5 ม.ค. 2021 เวลา 12:02 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
สุดยอดหนังดี จาก Top 250 บนเวบไซด์ IMDb Part 6 : ลำดับที่ 26-30
สรุปอันดับหนัง Top 250 IMDb ที่รีวิวไปแล้วในตอนก่อน
1
21. Life Is Beautiful (1997)
22. City of God (2002)
23. The Silence of the Lambs (1991)
24. It's a Wonderful Life (1946)
25. Star Wars: Episode IV - A New Hope (1977)
หมายเหตุ : คะแนนดาวเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ซึ่งมีเกณฑ์การให้คะแนน 3 ระดับ คือ
3 ดาว = หนังดี ควรหามาดู
4 ดาว = หนังดีมาก แนะนำให้ดู
5 ดาว = หนังดีมากๆ ไม่ควรพลาดเด็ดขาด
26. Saving Private Ryan (1998)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,225,210 คน
เรื่องราวของ Saving Private Ryan อ้างอิงจากเหตุการณ์ยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ ที่นอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ ได้รับภารกิจให้ตามหาพลทหารเจมส์ ไรอัน เพื่อพาเขากลับมาหาครอบครัวให้ได้อย่างปลอดภัย โดยก่อนหน้านี้สามพี่น้องตระกูลไรอันได้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เหลือเพียง เจมส์ ไรอัน ที่ยังมีชึวิตอยู่ท่ามกลางแนวรบของข้าศึก
ทางกองทัพต้องการตอบแทนบุญคุณแม่ของไรอันด้วยการนำลูกชายคนสุดท้องกลับคืนมา เพื่อชดเชยกับการที่เธอต้องสูญเสียลูกชายไปในสงครามถึงสามคน
ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ นำลูกทีมทั้ง 7 คน มาปฎิบัติภารกิจเสี่ยงตายครั้งนี้ ท่ามกลางความสงสัยของคนในทีมว่า ทำไมต้องเสี่ยงชีวิตคนส่วนใหญ่เพื่อช่วยคนเพียงคนเดียว
1
บทวิจารณ์ : ★★★★★
นี่คือหนังสงครามที่ผมชอบที่สุด การดูหนังเรื่องนี้เหมือนได้พาตัวเองไปอยู่ในสนามรบ เพราะทุกฉาก ทุกเหตุการณ์มีความสมจริงเป็นอย่างมาก และด้วยความที่มันสมจริงก็ทำให้เราได้เห็นถึงความโหดร้ายของสงคราม แม้ว่าในความโหดร้ายนั้นจะมีผู้คนที่พยายามเอาชีวิตรอด มีคนที่เสียสละเพื่อช่วยผู้อื่น
1
แต่สงครามก็ยังเต็มไปด้วยความโหดร้าย เพราะมันได้พรากชีวิตผู้คนไปจากคนที่เขารัก และนั่นคงเป็นสิ่งที่สปีลเบิร์ก(ผู้กำกับ)ต้องการจะสื่อสารกับคนดูผ่านหนังเรื่องนี้
27. Spirited Away (2001)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 643,178 คน
ขณะที่ " ชิฮิโร่ โอกิโนะ "และพ่อแม่ของเธอกำลังเดินทางย้ายบ้าน พ่อของชิฮิโร่ได้ขับรถหลงเข้าไปในอุโมงค์แห่งหนึ่ง พวกเขาเดินเข้าไปสำรวจที่นั่นและได้พบกับร้านอาหารที่เต็มไปด้วยของน่ากิน น่าแปลกที่ร้านนี้ไม่มีใครอยู่เลย
ไม่มีแม้กระทั่งเจ้าของร้าน
พ่อแม่ของชิฮิโร่จึงถือวิสาสะกินอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าโดยไม่ขออนุญาต ระหว่างนั้นชิฮิโร่ก็เดินสำรวจบริเวณนั้นจนไปพบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาตกใจมากเมื่อเห็นชิฮิโร่ เด็กชายคนนั้นบอกให้เธอและครอบครัวรีบกลับออกจากสถานที่นี้ให้เร็วที่สุด
ชิฮิโร่จึงกลับไปหาพ่อแม่ของเธอก่อนจะพบว่าทั้งสองคนได้ถูกสาปให้กลายเป็นหมูไปแล้ว ชิฮิโร่จึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในมิติลี้ลับนี้ต่อไปเพื่อหาหนทางที่จะทำให้พ่อแม่ได้กลับมาเป็นคนและเธอจะได้พาพวกเขากลับไปใช้ชีวิตบนโลกใบเดิมอีกครั้ง
