5 ม.ค. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ครูพละพาทีมแชมป์ ? ]
สื่ออังกฤษเคยเปรียบเทียบบุคลิกของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ว่าเหมือนครูสอนพละ
อาจด้วยเพราะแววตาที่สดใสดูแล้วใจดีอบอุ่นมีเมตตา พร้อมมอบมิตรภาพดีๆทุกคน ซึ่งมันกลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาไปแล้ว
นับตั้งแต่เข้ามาคุมแมนฯยูไนเต็ดเมื่อปลายปี 2018 เราแทบไม่เคยเห็น โซลชา แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดหงุดหงิดเลย อีกทั้งยังไม่ค่อยลงมาสั่งการข้างสนามเหมือนผู้จัดการทีมอีกหลายคนด้วย
ที่ประจำยามคุมทัพคือม้านั่งข้างบน โดยที่แทบไม่ไหวติง ไม่โวยวายโหวกเหวก นั่งดูเกมนิ่งๆหรือบางทีก็เบี่ยงสายตามาที่หน้าจอมอนิเตอร์
เรื่องนี้แฟนบอลไม่น้อยเคยบ่น บ้างก็ตำหนิว่ามาดไม่เหมาะเลยที่จะเป็นกุนซือ พอนักข่าวไปถาม โซลชา ก็ตอบมาในทำนองว่า "สไตล์ใครสไตล์มัน" ในเมื่อแนวทางของตนเป็นอย่างนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปลอกเลียนแบบใคร
1
ก่อนจะมีเสียงสะท้อนตอบโต้มาว่า หากทีมผลงานดีมีประสิทธิภาพ จะนั่งแบบไหนก็เชิญตามสบาย แต่นี่ยังกระท่อนกระแท่น ไร้มาตรฐานหาความแน่นอนไม่ได้เลย
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงลองกระตุ้นสักหน่อยดีหรือเปล่า เผื่อฟอร์มมันจะดีขึ้นบ้าง
ว่ากันว่านัดที่ โซลชา กระตือรือร้นมากสุดคือเกมพรีเมียร์ลีกที่กูดิสัน พาร์คเมื่อ 7 พฤศจิกายนปีก่อน ซึ่งว่ากันว่าอาจเป็นแมตช์ชี้ชะตาชีวิตว่าจะได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ต่อหรือไม่
1
โซลชา ยืนตะโกนคอยบัญชาข้างสนามเกือบตลอด กระทั่งลูกทีมรวมพลังช่วยกันยิงกลับมาแซงชนะเอฟเวอร์ตันอย่างระทึก 3-1 จากนั้นมาสถานการณ์ก็ดีขึ้นตามลำดับ
หลายคนเลยลงความเห็นว่า ในเมื่อมาเย้วๆอยู่ข้างสนาม คอยปลุกเร้าเด็กๆแล้วได้ผลดี ก็น่าจะทำไปเรื่อยๆ
แต่ก็อย่างที่เราเห็นกันสุดท้าย โซลชา ก็คงเอกลักษณ์เดิมๆ เพียงแต่ช่วงหลังผลงานปีศาจแดงเปรี้ยงปร้าง ขึ้นไปอยู่อันดับสองแต้มทาบลิเวอร์พูลจ่าฝูงเรื่องนี้จึงไม่ค่อยกลายเป็นประเด็นเท่าไรนัก
บุคลิกเช่นนี้ของ โซลชา เคยถูกนำไปเทียบกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจ้านายบังเกิดเกล้า ที่เคยกอดคอฝ่าฟันความสำเร็จกันมานับไม่ถ้วน
สองคนนี้ร่วมงานกันมายาวนาน 11 ปีในฐานะบอสกับนักเตะ แล้วพอ โซลชา รีไทร์จากค้าแข้งในปี 2007 ยังมาทำงานเป็นโค้ชให้ทีมเยาวชนอีก 3 ปีด้วยกัน
