25 ก.พ. 2021 เวลา 05:00 • กีฬา
[ บอลไทยชัดเจน by บุญคำ : กิเลนรอกำลังกลับมาผยอง!! ]
มาเงียบๆ เชียบๆ แต่ตอนนี้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทะยานกลับมาอยู่ในท็อปโฟร์ของตาราง ไทยลีก แบบแน่นสนิทแล้วนะครับ
จากตอนต้นฤดูกาลที่ทุลักทุเล กว่าจะยิงได้แต่ละประตูสุดแสนจะยากเย็น ทว่าตอนนี้ขอแค่พาบอลไปอยู่ในแดนคู่ตอสู้ กิเลนผยองพร้อมจะกระซวกไส้ฝั่งตรงข้ามได้ทุกวินาที
นับตั้งแต่เปลี่ยน มาริโอ ยูรอฟสกี้ เข้ามาเป็นเฮดโค้ชให้ เมืองทอง เขาพาทีมเก็บชัยชนะไป 11 นัด จาก 17 เกม ตัวเลขอาจจะไม่สูงนัก แต่ตัวเลขการยิงสูงปรี๊ดมากๆ กับ 45 ประตู ที่ทำได้
ค่าเฉลี่ยการทำประตูต่อ 1 เกม กิเลนผยองนั้นสูงถึง 4 ลูก เลยนะครับ
และแม้ว่าใน 17 เกม นั้นจะแพ้ไป 3 และเสมออีก 3 แต่รูปเกมของ เมืองทอง นั้นดูดีราศีจับเสียจริง
บอลไดเร็กต์ (สาดยาว) จากแดนหลังไปให้กองหน้าตัวใหญ่ๆ พักบอลแล้วรอเพื่อนเติมเกมอย่างที่ อเล็กซานเดร กามา เคยทำ มันถูกลบเลือนด้วย 'มาริโอ สไตล์' ที่เริ่มต้นตั้งแต่ผู้รักษาประตู
ยูรอฟสกี้ ซึ่งในอดีตคือผู้เล่นระดับตำนานของกิเลนผยอง เขาคือเพลย์เมกเกอร์ของทีมชุดแชมป์ลีกด้วยสถิติ 'ไร้พ่าย' ในปี 2012 แน่นอนว่าการทำงานนั้นสะท้อนตัวตนของบุคลนั้นๆ เสมอ
1
เมืองทอง ในยุค กามา คือบอลสาดยาวไปให้ศูนย์หน้าพักบอลอย่างที่บอก และก็แทบไม่เห็นเลยว่ากุนซือชาวบราซิล จะเปิดหน้าแลกกับคู่แข่ง กลับกันมันคือการเน้นความแน่นอนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ว่าสไตล์การทำทีมของเฮดโค้ช บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คนปัจจุบันไม่ดีนะครับ เพียงแต่มันสะท้อนให้เห็นว่าฟุตบอลในแบบของเขานั้น
ผิดกับ ยูรอฟสกี้ ที่ชื่นชอบการเล่นบอลกับพื้น, มีลูกพลิกแพลงให้แฟนๆ ได้ตื่นตะลึง รวมไปถึงความมหัศจรรย์ที่พร้อมเสกขึ้นทุกวินาที
การทำทีมของเขาจึงสะท้อนออกมายังลูกทีม เมืองทอง ชุดปัจจุบันที่เล่นฟุตบอลกับพื้นและใช้ 'จินตนาการ' เป็นที่ตั้ง เหมือนดังที่ ยูรอฟสกี้ มักจะให้สัมภาษณ์อยู่เสมอว่า "ผมบอกกับนักเตะทุกคนให้เล่นฟุตบอลอย่างมีความสุขและสนุกไปกับมัน"
ผลของการเล่นอย่างมีความสุข มันเลยส่งผลสู่ผลงานในสนาม
การเอาชนะทีมใหญ่ๆ อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้นั้นไม่ใช่เรื่องฟลุ๊กเลยนะครับ
เกมล่าสุดที่เพิ่งเฉือน การท่าเรือ นั้นบ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่า เมืองทอง ภายใต้การกำกับของ ยูรอฟสกี้ นั้นเริ่มที่จะแสดงให้ทีมอื่นๆ เห็นแล้วว่าฤดูกาลหน้าพวกเขากำลังจะกลับมายืนอยู่ในจุดๆ เดิม
นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา กิเลนผยองห่างหายจากความสำเร็จไปนาน และมีทีท่าจะกู่กลับมายากเสียด้วย เพราะปล่อยผู้เล่นหลักออกจากสโมสรไปตลอด
ที่เหลือจากชุดแชมป์ ไทยลีก 2016 จะมีแค่ วัฒนา พลายนุ่ม เท่านั้นที่หลงเหลือ นอกนั้นแยกย้ายไปตามวิถีฟุตบอล
ต้องชื่นชมบอร์ดบริหารของ เมืองทอง ไม่น้อยเลยนะครับที่อดทนต่อเสียงก่นด่าจากแฟนๆ ที่ถาโถมและตั้งคำถามเรื่องการปล่อยบรรดาซูเปอร์สตาร์สออกจากทีม
ไหนจะเรื่อง 'ถังแตก' ที่หลายๆ คนสงสัยว่ากิเลนผยองคงจะไม่มีเงินจ้างนักเตะเท้าดีอีกแล้ว
ทว่าคำตอบทั้งหมดถูกตอบด้วยผลงานในสนาม
การตัดสินใจให้ ยูรอฟสกี้ ก้าวมาเป็นเฮดโค้ช ทั้งๆ ที่หมอนี่มีประสบการณ์ด้านนี้เพียงน้อยนิดถือเป็นสิ่งที่ฝ่ายบริหาร เมืองทอง กล้าเสี่ยง กล้าวัดใจ เพราะถ้าหากตำนานนักเตะคนนี้ไปไม่รอด พวกเขาก็คงหลีกหนีคำวิจารณ์ไม่พ้นหรอก
ทว่าการตัดสินใจหนนี้ กลายเป็นว่ามันกำลังนำกิเลนกลับมาผยองอีกครั้ง
อย่าลืมว่าค่าเฉลี่ยผู้เล่นของ เมืองทอง ชุดปัจจุบันนั้นน้อยที่สุดใน ไทยลีก นะครับ หากเก็บประสบการณ์เพิ่มไปเรื่อยๆ รับรองเลยว่าลุ้นแชมป์ได้สบายๆ
เรื่องการคัดสรรนักเตะเยาวชนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าทึ่งนะครับสำหรับ เมืองทอง เพราะไล่เรียงรายชื่อผู้เล่นอาชีพที่โลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุด มีอดีตแข้งยังบลัดของกิเลนผยองอยู่เพียบ
พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, ชัยวัฒน์ บุราณ หรือ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ คือชื่อที่แฟนๆ ไทยลีก คุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก๊วนนี้ล้วนผ่านการคัดกรองสถาบันเยาวชนของ เมืองทอง มาแล้วทั้งสิ้น
นักเตะ เมืองทอง ชุดปัจจุบันนั้นก็เติบใหญ่มาจากอะคาเดมี่ของสโมสรนั่นแหละ นี่คงเป็นแนวทางที่พวกเขาวางแผนไว้ในระยะยาว เพราะคิดว่า 'เงิน' คงไม่สามารถซื้อความสำเร็จได้ตลอด
ฤดูกาล 2020-21 ถ้วยแชมป์คงจะไม่หนีไปจาก ลีโอ สเตเดี้ยม แน่ๆ
ทว่าซีซั่นหน้า 2022 ไทยลีก เตรียมต้อนรับการกลับมาของ เมืองทอง ได้เลย เพราะพวกเขาคงจะขอเป็นหนึ่งในทีมที่จะมาท้าชิงแชมป์กับ บีจี ปทุม แน่นอน
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา