17 ม.ค. 2021 เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
“ชิโร อิชิอิ (Shiro Ishii)” นายแพทย์ปีศาจแห่งกองทัพอาทิตย์อุทัย
“ชิโร อิชิอิ (Shiro Ishii)” คือนายแพทย์แห่งกองทัพญี่ปุ่น ผู้ทำการทดลองผิดมนุษย์กับเหยื่อของกองทัพในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
2
ความโหดร้ายที่เขาทำต่อเพื่อนมนุษย์ ยังคงเป็นที่พูดถึงและน่าขนลุกจนถึงทุกวันนี้
อิชิอิเกิดที่ญี่ปุ่นในปีค.ศ.1892 (พ.ศ.2435) โดยเป็นลูกคนที่สี่ของเจ้าของที่ดินรายใหญ่ และครอบครัวของเขายังเป็นผู้ผลิตสาเกอีกด้วย
3
ตั้งแต่วัยเรียน อิชิอิก็เป็นเด็กที่มีความเฉลียวฉลาดและได้รับยกย่องให้เป็นเด็กอัจฉริยะ
4
โตเกียวในปีที่อิชิอิเกิด
เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม อิชิอิเลือกที่จะเข้าร่วมกับกองทัพ
อิชิอินั้นมีรูปร่างและบุคลิกของทหารที่โดดเด่น โดยเขามีความสูงกว่า 183 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยชาวญี่ปุ่นในสมัยนั้น และยังแต่งกายเนี้ยบ สะอาดสะอ้าน มีเสียงทุ้ม ทรงพลัง
1
ระหว่างอยู่ในกองทัพนี้เอง อิชิอิก็พบว่าตนนั้นหลงไหลในวิทยาศาสตร์ และพยายามอย่างหนักที่จะเป็นแพทย์ประจำกองทัพ
3
ค.ศ.1916 (พ.ศ.2459) อิชิอิเข้าเรียนที่คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเกียวโต และเป็นนักเรียนที่เข้าข่ายอัจฉริยะ และต่อมา ในปีค.ศ.1927 (พ.ศ.2470) อิชิอิได้อ่านบทความเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพ และสนใจอย่างมากจนถึงขั้นตั้งใจว่าตนต้องเป็นที่หนึ่งด้านอาวุธชีวภาพ และพยายามผลักดันให้กองทัพใช้อาวุธชีวภาพ
2
แต่ความพยายามของอิชิอิก็ดูจะยาก เนื่องจากเขาก็ไม่ได้มีตำแหน่งสูงอะไร และในขณะนั้นก็กำลังมีกฎหมายระหว่างประเทศฉบับใหม่ ที่มีผลกับเรื่องของอาวุธชีวภาพด้วย
1
ไม่เพียงแค่นั้น หากแต่ญี่ปุ่นยังได้ลงนามในข้อตกลงเจนีวา หากแต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน อิชิอิจึงมองเห็นทางที่จะได้รับอนุญาตให้ทำการพัฒนาอาวุธชีวภาพ
2
อิชิอิได้ขออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศเพื่อศึกษาและวิจัยว่าประเทศอื่นกำลังพัฒนาอาวุธชีวภาพอย่างไร และได้รับอนุญาต เขาจึงออกเดินทางในปีค.ศ.1928 (พ.ศ.2471)
1
อิชิอิได้ไปเยี่ยมชมโรงงานอาวุธชีวภาพต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป และเขาก็ได้กลับมาญี่ปุ่นพร้อมแผนการสำคัญ
2
ถึงแม้จะมีข้อตกลงเจนีวาที่ระบุให้หลายๆ ประเทศห้ามใช้อาวุธชีวภาพ หากแต่หลายๆ ประเทศก็ได้ทำการพัฒนาอาวุธชีวภาพ หากแต่ยังไม่มีใครนำออกมาเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
1
ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะอุบัติขึ้น กองทัพญี่ปุ่นเริ่มที่จะพิจารณาการพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยมุ่งหวังที่จะให้อาวุธของตนเป็นที่หนึ่งในโลก
1
ในเวลานั้น ชื่อเสียงและหน้าที่การงานของอิชิอิก็เติบโต โดยเขาได้รับตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ด้านภูมิคุ้มกันวิทยาในโรงเรียนแพทย์กองทัพที่โตเกียว อีกทั้งยังได้ตำแหน่งพันตรี และได้รับการสนับสนุนจากนักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ
7
ภายหลังจากที่ญี่ปุ่นรุกรานแมนจูเรียในปีค.ศ.1931 (พ.ศ.2474) ญี่ปุ่นก็ได้กวาดทรัพยากรสำคัญต่างๆ ไปใช้ในอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น
2
การรุกรานแมนจูเรียของญี่ปุ่น
ทหารญี่ปุ่นที่รุกรานมองว่าชาวบ้านนั้นเป็นเพียงก้าวขวางคอที่น่ารำคาญ หากแต่อิชิอิไม่คิดอย่างนั้น สำหรับเขา ชาวบ้านเหล่านี้คือหนูทดลองชั้นดี
1
งานวิจัยด้านชีวภาพของอิชิอิจะทำในโรงงานหลายแห่ง เช่นที่ฮาร์บิน ประเทศจีน อิชิอิก็ได้ก่อตั้งโรงงานอาวุธชีวภาพ หากแต่ก็พบว่าไม่สามารถทำการวิจัยและทดลองกับมนุษย์ในเมืองนี้ได้
1
เมื่อเป็นอย่างนี้ อิชิอิจึงสร้างโรงงานลับแห่งใหม่ ตั้งอยู่ทางใต้ของฮาร์บินประมาณ 100 กิโลเมตร โดยเขาได้ทำการถล่มหมู่บ้านที่มีบ้านประมาณ 300 หลังคาเรือนและสร้างฐานทัพของตน และเกณฑ์แรงงานชาวจีนมาใช้ในการก่อสร้าง
5
ณ สถานที่แห่งนี้เอง จะก่อกำเนิด “หน่วย 731 (Unit 731)” ที่น่าสะพรึงในเวลาต่อมา
2
โรงงานผลิตอาวุธชีวภาพของหน่วย 731
ณ สถานที่แห่งนี้ นักโทษกว่า 1,000 คนถูกคุมตัว โดยเหล่านักโทษที่กำลังจะกลายเป็นหนูทดลองก็มีทั้งขบวนการใต้ดินต่อต้านญี่ปุ่น กองกำลังอิสระ และชาวบ้าน
2
การทดลองในช่วงแรกคือการเจาะเลือดของนักโทษทุกๆ สามถึงห้าวันจนนักโทษนั้นร่างกายอ่อนแอ ก่อนจะฆ่านักโทษด้วยยาพิษเมื่อนักโทษหมดประโยชน์ โดยนักโทษส่วนใหญ่มีชีวิตไม่เกินหนึ่งเดือนหลังจากถูกส่งมายังที่คุมขัง
4
ค.ศ.1934 (พ.ศ.2477) เหล่านักโทษได้พยายามจะต่อต้านและหลบหนี โดยอาศัยจังหวะที่ทหารญี่ปุ่นกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง และทหารส่วนใหญ่ก็เมาและไม่ได้จัดเวรยามเข้มงวด ก่อกบฏและมีนักโทษหนีไปได้จำนวน 16 คน ซึ่งต่อมา นักโทษที่หนีไปได้ก็ได้มาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในสถานที่แห่งนี้
2
หน่วย 731
แต่ถึงจะเกิดการกบฏ หากแต่อิชิอิก็ยังดำเนินงานของตนต่อไป
1