บทวิจารณ์ : ★★★★★
เจมส์ คาเมรอน สุดยอดผู้กำกับฮอลลีวู้ดได้กล่าวชมหนังเรื่องนี้ว่า " Beauty,Power,Mystery and above all,Heart" - งดงาม ทรงพลัง ลึกลับและเหนือสิ่งอื่นใดคือจิตใจ ผมชอบคำชมของเจมส์ คาเมรอนมาก เพราะมันนิยามความเป็น Spirited Away ได้อย่างครบถ้วน
นับเป็นงานอนิเมชั่นที่มีสไตล์และเอกลักษณ์ตามแบบฉบับของสตูดิโอจิบลิ ที่สวยงามทั้งภาพ เนื้อเรื่อง และดนตรีประกอบ ประเด็นในหนังก็ลุ่มลึกผ่านการตีความมาอย่างตกผลึก เป็นอนิเมชั่นที่จะดูให้สนุกก็ดี ดูให้มีสาระก็ได้
28. The Green Mile (1999)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,136,312 คน
พอล เอดจ์คอมบ์ อดีตหัวหน้าผู้คุมนักโทษประหารที่ Cold Mountain Penitentiary ได้เล่าเรื่องราวของเขาให้อีเลน คอนเนลลี่ เพื่อนหญิงที่พักอยู่ในบ้านพักคนชราฟังว่า เขาเคยดูแลนักโทษประหารคนหนึ่ง ชื่อ " จอห์น ค็อฟฟี่ "
เขาเป็นชายร่างยักษ์ ผิวสี ที่ถูกจับมาด้วยคดีฆาตกรรมเด็กหญิง บนเส้นทางการทำงานที่ผ่านมา เอดจ์คอมบ์ไม่เคยรู้สึกผูกพันกับนักโทษคนไหนเท่ากับค็อฟฟี่
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูน่ากลัว แต่นิสัยของจอห์น ค็อฟฟี่กลับตรงกันข้าม เขาทั้งสุภาพ สงบและละอ่อนโยนเกินกว่าจะทำร้ายใครได้ ยิ่งไปกว่านั้นค็อฟฟี่ยังมีพลังพิเศษที่สามารถช่วยเหลือและรักษาความเจ็บป่วยได้ เหตุใดชายผู้อ่อนโยนคนนี้จึงกลายเป็นฆาตกร ? หรือแท้จริงแล้วเขาคือผู้บริสุทธิ์ ค้นหาคำตอบได้จาก "The Green Mile"ปาฏิหาริย์แดนประหาร
บทวิจารณ์ : ★★★★★
The Green Mile เป็นหนังที่แปลกมากสำหรับผม คือ มันเป็นหนังดราม่าที่หดหู่แต่ไม่เศร้า เป็นหนังแฟนตาซีที่เพ้อฝันแต่สมจริง (งงไหมครับ)
ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ จะต้องตกหลุมรัก" จอห์น ค็อฟฟี่ "อย่างแน่นอน เพราะไมเคิล คาร์ค ดันแคน (Michael Clarke Duncan)แสดงได้ดีมากๆ ส่วนทอม แฮงค์ นั้นการันตีฝีมืออยู่แล้ว
ถ้าคุณชอบ The Shawshank Redemption หนังเรื่องนี้ก็ให้อารมณ์ที่คล้ายกัน เพราะหนังพูดถึงมิตรภาพที่เกิดขึ้นในคุก จุดเด่นของ The Green Mile ที่ต่างจากชอว์แชงค์ก็คือการเล่าเรื่องที่น่ารัก เข้าใจง่าย ไม่ดราม่าหนักอึ้งเหมือนชอว์แชงค์ เป็นหนังที่ซาบซึ้ง อิ่มเอมและน่าประทับใจมาก ใครยังไม่เคยดู ขอแนะนำเลยครับ (มีให้ดูใน Netflix)
29. Interstellar (2014)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 1,492,055 คน
เมื่อโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางอากาศและมีแนวโน้มที่จะล่มสลายในไม่ช้า ทำให้คูเปอร์ อดีตนักบินอวกาศของนาซ่าที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกรต้องกลับมาปฏิบัติภารกิจค้นหาดาวเคราะห์ดวงใหม่เพื่อเตรียมการอพยพมนุษย์โลกไปยังดาวดวงใหม่
แต่ปัญหาสำคัญคือเรายังไม่มีความรู้และเทคโนโลยีเพียงพอที่จะเดินทางข้ามกาแล็คซี่ โอกาสดูเหมือนจะริบหรี่ แต่แล้วศาสตราจารย์ จอห์น แบรนด์ ผู้ดูแลสถานีวิจัยลับของนาซ่าก็มองเห็นโอกาส เมื่อเขาพบดาวเคราะห์สามดวงที่อาจจะอพยพผู้คนไปใช้ชีวิตที่นั่นได้
1
ซึ่งดาวทั้งสามดวงนี้โคจรอยู่ในอีกแกแล็คซี่นึง ต้องเดินทางผ่านทางรูหนอนที่เกิดขึ้นใกล้กับดาวเสาร์ โดยข้อสันนิษฐานของศาสตราจารย์จอห์น แบรนด์ คือ รูหนอนนี้อาจเกิดจากการสร้างของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาเพื่อต้องการช่วยชาวโลก
ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ทำให้คูเปอร์ต้องจากลูกของเขาไปนานหลายปี หรือ อาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย เป็นการเดินทางที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง ? ไม่รู้ว่าจะเจออะไรระหว่างทาง ? แต่เขาก็ต้องทำเพราะนั่นเป็นทางรอดทางเดียวของมนุษยชาติ
1
บทวิจารณ์ : ★★★★★
ความดีงามของ interstellarคือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเรื่องราวและความเป็นวิทยาศาตร์ หนังได้นักฟิสิกส์ชั้นนำของโลกอย่าง คิป ทอร์น มาเป็นที่ปรึกษา ทำให้ทุกรายละเอียดในหนังเป็นไปตามทฤษฎีฟิสิกส์สมัยใหม่
แม้จะแฝงด้วยประเด็นทางวิทยาศาสตร์แต่สิ่งที่โดดเด่นของ interstellar กลับเป็นเรื่องของการถ่ายทอดอารมณ์ ความรักความผูกพันของพ่อลูก
หนังมีมิติที่ลุ่มลึกทั้งในเรื่องของชีวิต ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ไปจนถึงเรื่องของอวกาศ กาลเวลา หลุมดำและมิติที่ 5 ทั้งหมดนี้ถูกร้อยเรียงเข้ากันได้อย่างลงตัว สมบูรณ์แบบ นี่คือหนังไซไฟที่ควรดูให้ได้สักครั้งในชีวิต
30. Parasite (2019)
Rating 8.5 คะแนน จำนวนคนโหวต 524,782 คน
1
Parasite เป็นเรื่องราวอลหม่านของครอบครัวที่มีฐานะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยแบ่งเป็นครอบครัวฝั่งจนที่มี พ่อ แม่ ลูกชาย และ ลูกสาว อยู่ในห้องรูหนูอับแสงชั้นใต้ดินในกรุงโซล
พวกเขาไม่มีอาชีพการงานแน่นอน ต้องพับกล่องกระดาษขายไปวันๆ ครอบครัวฝั่งรวยก็มีโครงสร้างสมาชิกไม่ต่างกัน แต่ความเป็นอยู่ดีกว่าลิบลับ พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านใหญ่โตที่มีคนรับใช้ มีรถหรู กินอยู่สบาย
แล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เมื่อลูกชายของบ้านฝั่งจนได้มีโอกาสเข้ามาเป็นติวเตอร์ให้กับลูกสาวของบ้านฝั่งรวย เขาค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในครอบครัวคนรวย โดยการให้น้องสาวเข้ามาเป็นครูสอนศิลปะปลอมๆให้กับลูกคนเล็กของบ้านฝั่งรวย
นอกจากนี้ยังสร้างอุบายหลอกจนพ่อของเขาได้มาเป็นคนขับรถ แม่ได้มาเป็นแม่บ้าน พูดง่ายๆก็คือ สมาชิกจากบ้านคนจนทั้งหมดได้เข้ามาทำงานในบ้านคนรวย ประหนึ่งเป็น “ปรสิต” ที่คอยเกาะกินผลประโยชน์จากครอบครัวฝั่งรวยนั่นเอง
บทวิจารณ์ : ★★★★★
เป็นหนังเกาหลีที่มีสไตล์การเล่าเรื่องน่าสนใจมาก หนังเสียดสี ประชดประชันเรื่องความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมได้อย่างเจ็บแสบ ผู้กำกับใส่สัญลักษณ์ต่างๆเข้าไปในหนังและเลือกใช้สิ่งนั้นได้อย่างคุ้มค่า
สิ่งที่ผมชอบมากใน Parasite คือ เนื้อเรื่องที่พลิกผันและคาดไม่ถึง ผมไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยทำให้รู้สึกตื่นเต้นและกระตุ้นความสนใจให้อยู่กับหนังตลอดเวลา คงไม่ต้องชมอะไรมาก เพราะ Parasite เป็นหนังที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากอยู่แล้วในฐานะหนังเกาหลีใต้ที่ได้รางวัลออสการ์เรื่องแรก เอาเป็นว่าถ้ายังไม่ได้ดูก็หามาดูเถอะครับ
1

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา