เราได้ดูคลิปที่ปล่อยออกมาโปรโมตจนกลายเป็น #ไวรัล คนแชร์กันเต็มเฟส เอาจริง ๆ แล้ว สำหรับคนที่ไม่ได้ชื่นชอบหนังสารคดีหรือชื่นชอบการดูหนังสืบสวนสอบสวน ดูแค่นั้นก็ถือว่ากระตุ้นต่อมสยองได้เพียงพอแล้ว เพราะเอาจริงแล้วยิ่งเราได้ดูตัวสารคดีเต็ม ๆ ความขนลุกที่เกิดตอนดูคลิปในลิฟต์ความยาว 4 นาที มันลดน้อยถอยลงไปเยอะเลยทีเดียว อีกทั้งมันก็ไม่ได้ขยายความหรือนำเสนอแง่มุมในด้านสยดสยองมากนัก
แต่สำหรับคนที่ชอบการสืบค้นหาข้อมูล เอาข้อมูลอันโน้นมาผสมกับอันนี้ เงื่อนงำมันคืออะไรกันแน่นะ หรือใครจะเป็นคนร้าย น่าจะดูสนุกกับเรื่องราวที่นำเสนอออกมา อาจมีพาออกทะเลไปบ้าง แวะไปเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้บ้าง แต่สุดท้ายก็เอามาขมวดไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ถามว่าดูจบแล้วเคลียร์มั้ย ก็เคลียร์นะ แต่ !!! จากข้อมูลที่สารคดีนำเสนอมาตลอด 4 ตอน ก็พูดได้ว่าน้ำหนักมันไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันกับบทสรุปของตำรวจสักเท่าไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าตำรวจแถหรือทำงานชุ่ยนะ แต่สารคดีเรื่องนี้นำเสนอข้อมูลด้านคดีน้อยเกินไป
ส่วนตัวชอบ 2 ตอนแรกที่เป็นการเล่าภาพในวงกว้างและย้อนประวัติชวนสยองของ Cecil Hotel อีกทั้งยังเอาสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เป็นแหล่งเสื่อมโทรมของ LA มาเชื่อมโยงได้อย่างน่าสนใจ
ในขณะที่ 2 ตอนหลังจะเป็นการลงรายละเอียดในเคสของ Elisa Lam ส่วนตัวคิดว่าข้อมูลในส่วนนี้ค่อนข้างอ่อนกว่า 2 ตอนแรก แม้มันจะมีการวิเคราะห์สภาพจิตใจของ Elisa Lam อย่างลงลึก การมีส่วนร่วมของ #Youtuber / #นักสืบโชเชี่ยล อีกทั้งสะท้อนความไม่ยุติธรรมของสังคมชาวเน็ตในการล่าแม่มดอีกด้วย
ซึ่งทีมงานเลือกที่จะให้เวลากับประเด็นรายล้อมเหล่านี้มากกว่าการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ข้อมูลต่าง ๆ ที่เราได้รับรู้ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลจากชาวเน็ต ซึ่งถ้าดูถึงตอนจบจะรู้ว่าข้อมูลเหล่านั้นมันไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย
ถามว่าโดยรวมดีมั้ย ก็ตอบลำบาก เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่กดเข้ามาดูเพื่อลุ้นไปกับการสืบคดี แต่มันกลับไม่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้เท่าที่ควร มันกลับวิพากย์วิจารณ์สังคมได้อย่างมีชั้นเชิงและสนุกสนาน โดยเฉพาะตอนจบที่เหมือนลากนักสืบโซเชียลมาตบกลาง LA กันเลยทีเดียว
#MovieGuroo #Netflix #CrimeSceneTheVanishingAtTheCecilHotel
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
