17 ม.ค. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
ค่ำคืนนี้แล้ว ที่เกมที่แฟนบอลทั่วโลกรอคอยอย่างศึก “แดงเดือด” จะปะทุขึ้นที่แอนฟิลด์ เมื่อ ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านรับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมีตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเป็นเดิมพัน
 
นี่คือครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2008-09 ที่หงส์แดงและผีแดงรั้งตำแหน่ง 2 อันดับแรกของตารางก่อนเกมคู่แรกของสัปดาห์จะลงแข่ง
และถ้าจะบอกว่านี่คือฤดูกาลแรกในรอบกว่าทศวรรษ ที่ 2 ทีมคู่ปรับตลอดกาลต่างอยู่ในสถานะ “ลุ้นแชมป์” กันทั้งคู่ก็คงไม่ผิดนัก
มีตัวเลขมากมายหลายอย่างที่น่าสนใจ อย่างเช่นนี่จะเป็นศึก “แดงเดือด” ครั้งที่ 205 นับรวมทุกรายการ
นี่จะเป็นการคุมทีมนัดที่ 200 ในพรีเมียร์ลีกพอดีของ เจอร์เก้น คล็อปป์
1
และนี่จะเป็นครั้งแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ จะต้องออกไปเยือนทีมระดับ “บิ๊กซิกซ์” ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-21 หลังจากไม่สามารถเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, เชลซี, อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เลยในลีกซีซั่นนี้ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
1
เพื่อเป็นการโหมโรงก่อนเกม เราได้รวบรวม 10 เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในค่ำคืนนี้ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง...
1. เกมนัดนี้จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ ลิเวอร์พูล พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยไม่มีกองเชียร์เข้าไปชมเกมในสนาม
ด้วยวิกฤติโคโรน่าไวรัสที่กลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักอีกครั้ง ทำให้รัฐบาลอังกฤษเข้มงวดเรื่องการรวมตัวกันของฝูงชนมากขึ้น ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องขาด “เดอะ ค็อป” เข้าไปข่มขวัญทีมเยือนบนอัฒจันทร์อย่างน่าเสียดาย
โดยในฤดูกาลนี้ ทีมแชมป์ลีกอังกฤษ 19 สมัยเคยได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลของตัวเองมาแล้ว 3 ครั้ง ในเกมพบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน, สเปอร์ส และ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
2. นี่คือครั้งแรกที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ลงสนามโดยมีอันดับก่อนเกมดีกว่า ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์
1
จากการที่ เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถเปิดบ้านชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-0 ในเกมคู่ดึกสุดคืนวันเสาร์ ทำให้อันดับล่าสุด ทีมแชมป์เก่าหล่นมาอยู่ที่ 3 แล้ว ส่วนผีแดงยังรั้งจ่าฝูงต่อไปเช่นเดิม และจะไม่มีทางร่วงลงจากอันดับ 1 ถ้าหากเก็บแต้มกลับออกจากแอนฟิลด์คืนนี้ได้สำเร็จ
มีสถิติที่น่าสนใจก็คือ ถ้าหากลิเวอร์พูลในยุคที่มียอดโค้ชชาวเยอรมันคุมทีมมีอันดับเป็นรองทีมปีศาจแดงก่อนแข่งเมื่อใด พวกเขายังไม่เคยคว้าชัยชนะในเกมแดงเดือดมาก่อนเลย (เสมอ 1 แพ้ 2)
โดยครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามโดยมีอันดับก่อนเกมดีกว่าทีมคู่ปรับตลอดกาล ผีแดงสามารถเปิดบ้านชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 เมื่อเดือนมีนาคม 2018 จากการเหมาซัดเบิ้ลของ มาร์คัส แรชฟอร์ด
และถ้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะในคืนนี้ จะทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ พบกับความพ่ายแพ้ในพรีเมียร์ลีก 2 นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกด้วย นับตั้งแต่เข้ามารับงานคุมทีมในอังกฤษเมื่อเดือนตุลาคม 2015
