19 ม.ค. 2021 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ปริศนามหากาพย์ ]
ใบแดงของ ลิโอเนล เมสซี่ ในเกมนัดชิงซูเปร์ โกปา เด เอสปันญ่า สร้างแรงสั่นสะเทือนไม่ใช่น้อยๆ
นอกเหนือจากเป็นครั้งแรกที่ถูกไล่ออก นับตั้งแต่รับใช้บาร์เซโลน่ามาตั้งแต่ฤดูกาล 2004/05 หรือกว่า 15 ปี
อีกทั้งตลอดที่สวมยูนิฟอร์มบาร์ซ่าลงไปเผดียงแข้ง 753 นัด ไม่เคยเจอเหตุการณ์ผู้ตัดสินอัปเปหิออกจากสนามเลย
1
ไม่กี่นาทีหลังจาก เมสซี่ โดนไล่ นกหวีดสุดท้ายก็ดังขึ้น ผู้เล่นแอธเลติก บิลเบาได้ฉลองกันอย่างสะใจในฐานะแชมป์สแปนิช ซูเปอร์คัพปีนี้ กว่าจะได้มาเชยชมไม่ใช่เรื่อง ต้องหักด่านทั้งเรอัล มาดริดและบาร์เซโลน่า
เมสซี่ กลายเป็นผู้แพ้อย่างราบคาบ แทบไม่หลงเหลือร่องรอยของความยิ่งใหญ่ในอดีต มันช่างน่าผิดหวังและเจ็บปวดยิ่งนัก
1
หลังจากนั้นไม่นานสื่อออนไลน์กีฬาแทบทุกสำนัก นำเรื่องใบแดงแห่งมนทินนี้พาดหัวใหญ่ ในท่วงทำนองที่แตกต่างกันไป ก่อนจะเกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตตามมาอีกครั้ง
4
ปัจจุบันยังไม่เคลียร์ว่าเขาจะอยู่หรือไป เพราะสัญญาจะหมดลงในซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ แล้วยังไม่มีการขยายออกไป คงปริศนาไว้เช่นเคย ท่ามกลางความต้องการคำตอบจากแฟนบอลทั่วโลก
เหตุการณ์ใบแดงอัปยศเกิดขึ้นในนาทีที่ 120 เป็นโค้งสุดท้ายของการต่อเวลาพิเศษ หลังจาก 90 นาทีเข่นไม่ลงเสมอกัน 2-2
4
ตอนนั้นบาร์เซโล่าซึ่งเป็นฝ่ายตามหลัง 2-3 ต้องการประตูทวงคืนอย่างเร่งด่วน แล้วต้องมาเจอลูกตุกติกของผู้เล่นบิลเบาที่งัดมาเล่นทุกสูตร
ไม่ว่าจะเป็นการถ่วงเวลา เจ็บนิดเดียวก็นอนนาน ไหนจะตะคริวขึ้นกันอีก นักเตะบาร์ซ่าก็หมดแรงเหลือก็อกสุดท้าย พอต้องมาเจออะไรแบบนี้มันก็ยากที่จะคุมอารมณ์ได้อยู่
ช็อตดังกล่าว อาเซียร์ บียาลิเบร กองหน้าตัวสำรองไปพัวพัน เมสซี่ ในจังหวะที่ลากบอลจี้หาประตู ก่อนจะมาเบียดกันธรรมดา แต่แข้งอาร์เจนไตน์ระงับความร้อนรุ่มข้างในไม่อยู่แล้ว เลยระเบิดออกมาใช้ท่อนแขนฟาดเข้าที่ต้นคอไปเต็มๆ
ปกติก็นอนนานอยู่แล้ว คราวนี้จึงยาวกว่าเดิม ประกอบกับ กิล มานซาโน่ ผู้ตัดสินยืนอยู่ไม่ห่างเท่าไร แม้มันจะเกิดขึ้นแบบปุบปับแทบไม่เห็นอะไรชัด แต่มี VAR ช่วยอยู่แล้ว
เมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากทีมงานอีก จึงขอเช็คอย่างละเอียด ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปดูที่จอข้างสนามด้วยสายตาตัวเองจะดีกว่า
