24 ม.ค. 2021 เวลา 09:53 • สุขภาพ
น่ากังวลมาก !! นายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงด้วยตนเองว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของอังกฤษ ส่อมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เสียชีวิตมากขึ้นอีก 30% (ครบถ้วนในรายละเอียด)
1) นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Boris Johnson แถลงข่าวสำคัญว่า มีหลักฐานเบื้องต้น ที่แสดงให้เห็นว่าไวรัสก่อโรคโควิดชนิดใหม่ที่กลายพันธุ์ในอังกฤษนั้น มีความรุนแรงมากกว่าเดิม เสียชีวิตเพิ่ม 30%
1
2) นายก Johnson แถลงข่าวสำคัญ ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง โดยใช้ข้อมูลจากกลุ่มให้คำปรึกษาเรื่องภาวะคุกคามจากไวรัสที่เกิดขึ้นใหม่(The New and Emerging Respiratory Virus Threats Advisory Group : NERVTag)
1
3) โดยเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ติดตามดูเรื่องไวรัสกลายพันธุ์ใหม่มาตลอด ในครั้งนี้พบแนวโน้มว่า มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น มีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 30% (29-36%) แต่จะต้องรอหลักฐานสนับสนุนเพิ่มเติมอีกครั้ง
4) Sir Patrick Vallance ประธานที่ปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ประจำตัวนายกรัฐมนตรีอังกฤษ (Chief Scientific Advisor) ได้ให้ความเห็นโดยสรุปว่า
5) เรื่องนี้แม้จะยังสรุปชัดเจนตอนนี้ไม่ได้ แต่เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง และจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า ไวรัสจะทำให้เสียชีวิตมากขึ้นร้อยละ 30 ใช่หรือไม่
6) ไวรัสที่กลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า B117(B.1.1.7) เป็นไวรัสที่เกิดจากการผ่าเหล่า
(Mutation) เปลี่ยนแปลงภายในประเทศอังกฤษเอง ที่เมือง Kent เมื่อเดือนกันยายน 2563 และขณะนี้ได้มีการแพร่ไปอย่างรวดเร็วทั่วประเทศอังกฤษ และอีกกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
7) ความสามารถในการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างรวดเร็วนั้น มีสถิติตัวเลขยืนยันจากหลายแหล่งว่า การแพร่ที่รวดเร็วและรุนแรงนั้น มากกว่าไวรัสสายพันธุ์เดิม 30-70%
2
8) แต่ในเบื้องต้น( ณ ขณะนั้น) ยืนยันตรงกันว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ไม่มีผลเพิ่มความรุนแรงหรือการเสียชีวิต และไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในการป้องกันของวัคซีนที่กำลังผลิตกันอยู่
1
9) แต่ขณะนี้ เริ่มมีรายงานเพิ่มเติมที่น่ากังวลว่า ความรุนแรงจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ได้ปรากฏขึ้นแล้ว และอัตราความรุนแรงและเสียชีวิตนั้นเพิ่มมากถึงร้อยละ 30
10) รายละเอียดของการพบความรุนแรงดังกล่าว มาจากรายงานการศึกษาเบื้องต้นหลายแห่งด้วยกัน ที่ยืนยันตรงกันว่า เมื่อดูจำนวนผู้เสียชีวิต เปรียบเทียบในกลุ่มผู้ที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่กับไวรัสสายพันธุ์เดิม
11) กลุ่มที่ติดเชื้อจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่า 30% แต่ถ้าเทียบอัตราการเสียชีวิตจากสองไวรัสที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ยังไม่พบความแตกต่าง
1
12) ตรงนี้มีความเห็นเบื้องต้นว่า อาจจะเป็นเพราะจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นั้น ยังทยอยเข้ามานอนโรงพยาบาลไม่มากพอ ที่จะปรากฏทางสถิติ
13) สถานการณ์ของอังกฤษในขณะนี้ มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากคือ ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมากกว่าหนึ่งในสี่ของผู้เสียชีวิตทั้งหมด(28,580 คน) ได้เสียชีวิตในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้เอง(21ธค63-22มค64)
14) ซึ่งน่าจะเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือ การเพิ่มขึ้นของไวรัสสายพันธุ์ใหม่
15) ส่วนปัจจัยอื่นประกอบด้วย การที่รัฐบาลอังกฤษประกาศมาตรการล็อกดาวน์ที่เบาเกินไปและช้าเกินไป อุณหภูมิที่เข้าสู่ฤดูหนาวเหมาะกับการเจริญเติบโตของไวรัส และพฤติกรรมเสี่ยงของคนอังกฤษเองในช่วงที่ผ่านมา
16) เรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนนั้น ตอนที่ค้นพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของอังกฤษ ก็ยืนยันว่ามีหลักฐานเพียงความเร็วในการแพร่ระบาดที่เพิ่มขึ้น
17) แต่ไม่พบการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรุนแรงของผู้ป่วยและอัตราการเสียชีวิต ตลอดจนประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของวัคซีนก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
