22 ม.ค. 2021 เวลา 16:12 • สุขภาพ
ควรทราบเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่สนใจฉีดวัคซีน
โควิด พบผู้ที่แพ้แบบช็อกจากวัคซีนของบริษัท Pfizer เป็นผู้หญิงมากถึง 90%
มีประวัติแพ้สิ่งอื่นในอดีต 81% และมักจะเกิดภายใน 30 นาทีมากถึง 86%
ข้อมูลเรื่องการแพ้แบบรุนแรงหรือแบบช็อก (Anaphylaxis) จากวัคซีนโควิด ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ที่กำลังสนใจ หรือกำลังจะตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนป้องกันโควิดหรือไม่
และถึงแม้ตัดสินใจแล้วว่าจะฉีด ก็ควรจะรับทราบข้อมูลต่อไปนี้ เพื่อประเมิน และระมัดระวังตนเอง
จากการรวบรวมผลข้างเคียง(Side effect) ในการฉีดวัคซีนของคนอเมริกันจำนวน 1.89 ล้านคน ในช่วงวันที่ 14-23 ธันวาคม 2563
พบการแพ้แบบรุนแรงชนิดช็อค 21 ราย คิดเป็น
11.1 รายต่อการฉีด 1,000,000 คน
1
มีข้อมูลที่น่าสนใจหลายประการในจำนวนผู้ที่แพ้รุนแรงแบบช็อคดังกล่าว คือ
3
1) เป็นผู้หญิงมากถึง 90% หรือ 19 คนจาก 21 คน
2) มีประวัติแพ้สิ่งใดสิ่งหนึ่งในอดีตมากถึง 81%
หรือ 17 ใน 21 คน
1
3) เกิดอาการให้เห็นใน 15 นาที 71% คือ 15 คน ใน 21 คน และภายใน 30 นาที 86% คือ18 คนใน 21 คน ช้าสุดที่พบคือภายใน 2 ชั่วโมงครึ่ง
4) อาการที่พบมากสุดคือ
มีอาการบวมแบบลมพิษและผื่นคันถึง 20 คน
มีหลอดลมหดตัวหรือจับหืด 5 คน
มีปาก คอ ลิ้น ริมฝีปากบวม 6 คน
5) ในบรรดาผู้ที่มีประวัติเคยแพ้มาก่อน พบว่า
แพ้ยามากที่สุด 8 คน กลุ่มยาที่แพ้เป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะเช่น ซัลฟา และเพนนิซิลิน
แพ้อาหาร 3 คน ประเภทไข่ นม และอาหารทะเล
แพ้วัคซีนอื่น 2 คน คือ วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าและวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
แพ้ต่อแตน 2 คน
แพ้แมวสุนัข 1 คน
แพ้สารทึบแสงที่ใช้ในการฉีดเพื่อทำเอกซเรย์ 1 คน
6) อายุน้อยที่สุดที่แพ้คือ 27 ปี และสูงสุดคือ 60 ปี
ข้อมูลต่างๆเหล่านี้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก สมควรที่ผู้สนใจ จะได้ประเมินตนเองว่า มีลักษณะที่เข้ากลุ่มเสี่ยงเหล่านี้หรือไม่อย่างไร
แต่โชคดีที่กลุ่มที่แพ้รุนแรงทั้ง 21 รายดังกล่าวนั้น
ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และไม่มีผู้ใดเสียชีวิต
จึงมีการกำหนดแนวทาง สำหรับการฉีดวัคซีน
โควิด-19 เพื่อความปลอดภัยดังนี้
1) สถานที่ฉีด จะต้องมีการเตรียมยาแก้การแพ้แบบช็อค ที่เรียกว่า Epinephrine ไว้พร้อมฉีดเสมอ
2) จะต้องมีการซักประวัติคัดกรองปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะประวัติการแพ้ยา อาหาร หรือการแพ้วัคซีนชนิดอื่นในอดีต
3) เมื่อฉีดแล้วห้ามกลับบ้าน ต้องนั่งรอไว้อย่างน้อย 15 ถึง 30 นาที
4) จะต้องแน่ใจและทำการทบทวนให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง รู้จักการแพ้แบบช็อค ให้สามารถวินิจฉัยอาการตอนเริ่มต้นได้เร็วที่สุด
1
5) ถ้าสงสัย ให้ตัดสินใจฉีด Epinephrine ทันทีเพราะไม่มีผลเสียอะไร
การฉีดแก้แพ้ที่ชักช้านั้น จะสร้างความเสี่ยงเป็นอย่างมาก
เหตุที่มีรายงานเฉพาะวัคซีนของ Pfizer เนื่องจากในช่วงการเก็บข้อมูลนั้น มีวัคซีนของ Pfizer ตัวเดียวที่ทำการฉีดให้กับประชาชนอเมริกันแล้ว
1
สำหรับการฉีดวัคซีนในเมืองไทยนั้น ถือว่าเราโชคดี ที่มีโอกาสได้รับทราบข้อมูลผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดวัคซีนะของประเทศอื่นก่อน ว่ามีมากน้อยเพียงใด
มักจะเกิดในกลุ่มไหนมากเป็นพิเศษ และใช้ยารักษาการแพ้แบบช็อคชนิดไหนดีที่สุด รวมทั้งระยะเวลาการนั่งคอย สถานที่ที่จะทำการฉีดวัคซีน
สิ่งต่างๆเหล่านี้จะต้องถูกประเมิน และทำการตัดสินใจ แล้วกำหนดนโยบายให้ดีที่สุด เพื่อลดผลข้างเคียงอันตรายที่จะเกิดจากการฉีดวัคซีนให้เหลือน้อยที่สุด
แลกกับการได้ภูมิคุ้มกัน ที่จะไม่ติดโควิด และทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในที่สุด
ประเทศจะได้เข้าสู่การใช้วิถีชีวิตที่ใกล้เคียงปกติได้มากขึ้นครับ
Reference
โฆษณา