25 ธ.ค. 2020 เวลา 14:46 • กีฬา
กรุงศรีในบ้านเราไม่เคยสิ้นคนดีฉันใด “สปอร์ติ้ง ลิสบอน” ยอดทีมแดนฝอยทองก็ไม่เคยสิ้นแข้งฝีเท้าดีฉันนั้น
โดยนับตั้งแต่ที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนแรกแฟนๆต่างก็กังวลว่าทีมจะเสียหายหนักหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจะเจอนักเตะที่เข้ามาอุดรอยรั่วตรงนี้ได้แล้ว เมื่อได้รู้จักกับเด็กหนุ่มที่มีนามว่า...เปโดร กอนคัลเวส
ทั้งนี้ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับเลยว่า “บรูโน่” คือ “เดอะ แบก” ของทีมอย่างแท้จริง โดยเมื่อ 2 ปี ก่อนเขารั้งรองดาวซัลโวของลีกได้ด้วยการทำไป 20 ประตู จากการลงเล่น 33 เกม ขณะที่ปีที่ผ่านมาเขายังสามารถยึดดาวซัลโวของสโมสรได้แม้ว่าจะลาไปอยู่กับทัพ “ผีแดง” ตั้งแต่เดือนม.ค.ก็ตาม ดังนั้นใครจะเข้ามาแทนที่เขาจะเจอแรงกดดันหนักแน่นอน
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าทัพ “กรีน แอนด์ ไวท์ส” จะได้ผู้สืบทอดในตำแหน่งของเขาแทบจะทันท่วงที โดยหลังจากที่เกมลีกฤดูกาล 2020/21 ผ่านไปได้ 10 เกม ชื่อของ กอนคัลเวส ก็ก้าวขึ้นมารั้งดาวซัลโวของลีกได้แล้ว โดยเขาจัดการซัดไปได้ถึง 10 ประตู จาก 9 เกมแรกที่ลงเล่นให้กับทีม พร้อมพาทีมขึ้นรั้งจ่าฝูง มีลุ้นแชมป์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2001/02
ซึ่งจากผลงานอันเอกอุนี้นั้นเองทำให้เขาถูกยกย่องว่าเป็น “The next Fernandes” ไปแล้วเรียบร้อย
สำหรับ กอนคัลเวส หรือ ที่มีนิคเนมว่า “Pote” ลืมตาดูโลกที่เมืองชาเวส ทางตอนเหนือของโปรตุเกส เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 1998 เคยมาอยู่ในอังกฤษเล่นให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน มาแล้วในช่วงปี 2017-2019 ก่อนที่เดือนก.ค. 2019 จะกลับไปเล่นให้กับ ฟามาลิเกา ทีมน้องใหม่ในลีกบ้านเกิด จากนั้นถึงย้ายสู่ถิ่นโชเซ่ อัลบาลาเด้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัว 6.5 ล้านยูโร
แน่นอนว่าด้วยวัยเพียงแค่ 22 ปี เขายังต้องพัฒนาตัวเองอะไรอีกเยอะ ยังไม่มีความสามารถในการยิงไกล หรือ จ่ายบอลแบบเฉียบคม เท่ากับมาตรฐานที่ บรูโน่ เคยวางเอาไว้ แต่จุดเด่นของเขาอยู่ที่ความฉลาดในการเล่น แถมยังมีฝีเท้าที่ว่องไว, เปลี่ยนจังหวะเกมได้อย่างเด็ดขาด และ ยากที่คู่แข่งจะจับทางได้เมื่อเข้าสู่พื้นที่สุดท้าย ทำให้ทีมมักได้เปรียบอยู่บ่อยครั้ง
ในฤดูกาลนี้ กอนคัลเวส มีค่าเฉลี่ยในการทำประตูสูงถึง 1 ลูกต่อการลงเล่นทุกๆ 77 นาที, มีโอกาสยิง 2.3 ครั้งต่อเกม, จ่ายบอลสำคัญได้ 2.2 ครั้งต่อเกม ขณะที่ในช่วง 6 เดือนสุดท้ายกับทีมของ บรูโน่ ทำไว้ค่อนข้างดีมีค่าเฉลี่ยในการทำประตูอยู่ที่ 1 ลูกต่อการลงเล่นในทุกๆ 191 นาที, มีโอกาสยิง 2.6 ครั้งต่อเกม และ จ่ายบอลสำคัญได้ถึง 3.7 ครั้งต่อเกมเลยทีเดียว
ก่อนเซ็นสัญญาซบ ลิสบอน ทาง กอนคัลเวส ได้ให้สัมภาษณ์พูดถึงตัวเองไว้แบบน่าสนใจว่า “ผมเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่งนัก, ผมชอบที่จะเล่นฟุตบอลมากกว่า ผมเป็นผู้เล่นในแบบที่ชอบครองบอล และ พาไปมันไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว แต่สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับโค้ชว่าต้องการให้ผมเล่นแบบไหน ผมสามารถปรับการให้เข้ากับสไตล์แบบไหนก็ได้”
อย่างไรก็ตามหนึ่งในความฝันของ กอนคัลเวส ที่เล่นได้ทั้งตำแหน่งปีก และ กองกลาง หวังเอาไว้ คือการขึ้นไปติดทีมชาติชุดใหญ่ แม้เขาจะเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของลีกในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยคะแนนสูงถึง 48% แต่เส้นทางนี้ยังมีสตาร์ดังขวางทางอยู่เพียบ เขาคงต้องมุ่งมันเก็บประสบการณ์เพื่อสอดแทรกเข้าสู่ทีมของ เฟร์นานโด ซานโต๊ส ให้ได้
ซึ่งการพิสูจน์ตัวเองไปอีกขั้นคงหนีไม่พ้นการเลือกย้ายไปโชว์ฝีเท้ากับสโมสรที่ใหญ่ขึ้น โดยก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับความสนใจมาแล้วจากทั้ง ปอร์โต้, แรนส์, นาโปลี และ สวอนซี แต่ด้วยฟอร์มกระฉูดแบบนี้ คงมีหลายทีมยักษ์ใหญ่พร้อมร่วมวงล่าตัวไปร่วมทีมด้วยแน่ แล้วยิ่งมีค่าฉีกสัญญาเพียง 60 ล้านยูโร ก็ถือว่าไม่แพงเลยสำหรับการซื้ออนาคตที่สดใสแบบนี้
ขณะที่ จอร์จ ปิแรส เอเยนต์ส่วนตัวของเขารีบออกมาบอกว่าจะยังไม่มีการย้ายทีมเกิดขึ้นในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน พร้อมชื่นชมเด็กคนนี้ว่าสิ่งเดียวที่เขามุ่งมั่นในเวลานี้คือตอบแทนสโมสรให้ดีที่สุด โดยยังไม่เคยเห็นเขาพูดถึงเรื่องอื่นๆเลย นอกจากพูดถึงการคว้าแชมป์กับทางลิสบอนเท่านั้น เพราะเขายังมีความสุขดีกับที่นี้ และ ยังไม่คิดถึงเรื่องย้ายทีมแต่อย่างใด
หากเรามองดูถึงความคุ้มค่าที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จากตัวของ บูรโน่ แล้ว เชื่อเหลือเกินว่าอีกไม่นาน “นิว บูรโน่” ก็ไม่แคล้วโดนทีมยักษ์ใหญ่ยุโรปแย่งชิงตัวไปร่วมงานด้วยแน่ ทีนี่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเองแล้วว่า อยากจะวาดเส้นทางอาชีพการค้าแข้งของงตัวเองออกมาเป็นแบบไหน การก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง และ ชื่อเสียงที่แข้งรุ่นพี่ทำเอาไว้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
น่าจับตามองมากว่าเพชรเม็ดงามนี้จะส่องสว่างไปได้ไกลมากแค่ไหน...
#goncalves #sportinglisbon #ติดสอยห้อยเล่าเรื่อง
โฆษณา