แล้วคนที่แนะนำให้เลือกทางสายนี้ก็คือ เฟอร์กี้ นี่แหล่ะ ซึ่งเดินไปบอกเลยว่าเลิกเล่นเมื่อไร ไม่ต้องไปเป็นกูรูวิเคราะห์เกมตามสมัยนิยมเหมือนคนอื่น มาเป็นโค้ชดีกว่า ดูแล้วมีคุณสมบัติเข้าท่าเข้าทางเลยทีเดียว
ระดับบรมกุนซืออย่างเซอร์ อเล็กซ์ ย่อมมีสายตาแหลมคมอ่านคนออกอยู่แล้ว อยู่ในวงการนี้มานาน ทำงานกับผู้คนมาหลายสิบปี ยังไงก็มองไม่พลาดง่ายๆ
นอกจาก โซลชา ที่ดูว่าจะไปได้ดีในการเป็นโค้ชแล้ว ยังมี ไรอัน กิ๊กส์ , ปาทริช เอวร่า และ นิคกี้ บัตต์ ซึ่งถูกหมายตาไว้ด้วย
ทั้ง กิ๊กส์ กับ บัตต์ กำลังดำเนินตามที่เจ้านายว่าไว้ มีโอกาสประสบความสำเร็จ เหลือเพียงแค่ เอวร่า ที่ดูแล้วไม่ค่อยอยากโดดลงมาเท่าไรนัก แม้ครั้งหนึ่งจะเคยมาทำหน้าที่เป็นเหมือนโค้ชฝึกสอน ทดลองงานกับแมนฯยูไนเต็ดก็ตาม
สิ่งที่ทำให้ เฟอร์กี้ มองว่า โซลชา เหมาะกับการเป็นผู้จัดการทีมคือความสุขุม เยือกเย็น เพราะบางครั้งไม่จำเป็นต้องร้อนเสมอไป
1
นอกจากนี้ยังเข้ากับคนได้ง่าย เป็นเหมือนตัวกลาง ไม่ค่อยสร้างความขัดแย้งกับคนอื่นนัก เพื่อนฝูงก็รักใคร่ชอบพอดี
อีกข้อที่โดดเด่นคือมีความอดทนสูงมากๆ แทบไม่ปริปากบ่นเลยยามต้องนั่งเป็นสำรอง เพราะสถานะของเขาในช่วงปีศาจแดงพีกๆคือกองหน้าตัวเลือกอันดับ 4 เป็นรองทั้ง ดไวท์ ยอร์ค , แอนดี้ โคล และ เท็ดดี้ เชอริงแฮม
1
แต่มีอยู่ครั้งที่ โซลชา เคยเดินไปเคาะประตูห้องเจ้านาย แล้วเรียกร้องขอลงอย่างต่อเนื่อง เพราะตัวเขาโชว์ฟอร์มร้อนแรงยิงประตูสม่ำเสมอ สมควรได้รับสิทธิ์ตัวจริง
1
ตรงนี้เองที่ เฟอร์กี้ อาจจะเชื่อว่าการมีปากมีเสียงในสถานการณ์ที่จำเป็น คือสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ฉะนั้นเลยชี้ทางสว่างให้เป็นกุนซือ
ในขณะที่ เฟอร์กี้ ดูดุดันเด็ดขาด มาดเหมือนก็อดฟาเธอร์ผู้ทรงอำนาจและอิทธิพล แต่ทาง โซลชา แทบไม่เห็นคุณสมบัติดังกล่าวเลย
พูดง่ายๆแทบจะตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่กลับได้รับการสนับสนุนจาก เฟอร์กี้ เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจเช่นกัน
หากย้อนไปตอนที่ โซลชา ย้ายมาใหม่ๆในซัมเมอร์ปี 1996 เฟอร์กี้ เห็นลูกทีมคนนี้แววบแรก ยอมรับว่าไม่ได้มีตรงไหนที่บ่งบอกเลยว่าจะเป็นกองหน้าที่เก่งกาจได้
"เขาเหมือนกับเด็กร้องเพลงประสานเสียงในโบสถ์"
2
แววตาที่สดใส หน้าที่ดูอ่อนเยาว์ ล้วนแต่กลบภาพของดาวยิงหมดสิ้น แต่ทุกอย่างพิสูจน์ให้เห็นด้วยผลงานในสนาม
หลายต่อหลายครั้ง เรามักจะได้ยินว่า สิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็น
หลัง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาแมนฯยูไนเต็ดขึ้นรองจ่าฝูง คะแนนทาบลิเวอร์พูล สร้างความตื่นเต้นให้เร้ด อาร์มี่กันถ้วนหน้า
4
บรรยากาศอย่างนี้ไม่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว ส่วนใหญ่แค่ลุ้นอันดับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกยังแทบลิ้นห้อย
ผลงานชนะ 8 เสมอ 2 จาก 10 นัดหลังสุดในลีก ช่วยให้ปีศาจแดงค่อยๆคืบคลานไปสูดอากาศข้างบน โดยแทบจะปราศจากความกดดัน เพราะพลังแห่งความคาดหวังไม่ได้มากอะไรนัก
พูดง่ายๆไปถามแฟนผีแทบจะร้อยทั้งร้อย ไม่มีใครคิดว่าทีมรักจะผงาดแชมป์พรีเมียร์ลีกได้หรอก
เพราะเมื่อเทียบกับผู้จัดการทีมเขี้ยวๆแห่งยุค ไม่ว่าจะเป็น เจอร์เก้น คล็อปป์ , เป๊ป กวาร์ดิโอล่า , โชเซ่ มูรินโญ่ หรือแม้กระทั่ง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องยอมรับว่า โซลชา ยังเป็นรองอยู่หลายสเต็ป
สื่ออังกฤษพยายามนำภาพเกี่ยวกับบุคลิกมาฉายให้เห็นว่า กุนซือนอร์วีเจี้ยนยังห่างไกลมากแค่ไหน
นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า "คุณครูพละ" ไม่ได้มีมาดของผู้จัดการทีมฟุตบอลเลย
อย่างไรก็ตามเรื่องภาพลักษณ์ภายนอก ไม่อาจบอกอะไรได้มากนักหรอก อีกทั้งหลายเคสเราเห็นว่า กุนซือบางคนไม่ได้มีมาดหรือออร่าจับ แต่กลับนำทีมประสบความสำเร็จได้
1
คล็อปป์ , เป๊ป หรือ มูรินโญ่ ต่างก็ถูกยอมรับในเรื่องความสามารถอยู่แล้ว ผ่านกระบวนการพิสูจน์เรียบร้อย นั่นแหล่ะน่าจะสำคัญกว่า เพราะ โซลชา ยังไปไม่ถึงจุดดังกล่าว
แต่เมื่อคุณลองดู เคลาดิโอ รานิเอรี่ ผู้ซึ่งสร้างปรากฏการณ์พลิกล็อกช็อกโลกพาเลสเตอร์ผงาดแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015/16 ใครจะบ้าไปเชื่อว่า เจ้าของฉายา "ทิงเกอร์แมน" จะทำสำเร็จบ้าง
แล้วนั่นคือช่วงเวลาปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต่างจากปัจจุบันที่มีตัวแปรเรื่องโปรแกรมคลาดเคลื่อน สุขภาพของนักเตะที่อาจติดไวรัส ไหนจะความฟิตซึ่งอาจไม่ถึงขั้นเต็มร้อย
เราได้เห็นทีมแกร่งๆอย่างลิเวอร์พูล โดนแอสตัน วิลล่าถล่มเละ 7-2 มาแล้ว หรือสกอร์หลายคู่ที่หักปากกาเซียน ล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น
ดังนั้นหาก โซลชา จะนำแมนฯยูไนเต็ดผงาดพรีเมียร์ลีกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013 คงไม่ใช่เรื่องพิสดารอะไรนัก
คุณครูพละจะเป็นแชมเปี้ยนบ้างไม่ได้เลยหรือ?
2
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา