังสรรค์กันในครอบครัวแล้ว วันต่อมาซึ่งเป็นวันหยุดราชการเหมือนกัน พวกเขาก็อยากออกมาทำกิจกรรมอะไรสักอย่างนอกบ้าน ดังนั้นการแข่งฟุตบอล วันที่ 26 ธันวาคม จึงตอบโจทย์เป็นอย่างมาก
ในฤดูกาล 1959-60 สมาคมฟุตบอลอังกฤษ จึงเปลี่ยนจากโปรแกรมที่เคยเตะวันคริสต์มาส กำหนดให้ทุกๆทีม ต้องลงแข่งขันในวันบ็อกซิ่งเดย์แทน เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับแฟนบอล
ในช่วง 2-3 ปีแรก นักเตะหลายๆคน ยังปรับตัวไม่ได้ กล่าวคือวันคริสต์มาส บางคนดื่มเหล้าหนัก เลี้ยงฉลองแบบจัดเต็ม แล้วพอรู้ตัวอีกที วันรุ่งขึ้นช่วงบ่าย ต้องลงสนามแข่งขันฟุตบอลลีก เกมฟุตบอลในวันบ็อกซิ่งเดย์ช่วงแรกๆจึงชุลมุนมาก
ในปี 1963 การแข่งขันดิวิชั่น 1 จำนวน 10 คู่ ในวันบ็อกซิ่งเดย์ มีประตูยิงรวมกันถึง 66 ลูก (เฉลี่ย 6.6 ลูกต่อเกม)
เบิร์นลีย์ ถล่ม แมนฯยูไนเต็ด 6-1
ฟูแล่ม ถล่ม อิปสวิช 10-1
เวสต์แฮม แพ้ แบล็คเบิร์น 2-8
ลิเวอร์พูล ถล่มสโต๊ค 6-1
แบล็คพูล แพ้เชลซี 1-5
เลสเตอร์ ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0
เชฟฯ เว้นสเดย์ ชนะ โบลตัน 3-0
วูล์ฟแฮมป์ตัน เสมอ วิลล่า 3-3
เวสต์บรอมวิช เสมอ สเปอร์ส 4-4
กองหลังเป๋ไปเป๋มา บางคนโซซัดโซเซ เพราะเลี้ยงฉลองหนักไปหน่อย ซึ่งด้วยผลการแข่งขันที่สกอร์สูงขนาดนี้ ทำให้แฟนบอลเอ็นจอยมากกับการดูบอลช่วงบ็อกซิ่งเดย์
ธรรมเนียมการแข่งบ็อกซิ่งเดย์ จึงยืนหยัดมาตั้งแต่นั้น แม้ในลีกอื่นๆจะไม่มีแข่ง แต่อังกฤษไม่สน ก็จัดแข่งขันต่อไปตามปกติ เพราะคนดูเอ็นจอย แถมขายตั๋วเข้าชมได้เยอะอีกต่างหาก
ในมุมของคนอังกฤษมองว่าการเตะฟุตบอลวันบ็อกซิ่งเดย์ เป็นเรื่องปกติธรรมดา ใครๆก็เตะกัน แต่กับคนชาติอื่นในยุโรป มองว่าเป็นเรื่องแปลก
ราฟาเอล โฮนิกสไตน์ นักเขียนคนดัง ผู้เขียนชีวประวัติของเจอร์เก้น คล็อปป์ อธิบายว่า "ที่เยอรมัน ฟุตบอลไม่ใช่กีฬาฤดูหนาว คือเรามีกีฬาที่เล่นกันในฤดูกาลหนาวโดยเฉพาะ อย่างสกี หรือ สเลดจ์ (Bobsleigh) ผู้คนจะไปเทือกเขาแอลป์ หากิจกรรมฤดูหนาวมาทำกัน และฟุตบอลคือสิ่งสุดท้ายที่พวกเราจะนึกถึง"
"มันเป็นทัศนคติที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่อังกฤษบ็อกซิ่งเดย์ คือวันพักผ่อน วันกิจกรรม ผู้คนจะออกไปช็อปปิ้งอย่างดุเดือดนอกบ้าน แต่ที่เยอรมัน วันบ็อกซิ่งเดย์ร้านค้าก็เปิดนะ แต่มันก็ไม่ได้มีการซื้อขายมากมายอะไรขนาดนั้น"
เช่นเดียวกับเจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ก็กล่าวคล้ายๆกันคือ การแข่งขันช่วงวันหยุดปลายปีแบบนี้ มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
"บ็อกซิ่งเดย์ มันจะสนุกถ้าคุณเป็นกองเชียร์" คล็อปป์กล่าว "ในฐานะทีมฟุตบอล เราลงแข่งขันได้นะ แต่เชื่อว่าคุณภาพจะไม่ได้อยู่ในระดับสูงสุดแน่ๆ มันเหมือนคุณเข้าป่า แล้วคุณหาอะไรอย่างอื่นกินไม่ได้ ถูกบังคับให้กินเนื้อจิงโจ้ คุณรู้อยู่แก่ใจว่า มันเป็นสิ่งไม่ควรกิน ซึ่งการแข่งฟุตบอลช่วงเทศกาลมันก็คล้ายๆกัน คุณรู้แก่ใจว่าไม่ควรลงแข่ง"
"คือมันทำได้ แต่ควรทำหรือเปล่าก็อีกเรื่อง การมีโปรแกรมในช่วงนี้ คุณจะเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บเสมอ นี่เรากำลังพูดถึงวิถีชีวิตของมนุษย์ ที่ควรได้พักในวันหยุด"
ความยากของบ็อกซิ่งเดย์ คือคุณต้องแข่งขันพร้อมกันวันที่ 26 ธันวาคม และจากนั้นอีกไม่เกิน 3 วัน คุณต้องแข่งต่อเนื่องอีก 1 นัดทันที
ต้องแข่ง 2 นัดในรอบ 3 วัน และบางปีอาจเหลือช่องว่างแค่ 2 นัดในรอบ 2 วัน
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้สัมภาษณ์ว่า "ปัญหาของระบบนี้ คือมันไม่ปกป้องนักเตะเลย เรามีเวลาให้ผู้เล่นได้ฟื้นฟูร่างกายน้อยมาก"
ขณะที่โชเซ่ มูรินโญ่ครั้งหนึ่งเคยแสดงความเห็น ในงานสัมมนาของยูฟ่าว่า ไม่เห็นด้วยกับโปรแกรมที่อัดแน่นช่วงบ็อกซิ่งเดย์ "การได้เล่นแค่นัดเดียวในช่วงปลายปี เหมือนที่เขาทำกันในลีกเบลเยี่ยม ก็ไม่ใช่ทางออกที่แย่นะ"
จะเห็นได้ว่า ผู้จัดการทีมที่มาจากชาติอื่นในยุโรป จะไม่เห็นด้วยกับโปรแกรมบ็อกซิ่งเดย์กันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม มันคือธรรมเนียมที่อังกฤษพิสูจน์แล้วว่ามันเวิร์ก คนดูในสนามเยอะกว่าปกติเพราะเป็นวันหยุด สนามแข่งขันได้เงินเยอะขึ้น ขายของได้มากขึ้น บรรยากาศมีความผ่อนคลาย
ส่วนในมุมของการถ่ายทอดสดก็แฮปปี้ เพราะในขณะที่ลีกอื่นหยุดกันหมดในวันบ็อกซิ่งเดย์ พรีเมียร์ลีกลงแข่งกันลีกเดียว ยึดความนิยมช่วงปลายปีไปครองแต่เพียงผู้เดียว
ดังนั้นธรรมเนียมบ็อกซิ่งเดย์ แม้ผู้จัดการทีมหลายคนจะคัดค้าน แต่แน่นอนว่า จะยังมีต่อไปเรื่อยๆ ในฟุตบอลอังกฤษอย่างไม่ต้องสงสัย
คำถามสุดท้าย "ทำไมวันที่ 26 ธันวาคม ถึงใช้คำว่าบ็อกซิ่งเดย์"
จริงๆแล้วมีหลายทฤษฎีที่พยายามจะหาคำตอบว่าบ็อกซิ่งเดย์มาจากไหน แต่ทฤษฎีนี้ดูมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด
Boxing แปลว่ามวย อันนั้นใช่ แต่ในบริบทนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกีฬามวยแต่อย่างใด
ชื่อบ็อกซิ่งเดย์ มีจุดกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ยุคสมัยพระราชินีวิคตอเรีย โดยบันทึกแรกที่มีการใช้คำว่าบ็อกซิ่งเดย์ เกิดขึ้นในปี 1833
โดยในสมัยนั้น เหล่าขุนนางและบรรดาเจ้านาย จะมอบของขวัญให้ข้ารับใช้ของตัวเองในวันคริสต์มาส จากนั้นวันที่ 26 ธันวาคมของทุกปี เจ้านายจะให้ข้ารับใช้ได้หยุดงานเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้เวลาได้อยู่กับครอบครัวตลอดทั้งวัน ซึ่งวันหยุดนี้เอง ข้ารับใช้ก็จะเอากล่องของขวัญนี้ไปแกะกล่องดูว่าเจ้านายให้อะไรบ้าง
ดังนั้น Boxing Day ความหมายจริงๆคือ Unboxing Day หรือวันแกะกล่องของขวัญนั่นเองครับผม
#Boxingday
- 15
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