อิชิอิออกแบบหน่วย 731 ของตนให้เป็นศูนย์กลางความทันสมัย มีคุกสำหรับนักโทษ มีโรงงานผลิตระเบิดเชื้อโรค สนามบินที่มีกองทัพของตน และยังมีส่วนที่ใช้ในการกำจัดศพอีกด้วย
5
สำหรับส่วนอื่นๆ นั้น ก็มีหอพักให้กับเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น และมีทั้งบาร์ ห้องสมุด สนามกีฬา แม้แต่ซ่องก็ยังมี
1
ท่านผู้อ่านที่เคยได้ยินชื่อของหน่วย 731 มาบ้าง อาจจะพอรู้ว่าหน่วยนี้โหดร้ายแค่ไหน เชื่อกันว่าหน่วยนี้ได้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1935 (พ.ศ.2478) และถึงแม้จะมีการปิดข้อมูลในช่วงแรก แต่ในปัจจุบัน ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับหน่วยนี้ก็กระจายไปทั่ว
6
อิชิอินั้นเป็นแพทย์ประจำกองทัพ โดยหนึ่งในจุดมุ่งหมายของเขาก็คือการพัฒนาการรักษาทหารญี่ปุ่น โดยเขาได้ทำการศึกษาถึงความทนทานของร่างกายมนุษย์ เช่น การทดลองเลือด เขาจะศึกษาว่ามนุษย์จะเสียเลือดได้มากแค่ไหนโดยไม่ตาย
10
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการทดลองผิดมนุษย์ตามมาอีกมากมาย เช่น การนำคนเข้าไปในห้องความดันสูงและปล่อยคนนั้นไว้ข้างในจนลูกตาหลุด กระเด็นออกมา โดยนี่เป็นการทดลองว่ามนุษย์จะสามารถทนต่อความดันได้มากขนาดไหน นักโทษบางรายก็ถูกฉีดน้ำทะเลเข้าไปในร่างกายเพื่อดูว่าน้ำเค็มจะสามารถนำมาทดแทนน้ำจืดได้หรือไม่
15
หนึ่งในการทดลองที่ได้ชื่อว่าโหดร้ายทารุณที่สุดก็คือ “การทดลองให้ความหนาวกัด (Frostbite Experiment)”
3
ในเวลานั้น การรักษาแผลน้ำแข็งหรือความเย็นกัดคือการนวดบริเวณที่ถูกกัด หากแต่นักวิจัยของหน่วย 731 ได้พยายามพิสูจน์ว่าวิธีที่ดีที่สุด คือการนำแผลไปจุ่มลงยังน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 100 ฟาเรนไฮท์เล็กน้อย
6
แต่กว่าจะได้ผลลัพธ์ วิธีการทดลองก็โหดร้ายไม่ใช่น้อย
1
นักวิจัยของหน่วย 731 จะนำนักโทษออกมายืนท่ามกลางอากาศหนาวจัด โดยให้เปลือยท่อนแขนที่ราดด้วยน้ำ ให้ยืนอยู่อย่างนั้นจนเห็นว่านักโทษถูกความหนาวกัดแล้ว
3
นักวิจัยจะเอาไม้มาเคาะลงยังแขนของนักโทษเพื่อดูว่าแขนนั้นแข็งจากความหนาวเย็นหรือยัง ก่อนจะนำนักโทษไปตัดแขนเพื่อนำแขนข้างนั้นไปศึกษา
5
จากบันทึกที่พบในภายหลัง ระบุว่าเหยื่อที่ถูกนำมาทดลองที่อายุน้อยที่สุดนั้น มีอายุเพียงสามเดือน
5
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการทดลองโดยบังคับให้นักโทษใส่หน้ากากกันก๊าซพิษ เพื่อดูประสิทธิภาพของหน้ากาก อีกทั้งยังมีการผ่าตัดคนเป็นๆ อีกด้วย
2
การทดลองอื่นๆ ก็มีการทดลองเกี่ยวกับเชื้อโรคและโรคร้าย โดยมีการบังคับให้นักโทษที่ติดซิฟิลิส บังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับนักโทษคนอื่นที่ไม่ได้เป็นซิฟิลิส เพื่อศึกษาแนวทางของโรค
1
นอกจากนั้น อิชิอิยังให้นำช็อกโกแลตที่ปนเปื้อนเชื้อแอนแทร็กซ์ไปแจกเด็กๆ ท้องถิ่น โดยเด็กๆ และชาวบ้านที่หิวโหยก็รับมากินโดยไม่เฉลียวใจเลย คิดว่าเป็นความเมตตาของทหารญี่ปุ่น
3
อิชิอิวางแผนที่จะใช้อาวุธชีวภาพที่พัฒนา โจมตีสหรัฐอเมริกา หากแต่สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดลงยังฮิโรชิม่าและนางาซากิก่อนที่อิชิอิจะได้ลงมือ ทำให้ญี่ปุ่นแพ้สงคราม
1
การทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิม่า
อิชิอินั้นน่าจะเป็นอาชญากรสงคราม และควรจะถูกประหาร หากแต่งานวิจัยของเขาก็ช่วยให้เขารอดชีวิต
2
สิงหาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ภายหลังจากการทิ้งระเบิดลงยังฮิโรชิม่าและนางาซากิ ก็ได้มีคำสั่งของทางการให้ทำลายหลักฐานทุกอย่างของหน่วย 731
1
สำหรับตัวเลขของเหยื่อที่เสียชีวิตเพราะหน่วย 731 ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่คิดคร่าวๆ ได้ราวๆ 200,000-300,00 คนและสำหรับนักโทษที่เสียชีวิตจากการทดลองนั้น มีราวๆ 3,000 คน
8
อิชิอิได้รับคำสั่งให้ทำลายเอกสารหลักฐานทุกอย่าง หากแต่เขาก็แอบเอาเอกสารบางส่วนออกมาจากโรงงาน ก่อนจะไปซ่อนตัวยังโตเกียว
10
ภายหลัง สหภาพโซเวียตได้ยึดแมนจูเรียจากญี่ปุ่น และเกิดสนใจงานวิจัยของอิชิอิ และต้องการจะสัมภาษณ์เขา
แต่ไม่เพียงแค่สหภาพโซเวียตที่สนใจ สหรัฐอเมริกาก็สนใจในตัวอิชิอิเช่นกัน และเข้าถึงอิชิอิได้ก่อน
1
ในทีแรก อิชิอิก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ภายหลังจากถูกหว่านล้อม รับรองความปลอดภัย และทางการสหรัฐก็ให้เงินอีกจำนวนหนึ่ง อิชิอิจึงยอมพูด
2
ก่อนเสียชีวิต อิชิอิได้บอกข้อมูลแก่สหรัฐอเมริกาประมาณ 80% อีก 20% นั้น เขาไม่ยอมพูด เก็บงำไปจนเสียชีวิต
1
สหรัฐอเมริกาก็ยอมรักษาคำพูด เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเองก็ต้องการจะรักษาและครอบครองงานวิจัยของอิชิอิเพียงผู้เดียว และได้ช่วยปิดบังความโหดร้ายของหน่วย 731 ถึงขนาดที่เคยกล่าวว่า นี่เป็นเพียง “โฆษณาชวนเชื่อของสหภาพโซเวียต”
6
ทางด้านอิชิอิ เขาใช้ชีวิตอย่างสงบโดยไม่ต้องรับโทษใดๆ ทั้งสิ้น ก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในลำคอเมื่อปีค.ศ.1959 (พ.ศ.2502) ด้วยวัย 67 ปี
2
อาจจะเรียกได้ว่า ชิโร อิชิอิ รอดจากผลกรรมของตนเพราะความเก่งแท้ๆ หากงานวิจัยของเขาไม่มีประโยชน์ เขาคงต้องได้รับโทษในฐานะอาชญากรสงครามแน่นอน
2
โฆษณา