7 ก.พ. 2021 เวลา 08:38 • หุ้น & เศรษฐกิจ
SPAC คืออะไร น่าลงทุนไหม?
ขบวนการขั้นตอนของธุรกิจแห่งหนึ่งที่จะเข้าทำการไอพีโอหรือทำการซื้อขายครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์ต้องใช้เวลานานเป็นปี เพราะต้องผ่านขั้นตอนการปรับปรุงระบบบัญชีให้ได้มาตรฐาน การตรวจสอบ การจ้าง Investment Banker (IB) เข้ามาประเมินธุรกิจ การทำโรดโชว์กับนักลงทุนสถาบัน รวมทั้งเสียค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่พอสมควร
.
จึงเกิดไอเดียว่าจะทำอย่างไรที่จะลดขั้นตอนเหล่านี้เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กที่มีโอกาสเติบโตสูงเข้าตลาดหุ้นได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนที่ยาวนาน กฎเกณฑ์หลายอย่างและเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
.
จริงๆแล้วหลังๆก็มีการทำโมเดลแบบ Direct Listing คือไม่ต้องผ่านขั้นตอนการประเมินธุรกิจและมูลค่ากับ IB เลย สามารถเพิ่มทุนได้ก่อนเข้าตลาดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องอีกด้วย
.
วิธีนี้สามารถเข้าซื้อขายในตลาดโดยไม่ต้องออกหุ้นเพิ่มทุนก่อนเข้าตลาด หมายความว่าในวันแรกของการทำการซื้อขายผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งรวมทั้งผู้ก่อตั้ง พนักงานในบริษัทและนักลงทุนใหญ่ที่ถือหุ้นอยู่แล้ว สามารถนำหุ้นออกมาขายได้เลย
.
วิธีนี้ก็ประหยัดเงินที่จ่ายให้ให้กับ IB และยังสะท้อนราคาหุ้นได้มากกว่า บริษัทอย่าง Roblox และ Spotify เลยนำวิธีนี้มาใช้
.
กลับมาที่ SPAC หรือ Special Purpose Aquisition Company เป็นวิธีการนำหุ้นเข้าตลาดฯที่มีมาเป็นสิบปีแล้วเเต่เพิ่งกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในปีที่แล้วจนกระทั่งช่วงนี้
.
SPAC คืออะไร?
.
SPAC คือบริษัทที่ไม่ได้มีธุรกิจดำเนินงานจริงๆ หรือเรียกว่าเป็น Blank Check Company ที่ก่อตั้งเพื่อระดมทุนผ่านขบวนการไอพีโอ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเข้าซื้อ
บริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมที่ผู้บริหารและทีมงานมีความเชี่ยวชาญ
.
โดยตอนไฟลิ่งนักลงทุนจะรู้ว่าใครคือผู้บริหารและทีมงาน และธีมการลงทุนจะเป็นอย่างไรบ้าง
.
หลังจากระดมทุนไปแล้ว SPAC จะมีเวลาประมาณ 2 ปีเพื่อเข้าลงทุนในพวก Mature Unicorn หรือ Startup ที่มีโอกาสการเติบโตสูง
.
ถ้าในระยะเวลาดังกล่าวยังหาบริษัทลงทุนไม่ได้ ก็จะปิดตัวลงและคืนเงินให้กับนักลงทุน
.
ตัวอย่างของ SPAC ที่มีผู้บริหารชื่อดังเช่น
.
Richard Brandson ก่อตั้ง VG Aquisition (VGAC) เข้าไอพีโอเดือนตุลาคมปีที่แล้วที่ $10 ราคาตอนนี้ขึ้นมา 60%
.
Bill Ackman ก่อตั้ง Pershing Square Tontine Holdings (PSTH) เข้าไอพีโอด้วยราคา $20 ตอนนี้ราคาขึ้นมา 50%
.
Chamath Palihapitiya ก่อตั้ง Social Capital Hedosophia Holdings ขึ้นมาและได้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมเช่นกัน
.
SPAC สามารถให้ผลตอบแทนกับนักลงทุนได้อย่างมหัศจรรย์ในระยะเวลาอันสั้น โดยปีที่แล้วมี SPAC ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดดังนี้
.
QuantumScape (QS) เป็น SPAC ที่มุ่งเน้นลงทุนใน solid-state lithium-metal batterie ที่ใช้ในรถยนต์ EV สร้างสถิติทำกำไรในปี 2020 ถึง 1,115% แต่ก็ได้ปรับตัวลดลงถึง 50% ในปีนี้หลังจากนักลงทุนทยอยขายทำกำไร
.
นอกจากนี้ยังมี SPAC ที่ชื่อว่า DrafKings (DKNG) ที่เน้นลงทุนใน E-gaming & sports ปรับตัวขึ้นไปในปี 2020 ถึง 444% ในปีนี้ก็ขึ้นมาอีก 37%
..
จากสถิติพบว่าในปี 2020 มีบริษัท SPAC ทั้งหมด 219 รายระดมทุนไปกว่า $73,000 ล้าน เพิ่มขึ้น 462% จากปี 2019 และสามารถเอาชนะการทำไอพีโอแบบปกติที่ระดมทุนไป $67,000 ล้าน
.
ข้อดีของ SPAC คือช่วยให้ธุรกิจ Startup ที่ยังไม่มีกำไรสามารถเข้ามาระดมทุนโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนไอพีโอ รวมทั้งจากสถิติพบว่าบริษัทยังระดมทุนได้มูลค่าสูงกว่ากว่าถึง 20% อีกด้วย
.
ในส่วนของนักลงทุนมองว่า SPAC มีข้อดีตรงที่ผลตอบแทนสูงในระยะสั้น และสามารถลงทุนในบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูงในอุตสาหกรรมที่ตนเองชื่นชอบ เช่น Healthcare Gaming EV เป็นต้น
..
#แต่ในทางกลับกันผมมองว่า SPAC ก็มีข้อควรระวังที่นักลงทุนควรจะต้องพิจารณาดังนี้
.
เนื่องจาก SPAC เป็นการระดมทุนจากนักลงทุนไปเพื่อไปลงทุนในบริษัทที่น่าสนใจ นักลงทุนจึงไม่สามารถคำนวณมูลค่าที่เหมาะสมของ SPAC ได้เพราะไม่มีธุรกิจจริงๆรองรับ
.
รู้แค่ว่าระดมทุนด้วยเงินทุนเท่าไหร่และจะไปลงในธุรกิจประเภทไหน นอกจากนี้ยังไม่รู้ด้วยว่าจะลงหุ้นตัวไหน ธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง
.
#ผมมองว่าเป็นความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีให้กับผู้บริหารและทีมงานเป็นหลักในการตัดสินใจที่จะลงทุนใน SPAC
.
โดยส่วนตัวไม่ได้มองว่าไม่ดี แต่คิดว่าไม่เหมาะกับแนวทางการลงทุนของเราเพราะผมชอบที่จะรู้และเข้าใจในธุรกิจที่ลงทุน รวมทั้งมูลค่าที่เหมาะสมก่อนลงทุน
.
ผมเขื่อว่าการลงทุนในหุ้น SPAC แล้วได้กำไรอย่างงดงามในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมาไม่ได้เป็นตัวการันตีความสำเร็จในอนาคต
.
อย่าลืมว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดเอื้อต่อการลงทุนมากๆ ดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการ์ณ ทั้งมีการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบมหาศาล และมีรายย่อยจำนวนมากที่เข้ามาลงทุนและคอยไล่ล่าราคาในธุรกิจที่ดูมีอนาคตเติบโตสูง
.
สุดท้ายนี้อยากฝากเพื่อนๆให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง การลงทุนไม่ง่ายอย่างที่เราคิดเสมอไปเพราะไม่งั้นแล้ววอร์เรน บัฟเฟตต์คงไม่สามารถทำผลตอบแทนได้เพียงปีละ 20% เท่านั้นในรอบ 56 ปีที่ผ่านมาครับ #หุ้นอเมริกา #SPAC
2
อ้างอิงจาก:
โฆษณา