ดูได้ไม่ถึงครึ่งนาที พอเห็นผู้ตัดสินวิ่งเหยาะๆมา เมสซี่ ก็น่าจะรู้อนาคต ใบแดงถูกล้วงมาจากกระเป๋าทันที
เมสซี่ ไม่ได้เถียงอะไรเลยสักคำ ก้มหน้าก้มตาเดินออกจากสนาม ยอมรับในผลการกระทำ
จากภาพสโลว์โมชั่นมันสามารถยืนยันได้ว่า เมสซี่ สมควรโดนไล่ออกจริง ไม่ต้องอุทธรณ์ให้เสียเวลา
ตามกฎของสหพันธ์ฟุตบอลสเปน ระบุเอาไว้ว่าใบแดงลักษณะนี้อาจติดโทษแบน 4-12 นัดด้วยกัน ตามมาตรการที่กำหนดไว้ เพราะอยู่ในข่ายเจตนาใช้ความรุนแรงกับฝ่ายตรงข้าม
ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับรายงานของ มานซาโน่ ด้วยว่าจะเขียนลงไปว่าอย่างไร เท่าที่นักข่าวไปสืบทราบมาระบุไว้ไม่ได้เป็นการใช้ความรุนแรงเกินจริง โทษอาจไม่หนักนัก
เพียงแต่ชะตากรรมในคราวนี้ฝากไว้กับคณะกรรมการพิจารณาโทษ ซึ่งมีคลิปเหตุการณ์เป็นหนึ่งในหลักฐานสำหรับชั่งน้ำหนักถูกผิดที่สำคัญ
อย่างไรก็ดีนอกจากโดนใบแดงครั้งแรกในชีวิตการค้าแข้งกับบาร์ซ่าแล้ว ว่ากันตามภาพรวมนับว่าเป็นเกมน่าผิดหวังสุดๆอีกต่างหาก
บาร์ซ่านำ 2-1 จนกระทั่งเข็มนาฬิกากระดิกสู่ช่วงทดเวลา เรียกว่าใกล้จะได้ครองแชมป์รายการนี้สมัยที่ 14 เต็มทีแล้ว
แต่จากความผิดพลาดในการป้องกันอันหละหลวม เลยถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีทางริมเส้น บิยาลิเบร ตัวสำรองจอมแสบชาร์จตุงตาข่าย ต้องไปเหนื่อยกันอีก ก่อนพ่ายในที่สุด
แน่นอนว่าในมุมของฝั่งบาร์ซ่ามันต้องน่าผิดหวังมากๆ ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม ไม่อาจฉกฉวยไว้ได้
ขณะเดียวกันในช่วงพักครึ่งซึ่งเสมอกันอยู่ 1-1 ทางทีวีสเปนที่่ถ่ายทอดสด มีกูรูมาวิเคราะห์ด้วย ก่อนจะมองว่าบทบาทของ เมสซี่ ในเกมดังกล่าวน้อยเกิน บอลไปไม่ถึง ต้องลงมาต่ำหลายครั้งและบางคราวโดนประกบแจ เพื่อนก็ไม่กล้าส่งให้
พูดง่ายๆ เมสซี่ ไม่ได้เล่นตามเกมที่ถนัด อีกทั้งการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมก็ไม่มากพอด้วย
แม้เขาจะไม่ค่อยช่วยไล่บอลหรือเล่นเกมรับมากพอ แต่ประโยชน์อยู่ที่เกมรุก ซึ่งเป็นเหมือนผู้ควบคุมอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าอย่างไร เมสซี่ ก็ยังเป็นมวลความหวังมหึมาของชาวกาตาลันที่อยากเห็นบาร์เซโลน่าประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้การกลับมาลงสนามเกมชิงดำ ดูคล้ายยังไม่อาจสลัดอาการบาดเจ็บได้หายขาด หลังชวดตัดเชือกกับเรอัล โซเซียดาดที่ต้องเหนื่อยหนักกว่าจะพิชิตลงได้ด้วยการดวลโทษตัดสิน
สังเกตได้ชัดว่าในวัย 33 ปี สภาพร่างกายของ เมสซี่ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
1
สภาพจิตใจก็ยังมาย่ำแย่ บอบช้ำหนักกว่าที่เคยอีก
ฉะนั้นอนาคตของเขาจึงถูกเพ่งอีกครั้งว่า สุดท้ายจะลงเอยอย่างไร
แม้จะมีการระบุเบื้องต้นว่าโทษแบนของ เมสซี่ จะอยู่ที่ 4-12 เกม แต่สื่อไม่น้อยนำเอาตัวเลข 12 ไปใส่เฮดไลน์ให้ดูหวือหวา เรียกความน่าสนใจ
ทั้งที่อาจได้รับน้อยกว่า 4 นัดก็ได้ แต่ก็นั่นแหล่ะเป็นแนวทางการนำเสนอ ซึ่งพยายามจะชี้ให้เห็นจุดตกต่ำของนักเตะดังเบอร์หนึ่งของโลก
เมื่อปลายที่ก่อน เมสซี่ เพิ่งเปิดใจไว้ทำนองว่า อยากจะอยู่กับบาร์ซ่าจนแขวนสตั๊ด ต่อให้มีปัญหาขัดแย้งเป็นปมอยู่ก็ตาม
แต่การลงจากเก้าอี้ของ โจเซป บาร์โตเมว ประธานคนเดิมที่เป็นเหมือนชนวนสำคัญ ช่วยผ่อนให้สถานการณ์อันตึงเครียดผ่อนคลายลงมาบ้าง
กระนั้นการเลือกตั้งประมุขบาร์ซ่าคนใหม่ จากเดิมวางไว้ที่ 24 มกราคมนี้ก็ต้องเลื่อนออกไป จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังไม่มีทีท่าจะยุติง่ายๆ
1
วันเวลาใหม่ยังไม่ถูกกำหนด ทว่าไม่ใช่เป็นสัญญาณเตือนที่ดีเลยต่อให้ โจน ลาปอร์ต้า จะได้เข้ามาสานงานและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เมสซี่ ก็ตาม
ยิ่งช้าเท่าไร การเจรจาสัญญาฉบับใหม่ก็ยิ่งถอยร่นตามไปด้วย เมื่อบวกกับใบแดงล่าสุดและผลงานไม่เอาไหนของทีมในนัดชิง มันก็ย่อมพอสันนิษฐานอนาคตของ เมสซี่ ได้ในระดับหนึ่ง
แล้วย้อนกลับไปไม่นานมานี้ สื่อสายมาดริดเพิ่งรายงานว่า เซร์คิโอ รามอส เพิ่งแจ้งกับ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ว่าได้รับการทาบทามจากปารีส แซงต์ แชร์กแมงที่จะดึงไปร่วมทีมให้เป็นเซ็นเตอร์ร่วมกับ เมสซี่ ในฤดูกาลหน้า
1
แม้จะดูเหมือนโคมลอยไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อไม่ได้เลย เพราะเปแอสเชมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่ดึงไปร่วม
ส่วนแมนฯซิตี้ก็เตรียมขยับทุกจังหวะเช่นเดียวกัน การขยายสัญญาออกไปอีก 2 ปีของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจส่งสัญญาณบางอย่างด้วย
ว่ากันตามตรงเรายังไม่กล้าฟันธงเลยว่า บาร์เซโลน่า , เปแอสเชหรือแมนฯซิตี้ ที่จะเป็นป้ายต่อไปของ เมสซี่ ทั้งที่เหลือเวลาให้ตัดสินใจไม่กี่เดือนเท่านั้น
มันคือปริศนาที่หลายคอรอคำตอบด้วยความตื่นเต้นเลยจริงๆ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา