12 ม.ค. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #เลือกเองก็ต้องรับเอง ]
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เรอัล มาดริดต้องงัดนโยบายรัดเข็มขัด รอบคอบรัดกุมเรื่องการใช้เงินในเวลานี้ คือลงทุนกับค่าจ้างผู้เล่นสูงเกินจริง
แม้ผลประกอบการจะไม่ได้ขาดทุนกระเป๋าฉีกยับเยินแบบบาร์เซโลน่าคู่แข่งตัวเอ้ แต่ก็สะบักสะบอมไม่น้อยเลย กำไรที่ควรได้หายพริบตา หลังการมาแบบไม่ให้ตั้งตัวของโควิด-19
ตรงนี้เองที่ทำให้มาดริดไม่อาจให้สัญญาใหม่ เซร์คิโอ รามอส มากกว่า 1 ปี รวมถึงไม่อาจเพิ่มค่าเหนื่อยจากเดิมตามที่ร้องขอด้วย เต็มที่คือในเรตเก่า ขยับไม่ได้อีกแล้ว เพราะการเงินถึงคราวตึงแน่น หากยังมือเติบอาจล้มครืนเอาง่ายๆ
สโมสรใหญ่ทั้งหลายรู้สถานการณ์ไม่ปกตินี้ดี จำเป็นต้องเอาตัวรอดเพื่อฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้
ขณะเดียวกันแม้จะลดค่าใช้จ่ายลงได้บ้าง หลังปล่อย แกเร็ธ เบล ให้สเปอร์สยืมใช้งานชั่วคราว แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
น่าวิตกคือจบฤดูกาลมีแนวโน้มที่จะถูกส่งกลับคืน ผลงานของดาวเตะเวลช์ก็อย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ ไม่ตอบโจทย์ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมเลย อีกทั้งสร้างความผิดหวังให้เหล่ายิด อาร์มี่มาก เพราะตั้งเป้าไว้สูง
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง หมายความว่าอีก 1 ปีเต็มๆ มาดริดจะต้องแบกรับค่าจ้างมากกว่า 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ประเคนให้กับผู้เล่นที่ไม่ต้องการใช้งาน นี่จึงเป็นความอัปยศอย่างแท้จริง
1
อย่างไรก็ดีไม่ใช่เคส เบล เท่านั้น ทำให้มาดริดต้องทรุดหนัก ยังมีอีกหนึ่งแข้งที่เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆจากกองเชียร์ว่าจะรอดหรือเปล่า
เอแด็น อาซาร์ คือแข้งดังกล่าว ที่เริ่มฉายภาพความเป็นผู้ร้ายในสายตามาดริดิสต้ามากขึ้นตามลำดับ นับตั้งแต่ย้ายมาในช่วงซัมเมอร์ 2019
ไม่ผิดนักหากจะพูดว่า อาซาร์ คือตัวแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์ฮีโร่คนเดิม ที่เผ่นไปยูเวนตุสแบบปุบปับตั้งแต่ปี 2018
ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรมั่นใจในตัวปีกเบลเจี้ยนมากๆ ไม่ใช่แค่ฟอร์มจะเปรี้ยงปร้างเท่านั้น แต่ยังจะปั้นให้ขึ้นสู่ตำแหน่งดาวดวงใหม่ด้วย
อาซาร์ อาจมีลีลาคล้ายกับ โรนัลโด้ แต่ปัจจัยสำคัญอื่นๆผิดกันลิบลับ โดยเฉพาะเรื่องของวินัยและความเคร่งครัดในการดูแลตัวเอง
หลายครั้งที่เราได้เห็นเขาอยู่ในสภาพอ้วนฉุ ปล่อยน้ำหนักพุ่งพรวดเกินมาตรฐานนักเตะอาชีพ เหตุมาจากการกินแบบตามใจปาก
ไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้นที่เลือกผิดหลักโภชนาการ แต่ยังนิยมดื่มอีกต่างหาก ต่อให้พรสวรรค์เหนือชั้นแค่ไหน ก็ยากที่จะไปได้สุดตามที่ตั้งเป้าเอาไว้
4
สมัยอยู่เชลซียังหนุ่มแน่น ร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยบาดเจ็บให้มาต้องซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอผุพังกันเท่าไรนัก
แต่เมื่อโยกมามาดริดแล้ว ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว บาดเจ็บแต่ละครั้งต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานกว่าที่เคย แถมพอกลับมาก็ฟอร์มดร็อปอีก
หลักใหญ่ใจความคือมาดริดยอมจ่ายค่าตัวเบื้องต้น 100 ล้านยูโรให้สิงห์น้ำเงิน บวกแอดออนส์ที่จะไหลเข้าบัญชีตามเงื่อนไขเจรจาไว้แต่แรก ซึ่งตัวเลขรวมอยู่ที่ 146 ล้านด้วยกัน นับว่าแพงเป็นสถิติของสโมสร
แล้วอย่าลืมว่าตอนย้ายมานั้น อาซาร์ เหลือสัญญากับเชลซีเพียงแค่ปีเดียว ความจริงควรซื้อได้ถูกกว่านี้ แต่มาดริดร้อนใจกลัวโดนทีมอื่นมาปาดหน้า เลยรีบควักจ่ายจบๆไป
ไม่ใช่แค่นั้นค่าเหนื่อยของเขายังสูงสุดอีกต่างหาก ตกแล้วสัปดาห์ละ 400,000 ปอนด์ด้วยกัน เหนือกว่าทั้งของ เบล และ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมเห็นได้ชัด
ล่าสุดสื่อสายมาดริดและแฟนบอลตั้งคำถามแล้ว ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับ อาซาร์ กันแน่?
นับถึงตรงนี้ อาซาร์ สวมยูนิฟอร์มสีขาวของมาดริดครบ 18 เดือนแล้ว ลองไปเทียบตัวเลขต่างกับ เบล ในช่วงเวลาเดียวกันดู เผื่อจะฉายภาพต่างๆได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อาซาร์ ลงเล่นไปแล้ว 31 นัดทุกรายการ ทำไปได้เพียง 3 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ จากจำนวน 1,964 นาที โดยที่คว้าแชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพกับลาลีกามาครอง ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมเท่าไรเลย
1
ส่วน 18 เดือนของ เบล ลงสนามแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย พัฒนาฝีเท้าและพิสูจน์จนเป็นตัวหลัก โม่แข้งทั้งสิ้น 69 เกม ซัดไปถึง 34 ประตู 24 แอสซิสต์ใน 5,453 นาที
เขาครองแชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพ ยิงประตูสำคัญให้มาดริดผงาดยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกทั้งได้ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์คัพอีกด้วย
ความจริงแล้วในช่วงปีครึ่ง อาซาร์ ควรจะรับใช้มาดริด 75 เกม ไม่ใช่เพิ่งลงเพียงแค่ 31 แถมถูกเปลี่ยนตัวออกหรือเป็นสำรองหลายนัดมาก
แทนที่จะเข้ามาเป็นกระดูกสันหลังแนวรุกร่วมกับ คาริม เบนเซม่า กลายเป็นว่า ซีเนดีน ซีดาน กุนซือต้องวางแผนปรับเปลี่ยนใช้คนอื่นอยู่เรื่อย
มาร์โก อเซนซิโอ , วินิซิอุส จูเนียร์ หรือ ลูคัส บาสเกซ ที่ควรเป็นเพียงอะไหล่ กลับได้รับโอกาสมากกว่าอีก
หากวัดกันด้วยผลงานและช่วงเวลาข้างต้น ต้องบอกว่า อาซาร์ น่าผิดหวังกว่า เบล อย่างเห็นได้ชัด
อาหารโปรดของ เอแด็น อาซาร์ คือเบอร์เกอร์ชิ้นโตเนื้อฉ่ำๆ ซึ่งมักจะกินอยู่เป็นประจำ ทั้งที่มันคือสิ่งต้องห้ามของแข้งอาชีพ
ครั้งหนึ่งช่วงที่เป็นดาวรุ่งติดทีมชาติเบลเยียมใหม่ๆ เขาเคยแอบเอาเบอร์เกอร์ไปซ่อนไว้ในล็อกเกอร์บริเวณห้องพักนักเตะ พอถูกเปลี่ยนตัวออกก็รีบดิ่งมาทันที หยิบมาซัดด้วยความเอร็ดอร่อย โชคร้ายถูกจับได้และโดนปรับในที่สุด
1
เราจะเห็นว่าหากเป็นช่วงเบรกพักฤดูกาลซึ่งกินเวลาหลายสัปดาห์ พอกลับมารายงานตัวอีกที น้ำหนักของ อาซาร์ จะพุ่งเกินลิมิตเสมอ
มันสะท้อนเลยว่าขาดการดูแลตัวเอง ดื่มกินเต็มที่ ไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น แม้จะรู้ดีว่าตอนกลับมารีดน้ำหนักทรมานแค่ไหน
แทนที่จะพักผ่อนแบบพอหอมปากหอมคอ อีกทั้งเอาใจใส่รูปร่างน้ำหนักตัวเหมือนแข้งดังอื่นๆ แต่มันแทบไม่เคยเกิดขึ้นในพจนานุกรมของเขาเลย
อย่างตอนโควิดระบาดรอบแรกช่วงต้นปี 2020 จนลีกต้องเบรกลงชั่วคราว อาซาร์ อยู่ในช่วงฟื้นฟูบูรณะอาการบาดเจ็บพอดี
เขาให้สัมภาษณ์ว่าการเก็บตัวอยู่ในที่พักตลอดเวลา ยากต่อการหักห้ามใจให้เดินไปเปิดตูเย็นแล้วหยิบขนมปังมากิน ซึ่งมีตุนไว้มากมายในช่วงดังกล่าว
มาร์ซิน บุลก้า ผู้รักษาประตูชาวโปแลนด์ ซึ่งเคยเล่นในระดับเยาวชนให้เชลซีและเคยเห็นพฤติกรรมต่างของ อาซาร์ เล่าให้ฟังเป็นฉากๆเลยว่า
1
"เขาชอบจั๊งก์ฟู้ดอย่างแฮมเบอร์เกอร์หรือว่าพิซซ่ามากๆ นั่นคือความสุขของเขาเลยล่ะ เขาไม่แคร์อะไรนอกจากอาหารและฟุตบอล"
เรื่องนี้หากไปถาม อาซาร์ ไม่เคยเถียงเลย รวมทั้งยักไหล่ไม่ใส่ใจอีกต่างหาก เมื่อกลับมารายงานตัวแล้วน้ำหนักทะยานอย่างไม่สมควร
"ใช่มันเป็นเรื่องจริง แต่สำหรับผมแล้ว วันหยุดก็คือวันหยุด"
เราพอจะพูดได้เกี่ยวกับวิถีความเป็นมืออาชีพของ อาซาร์ ไม่มากพอสำหรับการไปสู่จุดพีกเหมือนอย่างนักเตะบางคน
1
แต่หากเคยให้สัมภาษณ์ไว้ในทำนองนี้ ย่อมหมายความว่าเขาต้องเลือกทางเดินไว้แล้ว นี่คงเป็นสิ่งที่ต้องการ
อาซาร์ เองรู้ดีว่าถ้าเคร่งครัดแบบ โรนัลโด้ ซ้อมอย่างหนัก ดูแลร่างกายตัวเองอย่างดีทุกวินาที โอกาสจะเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้นๆของโลกย่อมมีสูง
บางทีนั่นอาจไม่ใช่เป้าหมายหรือสิ่งที่เขาต้องการมากสุดก็ได้
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา