6 ม.ค. 2021 เวลา 09:14 • อาหาร
สยบตีนกาแบบไม่ต้องพึ่งพา App แค่กินมะม่วง!!
ช่วงนี้ฟังแต่ข่าวจำนวนผู้ติดเชื้อจนหน้าเครียด จนเกิดริ้วรอยแต่เดี๋ยวนี้ใครจะยอมแก่ง่ายๆ ไม่อยากนั้นธุรกิจเครื่องสำอาง หรือครีมบำรุงต่างๆ คงไม่มีขนาดใหญ่โตเป็นหมื่นล้านเป็นแน่ แต่จริงๆแล้วอาจจะมีวิธีง่ายๆ โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่สามารถช่วยจัดการให้ร่องรอยบนใบหน้าของเราลบเลือนลงได้ วันนี้ "Innowayถีบ" ชวนไปชมผลงานวิจัยที่น่าสนใจจากอเมริกากัน
โดยผลการศึกษาโดยนักวิจัยด้านโภชนาการ ของ University of California - Davis (UC-Davis) พบว่าริ้วรอยต่างๆบนใบหน้าลดลงถึง 23% เพียงแค่คุณทานมะม่วงสัปดาห์ละ 4 ครั้ง
แต่การศึกษาครั้งนี้ก็พบกับข้อสรุปที่น่าประหลาดใจว่า ประสิทธิภาพจากการทานมะม่วงนั้นจะลดลงได้ถ้าเราทานมากเกินไป!! ซึ่งจากตัวอย่างกลุ่มการทดลองที่นักวิจัยได้เก็บข้อมูลในช่วง 4 เดือนของการทดสอบพบว่าการรับประทานมะม่วงประมาณ 85 กรัม สัปดาห์ละสี่ครั้งนั้นช่วยฟื้นฟูผิวพรรณโดยเฉพาะริ้วรอยแบบที่ลึก (Deep Wrinkle)
แล้วทำไมทานมะม่วงมากไปถึงไม่ช่วย?
แม้จะยังไม่มีผลการทดลองยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า การที่หนูได้รับ carotenoids, flavonoids, and mangiferin ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีอยู่ในผักผลไม้สีเหลืองส้มในปริมาณที่เหมาะสม จะไปกระตุ้นการมัดรวมตัวกันของคอลลาเจนและลดการเเข็งตัวของผิวหนังชั้นนอกสุด (หนังด้านประมาณนั้น)
ในทางตรงกันข้ามเมื่อรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปนอกจาก สารอาหารที่มีประโยชน์ก็จะได้รับน้ำตาลในปริมาณที่สูงขึ้นอีกด้วย ซึ่งนักวิจัยได้ตั้งสมมุติฐานไว้ว่าน้ำตาลได้เข้าไปรบกวนกระบวนการที่คอลลาเจนจะไปซ่อมแซมริ้วรอย ด้วยการเข้าไปแทรกตัวอยู่กับคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจนเกิดการรวมตัวเป็นโครงสร้างที่ไม่สมบูรณ์นัก
แล้วต้องทานมะม่วงอะไร?
ในการทดลองครั้งนี้นักวิจัยทำในอเมริกาจึงเลือกใช้มะม่วงจากเม็กซิโก เป็นพันธ์ Ataulfo ซึ่งเราคงไม่ต้องถึงกับต้องไปหาแต่มะม่วงชนิดนี้หรอกนะครับ มะม่วงของไทยหลายๆตัวก็มีปริมาณของสารในกลุ่ม carotenoids เช่นมะม่วงพันธ์ทองดำ ซึ่งมีปริมาณ carotenoids ใกล้เคียงกับ มะม่วง ataulfo
มะม่องพันธ์ทองดำ ที่มี carotenoids สูง
เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับการทดลอง
โดยการทดสอบครั้งนี้ได้ทำในกลุ่มผู้หญิงที่อายุระหว่าง 50-70 ปี โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นกลุ่มที่ไม่ใช้เครื่องสำอาง และมีลักษณะผิวอยู่ในกลุ่ม Fitzpatrick skin type I, II, หรือ III (ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดปฏิกิริยาต่อแสงแดดได้ง่าย) นอกจากนี้ยังควบคุม BMI ให้อยู่ในช่วง 18.5-35 kg/m2
โดยกลุ่มตัวอย่างจะถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับมะม่วง 85g อีกกลุ่ม 250g ต่อครั้ง โดยผู้เข้าร่วมการทดลองจะถูกถ่ายภาพแบบความคมชัดสูงในห้องมืด และติดตามสองช่วงคือ 8 และ 16 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคำนวณริ้วรอย โดยจะนับเฉพาะริ้วรอยที่มีความยาวตั้งแต่ 2.6 mm ขึ้นไปว่าเป็นริ้วรอย ระดับของริ้วรอยจำแนกโดยใช้ contrast ของรอยกับผิวโดยรอบ ซึ่งริ้วรอยที่มี contrast มากจะจัดเป็นริ้วรอยลึก (deep wrinkle) และการคำนวณความเปลี่ยนแปลงจะพิจารณาทั้งความยาว ความกว้าง ความลึกของริ้วรอยที่เปลี่ยนแปลง
เรียกว่าเป็นทางเลือกที่เราจะสามารถมีผิวพรรณที่ไร้ร่องรอยได้ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ รวมทั้งประหยัดค่าเครื่องสำอางได้ดีที่เดียว
แต่มีข้อควรระวังคือการทดลองนี้ทดสอบแค่กับมะม่วงนะครับ ยังไม่มีผลการศึกษายืนยันว่าถ้าทานข้าวเหียวมะม่วงจะให้ผลเหมือนกันหรือไม่
Prospective Evaluation of Mango Fruit Intake on Facial Wrinkles and Erythema in Postmenopausal Women: A Randomized Clinical Pilot Study, Nutrients 2020, 12, 3381; doi:10.3390/nu12113381
Fruit quality and antioxidant capacity of six Thai mango cultivars, Agriculture and Natural Resources, Volume 52, Issue 2, April 2018, Pages 208-214
Study Finds Eating Mangoes Reduces Women’s Facial Wrinkles, https://scitechdaily.com/,
โฆษณา