18) แต่ผ่านมาไม่นาน ข้อมูลก็เริ่มส่อไปในทางที่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ อาจมีผลกระทบกับความรุนแรงของผู้ป่วยและการเสียชีวิตได้
19) จึงทำให้มีความกังวลว่า อาจจะกระทบไปถึงประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิดของวัคซีนด้วย
20) ซึ่งแต่เดิม บริษัท Pfizer และ AstraZeneca ยืนยันว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของอังกฤษนั้น วัคซีนยังเอาอยู่
21) แต่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่เกิดขึ้นที่แอฟริกาใต้และบราซิล น่ากังวล เพราะเริ่มมีข้อมูลว่าวัคซีนอาจจะมีประสิทธิภาพต่อไวรัสสองสายพันธุ์ดังกล่าวไม่ได้ดีเท่าเดิม จะต้องติดตามกันต่อไป
22) ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทางการของอังกฤษจึงได้เร่งออกมาตรการเข้มงวดขั้นสูงสุด บริเวณชายแดน และจุดที่จะมีคนเดินทางเข้าประเทศอังกฤษ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากประเทศอื่น เช่น แอฟริกาใต้และบราซิล เข้ามาในประเทศอังกฤษได้
23) โดยทุกคนที่จะเดินทางเข้าอังกฤษ จะต้องมีผลการตรวจไวรัสเป็นลบก่อนออกเดินทาง และเมื่อเข้าสู่อังกฤษแล้วจะต้องกักตัว 14 วันทุกราย
24) และได้ออกมาตรการทั้งขอร้องและบังคับ ให้พลเมืองอังกฤษทุกคน ใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงในกิจกรรมต่างๆที่แออัดโดยเฉพาะอยู่ภายในอาคาร และเร่งระดมฉีดวัคซีนโดยเร็วต่อไป
25) อังกฤษหวังว่ามาตรการต่างๆดังกล่าว จะลดการติดเชื้อและการเสียชีวิตลงได้ เพราะตัวเลขปัจจุบันสูงมาก และยังเป็นไวรัสสายพันธุ์เก่าด้วยซ้ำไป
1
26) ถ้าไวรัสสายพันธุ์ใหม่รุนแรงขึ้นจริง จะทำให้การเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัวมากขึ้น
27) ในฝั่งสหรัฐอเมริกา Luciana Borio ที่ปรึกษาโรคโควิดของประธานาธิบดี Biden ได้กล่าวว่า อาจจะเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของอังกฤษ ทำให้เกิดการตายเพิ่มขึ้น อยากจะเห็นข้อมูลและตัวเลขเพิ่มเติม
28) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มีจำนวนไวรัสในตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างไร หรือมีกลไกทางชีววิทยาที่จะทำลายร่างกายของผู้ติดเชื้ออย่างไร จึงจะสรุปต่อไปได้
29) สหรัฐอเมริกาเอง มีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ของอังกฤษไปแล้ว 144 ราย เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564
1
30) ที่เมืองโคลัมบัส(Columbus ) รัฐโอไฮโอ
(Ohio) ก็มีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ได้มีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นเองในสหรัฐอเมริกาด้วย โดยที่เป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างไปจากของอังกฤษ ของแอฟริกาใต้ และของบราซิล ซึ่งจำเป็นจะต้องติดตามกันต่อไปเป็น
31) ประจักษ์พยานต่างๆดังกล่าวข้างต้น ยืนยันความรู้ทางไวรัสวิทยาอีกครั้งหนึ่งว่า ไวรัสสายพันธุ์เดี่ยวที่มีสารพันธุกรรมเป็น RNA เช่นไวรัสก่อโรคโควิดนี้
32) จะมีการกลายพันธุ์อยู่เป็นระยะตลอดเวลา เพียงแต่การกลายพันธุ์นั้น จะกระทบในส่วนที่สำคัญเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ ความรุนแรง และการหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนหรือไม่อย่างไร
33) และขณะนี้ ก็เริ่มทยอยพบไวรัสกลายพันธุ์เป็นจำนวนมาก หลากหลายประเทศทั่วโลก และบางสายพันธุ์ เช่น ไวรัสของอังกฤษ ก็เริ่มกระทบกับการแพร่เชื้อว่ารวดเร็วขึ้น
34) และเริ่มมีข้อมูลทยอยออกมา ที่ส่อแววว่า จะทำให้เกิดความรุนแรงในผู้ป่วยและมีการเสียชีวิตมากขึ้น
35) ถ้าการกลายพันธุ์นั้น ขยับไปสู่ตำแหน่งของหนามหรือเอสโปรตีน(S-protein ) ที่มีความเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีน และทำให้วัคซีนป้องกันไม่ได้
36) อันนี้ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ เป็นภาวะคุกคามสถานการณ์ โควิด-19 ทั้งโลกทันที เพราะวัคซีนส่วนใหญ่ ผลิตมาเพื่อป้องกันหนาม(S-protein)
37) คงจำเป็นต้องไปดูเทคโนโลยีของวัคซีนแต่ละชนิดต่อไป เช่น วัคซีนเชื้อตาย ที่อาจจะสามารถป้องกันได้ แม้หนามของไวรัสเปลี่ยนแปลงไป
38) เทคโนโลยีของการผลิตวัคซีน จึงมีความสำคัญมาก อาจจะไม่ใช่ดูแต่เพียงประสิทธิภาพในการป้องกันโรค ณ ปัจจุบันเท่านั้น
39) แต่ต้องดูความสามารถในการป้องกันไวรัสของวัคซีน ที่มีต่อการกลายพันธุ์ในอนาคตด้วย
40) จะได้ไม่ต้องเสียเวลาผลิตวัคซีนกันใหม่ และทำให้พวกเราต้องมารอวัคซีนชนิดใหม่กันอีก
1
41) ชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งภาวะทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และสิ่งแวดล้อม ก็จะเดือดร้อนไปตามตามกันครับ
Reference
โฆษณา