3. พอล เทียร์นี่ย์ กรรมการวัย 40 ปี จะลงทำหน้าที่ตัดสินเกมแดงเดือดเป็นครั้งแรกในชีวิต
ก่อนหน้านี้ เทียร์นี่ย์ เคยลงตัดสินเกมที่ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงแข่งมาแล้วทีมละ 13 นัดรวมทุกรายการ ทีมหงส์แดงมีสถิติชนะ 8 เสมอ 3 แพ้ 2 ส่วนผีแดงชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ 3
แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ เทียร์นี่ย์ ไม่เคยมอบจุดโทษให้ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แม้แต่ครั้งเดียว แต่เคยแจกจุดโทษให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มาแล้วทั้งหมด 5 ครั้งด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม พอล เทียร์นี่ย์ ยังไม่เคยแจกใบแดงไล่ใครออกจากสนาม ในเกมที่ทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงแข่งขันมาก่อนเลย
4. ถ้าหาก ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในคืนนี้ จะทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ คือผู้จัดการทีมปีศาจแดงคนแรกในยุคของพรีเมียร์ลีก ที่ไม่สามารถคุมทีมเอาชนะหงส์แดงได้ตลอดการเจอกัน 4 ครั้งแรก
โซลชาร์ เคยคุมทีมปีศาจแดงลงสนามเกมแดงเดือดมาแล้ว 3 ครั้ง โดยเปิดบ้านเสมอ 0-0 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2019, เสมอ 1-1 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อซีซั่นก่อน และบุกแพ้ 2-0 ที่แอนฟิลด์ ในการเจอกันหนล่าสุด
สำหรับผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด คนสุดท้ายที่ไม่สามารถพาทีมเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลทีมนี้ได้ในการเจอกัน 4 ครั้งแรกก็คือ ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ ที่ไม่ชนะเลยในการเจอหงส์แดงในลีก 6 นัดช่วงระหว่างปี 1973-1977
5. ติอาโก้ อัลกันตาร่า กำลังจะได้ลงสนามในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ที่แอนฟิลด์เป็นนัดแรก
กองกลางทีมชาติสเปนลงสนามให้หงส์แดงไปแล้วทั้งหมด 5 นัดรวมทุกรายการ ซึ่งล้วนเป็นการเล่นในฐานะทีมเยือนทั้งหมด
สำหรับคืนนี้ เขาน่าจะถูกส่งลงตัวจริงค่อนข้างแน่ จากการที่ ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ต้องมีอย่างน้อยหนึ่งคนที่ถอยลงไปเล่นเซนเตอร์แบ็กจำเป็น
2
6. ทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่จะถือเป็นครั้งแรกที่พวกเขามีจอมทัพตัวเก่งอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ลงสนามพบกับ ลิเวอร์พูล ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
โดยก่อนหน้านี้ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรตุเกสเคยทำผลงานยิง 1 แอสซิสต์ 1 ให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน เสมอกับหงส์แดง 2-2 ในเกมปรีซีซั่นเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2019 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่นั่นก็เป็นแค่เกมอุ่นเครื่องเท่านั้น
และหากนับเฉพาะคู่แข่ง 19 ทีมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ เหลือแค่ ลิเวอร์พูล กับ ฟูแล่ม เพียง 2 ทีมเท่านั้น ที่ บรูโน่ ไม่เคยลงสนามปะทะด้วย
ซึงถ้าสตาร์เจ้าของเสื้อเบอร์ 18 ปีศาจแดงรอดพ้นการโดนใบเหลืองในคืนนี้ เขาเตรียมลงเจอทีมเจ้าสัวน้อยต่อเลยในเกมกลางสัปดาห์ที่จะถึง
7. เจมส์ มิลเนอร์ ลุ้นพา ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นครั้งแรก ในเกมที่เขาถูกส่งลงสนาม
นับตั้งแต่ย้ายจาก แมนฯ ซิตี้ มาร่วมทีมหงส์แดงแบบไม่มีค่าตัวเมื่อปี 2015 เมื่อใดก็ตามที่ "ท่านรอง" ได้ลงสนามเกมแดงเดือด ต้นสังกัดของเขาไม่เคยคว้าชัยชนะได้เลย
นับตั้งแต่ ลิเวอร์พูล ได้ตัว มิลเนอร์ มาเสริมทัพ พวกเขาเคยเอาชนะผีแดงได้ 3 ครั้งนับรวมทุกรายการ แบ่งเป็น 1 เกมในศึก ยูโรปา ลีก เมื่อปี 2016 และอีก 2 นัดในพรีเมียร์ลีก 2 ฤดูกาลหลังสุด ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นชัยชนะที่เกิดขึ้นที่แอนฟิลด์
แต่ว่าทั้ง 3 เกมดังกล่าว อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษไม่มีชื่อลงสัมผัสเกมแม้แต่วินาทีเดียว
8. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลุ้นเป็นทีมแรกของ 5 ลีกดังยุโรปฤดูกาล 2020-21 ที่คว้าชัยชนะนัดเยือนได้ครบ 8 นัดในเกมลีกซีซั่นนี้
ปัจจุบัน ผีแดงของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ สามารถชนะเกมลีกนอกบ้านของฤดูกาลปัจจุบันได้ 7 นัด เทียบเท่ากับจ่าฝูง กัลโช่ เซเรีย อา อย่าง เอซี มิลาน
1
แต่ถ้าหากพลพรรค เร้ด เดวิลส์ ไม่สามารถคว้า 3 แต้มในคืนนี้ได้ จะเปิดโอกาสให้ทีมปีศาจแดงดำทำสถิตินี้ได้ก่อนแทน เมื่อจะได้ออกไปเยือนทีมหนีตกชั้นอย่าง กายารี่ คืนวันจันทร์นี้
9. ลิเวอร์พูล ลุ้นทำสถิติไม่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาบ้านในพรีเมียร์ลีกนานถึง 5 ฤดูกาลติดต่อกันได้เป็นครั้งแรก
หนสุดท้ายที่พวกเขาแพ้คู่อริตัวฉกาจคาแอนฟิลด์ คือเกมที่โดน เวย์น รูนี่ย์ ซัดประตูโทนให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าชัยไปด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2016 ซึ่งเป็นโอกาสยิงตรงกรอบเพียงครั้งเดียวของทีมเยือนในวันนั้น
ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้แต้มในการเปิดบ้านเจอผีแดงมาตลอด 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา (ชนะ 2 เสมอ 2) โดยเสียแค่ประตูเดียวเท่านั้นให้กับ เจสซี่ ลินการ์ด ในเกมที่พา ลิเวอร์พูล ชนะ 3-1 เมื่อฤดูกาล 2018-19 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นกุนซือของทีมเยือน
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ค่ำคืนนี้จะครบรอบ 5 ปีพอดี นับจากครั้งสุดท้ายที่ทีมปีศาจแดงคว้า 3 คะแนนเต็มที่แอนฟิลด์
จึงน่าจับตาดูว่าใครกันที่จะได้เฮ หรือว่าจะจบลงด้วยการแบ่งแต้มกันไปทีมละ 1 คะแนน?
10. หากค่ำคืนนี้มีผลแพ้ชนะ ไม่ลิเวอร์พูลแพ้คาบ้านเป็นนัดแรก ก็ต้องเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เสียสถิติไร้พ่ายเกมเยือนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เป็นครั้งแรก ไม่ทีมใดก็ทีมหนึ่ง
1
ครั้งสุดท้ายที่หงส์แดงแพ้เกมลีกที่แอนฟิลด์ คือการพ่าย คริสตัล พาเลซ 1-2 เมื่อเดือนเมษายน 2017 โดยหลังจากนั้น พวกเขาทำสถิติไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกที่บ้านตัวเองมานานถึง 67 นัดติดต่อกัน (ชนะ 55 เสมอ 12)
ส่วนทีมปีศาจแดงก็ไม่แพ้เลยในการเล่นเป็นทีมเยือน 15 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก (ชนะ 12 เสมอ 3) โดยทีมสุดท้ายที่เปิดบ้านเอาชนะพวกเขาได้ ก็คือ ลิเวอร์พูล นั่นเอง เมื่อคว้าชัยไปด้วยสกอร์ 2-0 เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2020
ถึงแม้ศึกแดงเดือดครั้งนี้อาจจะมีบรรยากาศเงียบไปจากที่เราคุ้นเคย เพราะไม่มีแฟนบอลเข้าไปเชียร์กันในสนาม ส่วนการจัดงานอีเว้นท์ใหญ่ๆ เชียร์กันหน้าทีวีจอยักษ์ก็ทำไม่ได้ เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 ที่ระบาดกันไปทั่วโลก
แต่ถึงอย่างนั้น มันคือเกมสำคัญที่แฟนบอลต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
1
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ชนะของค่ำคืนนี้ จะมีโอกาสที่ดีขึ้นมากๆ กับการก้าวไปลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในบั้นปลายต่อไป
#เสียบสามเหลี่ยม #แมนฯยูไนเต็ด #ผีแดง #แมนยู #โซลชาร์ #บรูโน่แฟร์นันด์ส #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #ลิเวอร์พูล #ติอาโก้อัลกันตาร่า #เจอร์เก้นคล็อปป์ #หงส์แดง #แอนฟิลด์ #แดงเดือด #พรีเมียร์ลีก
โฆษณา