26 ก.พ. 2021 เวลา 03:00 • กีฬา
" ซา-ซ่า คู่หูอันตราย "
อเล็กซิส ซานเชซ, อาร์ตูโร่ วิดาล, เอริค ปุลการ์, แกรี่ เมเดล, มาร์ตีอัส เฟร์นานเดซ, เคลาดิโอ บราโว่ กลุ่มนักเตะเหล่านี้เป็นตัวแทนที่แฟนบอลรู้จักกันเป็นอย่างดี
ผู้เล่นชิลี ในยุค 10 ปีหลังผงาดขึ้นมาเล่นในยุโรปมากมายหลายคน และสร้างชื่อเสียงในฐานะที่เป็นนักฟุตบอลทักษะดีและใจสู้ เรียกว่าเป็นการฟื้นคืนชีพของวงการลูกหนังชิลี
วงการฟุตบอลชิลีเคยวูบอยู่นาน ในช่วงยุค 70s จนถึง 90s พวกเขาผ่านเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้แค่หนเดียวในรอบ 24 ปี แทบไม่มีนักเตะออกไปเล่นนอกประเทศ
ชิลี ถูกปกครองด้วยรัฐบาลทหารของ เอากุสโต้ ปิโนเช่ต์ ที่ได้รับการหนุนหลังจากอเมริกาเพื่อให้ช่วยโค่นล้มรัฐบาลคอมมิวนิสต์ เป็นช่วงที่วงการฟุตบอลก็เหี่ยวเฉาไปด้วย จนกระทั่ง ปิโนเช่ต์ ตายในปี 1991 ทุกอย่างเริ่มฟื้นคืนขึ้น
แต่ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1994 ชิลี กลับโดนแบน เพราะการกระทำเสื่อมเกียรติของ โรเบร์โต้ โรฮาส นายทวารของพวกเขาในตอนนั้น
ระหว่างเกมรอบคัดเลือก อิตาเลีย 90 โซนอเมริกาใต้นัดสำคัญกับบราซิล เมื่อปี 1989 โรฮาส แกล้งเจ็บว่าเป็นเพราะโดนพลุไฟปาใส่ เพื่อหวังจะให้บราซิลโดนลงโทษจากฟีฟ่า แต่เมื่อสืบสวนเขากลับโดนลงโทษแทน และส่งผลให้ ชิลี โดนแบนห้ามเข้าร่วมในฟุตบอลโลก 1994 นั่นเอง
2
กระทั่งในฟร้องซ์ 98 พวกเขาก็ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายจนได้ และแน่นอน ไฮไลท์ของชิลี ชุดนี้อยู่ที่คู่กองหน้า "ซา-ซ่า" ของพวกเขา อิวาน ซาโมราโน่ และ มาร์เซโล่ ซาลาส
ซาโมราโน่ เกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงานในกรุงซานติอาโก้ เมื่อปี 1967 โดยครอบครัวสนับสนุนให้เขาทำตามความฝันตั้งแต่เด็ก ในการเป็นนักฟุตบอลและเล่นให้ โคโล โคโล่
พรสวรรค์ของ ซาโมราโน่ ทำให้เขาได้เข้าร่วมทีมเยาวชนของโกเบรซาล สโมสรเล็กๆในเมือง เอล ซัลวาดอร์ และเขาก็พาทีมคว้าแชมป์ โกปา ชิลี ได้ในปี 1987 ด้วยการเป็นดาวซัลโวของฤดูกาลนั้น
เขาไม่เคยได้เล่นให้โคโล โคโล่ ในตอนนั้นเพราะอีก 1 ปีต่อมาเขาก็ย้ายมายุโรป เล่นให้ ซังต์ กัลเลน ทีมดังในสวิตเซอร์แลนด์ และ 2 ปีในสวิส ก็ทำให้เขาได้ย้ายมาเล่นกับ เซบีย่า ในปี 1990 ที่ที่เขาสร้างชื่อไปทั่วและได้รับการจับตามองอย่างแท้จริง
1
เส้นทางของ มาร์เซโล่ ซาลาส กลับดูง่ายกว่า ซาลาส อ่อนกว่า ซาโมราโน่ 7 ปี เขาเติบโตมาในครอบครัวที่พร้อมกว่า และพรสวรรค์ที่เด่นชัดแต่เด็กทำให้เข้าทีมท้องถิ่น เดปอร์ติโว เตมูโก้
2
จนปี 1991 ด้วยวัย 17 ปี พ่อเขาก็พาไปซ้อมกับทีมดัง อูนิเวร์ซิดาด เด ชิลี ในกรุงซานติอาโก้ ที่นี่เองอีก 2 ปีต่อมาเข้าก็ผงาดขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ และช่วย อูนิเวร์ซิดาด เด ชิลี คว้าแชมป์ลีก 2 สมัยติด ก่อนจะโดนยักษ์ใหญ่แห่งอาร์เจนติน่าอย่าง ริเวอร์ เพลท คว้าไปร่วมทีมในปี 1996
ขณะที่ ซาโมราโน่ รูปร่างกระชับ โปร่ง แต่ ซาลาส ตัวไม่สูงแต่หนาและตัน ทั้งคู่ต่างมีเทคนิคยอดเยี่ยม จบสกอร์ได้ดี ทั้งซ้ายขวาและโหม่ง
ซาลาส นั้นได้รับฉายา "เอล มาทาดอร์" จุดเด่นนอกจากการจบสกอร์คือการเร่งความเร็วในระยะสั้นๆ เป็นไม้ตายของกองหน้าที่หาได้ไม่ง่ายนัก ขณะที่ ซาโมราโน่ คือนักเตะผู้ทุ่มเทเต็มที่ ทำงานหนักและใจสู้จนหยดสุดท้าย
เมื่อมาจับคู่กัน ซาโมราโน่ จะยืนเป็นตัวเป้ามากกว่า ส่วน ซาลาส อาศัยความสดและหนุ่มแน่น คอยส่าย ทะลุเข้าช่อง
ซาลาส ถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 1994 ด้วยวัย 19 ปี เป็นเกมอุ่นเครื่องกับอาร์เจนติน่า และเขาทำประตูได้ทันที ในเกมที่เสมอกันไป 3-3
กระทั่งในปี 1995 ทั้งคู่ก็เล่นด้วยกันเป็นนัดแรกในเกมกับเม็กซิโก ซึ่งมันก็เหมือนฟ้าส่งมาคู่กัน เพียง 14 นาที ซาโมราโน่ ซึ่งขณะนั้นเป็นดาวเด่นอยู่ที่ เรอัล มาดริด ก็เปิดให้ ซาลาส จบสกอร์ ก่อนที่ ซาโมราโน่ เองจะมายิงประตูชัย 2-1 ด้วยจุดโทษ
ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 1998 ใกล้เข้ามาแล้วในขณะนั้นและดูเหมือนโค้ช ซาเวียร์ อัซกากอร์ต้า จะได้เจอกับคู่หน้าในฝันของเขาแล้ว แต่ไม่ทันได้ใช้งานคู่หน้าในฝัน เขาก็ต้องถูกแทนที่ด้วย เนลสัน อคอสต้า โค้ชชาวอุรุกวัย
ตลอด 16 นัดของรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ชิลี ทำได้ 32 ประตู โดยที่ 23 ประตูมาจากฝีเท้าของคู่หู "ซา-ซ่า"
อิวาน ซาโมราโน่ ทำ 12 ประตู เป็นดาวซัลโวของรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ ขณะที่ ซาลาส ตามมาติดๆ ที่ 11 ประตู
ผลงานของทั้งคู่ทำให้สุดท้าย ชิลี ได้ผ่านเข้าสู่ ฟร้องซ์ 98 ได้สำเร็จ แต่ก่อนทัวร์นาเมนต์มาถึง ต้องมีเกมอุ่นเครื่อง
ในเกมกระชับมิตรกับอังกฤษที่สังเวียนเวมบลีย์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 1998 นี่เองที่จะเป็นเกมที่สร้างชื่อเสียง และประกาศตัวการมาถึงของ มาร์เซโล่ ซาลาส ต่อแฟนบอลทั่วโลกอย่างเป็นทางการ
ก่อนหน้าเกมนี้ไม่กี่วัน ลาซิโอ ยักษ์ใหญ่แห่งกัลโช่ เซเรีย อา แถลงเซ็นสัญญาคว้าตัว ซาลาส มาจากริเวอร์ เพลท ด้วยมูลค่า 20.5 ล้านเหรีญดอลลาร์ ซึ่งเป็นรองแค่ โรนัลโด้, ริวัลโด้ และเดนิลสัน เท่านั้นในตอนนั้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีข่าวว่าพยายามตามจีบซาลาส อย่างหนัก แต่ยังติดด้วยค่าตัวที่สุดแพง และเมื่อเขาเลือกย้ายไปลาซิโอ แฟนบอลอังกฤษย่อมอยากเห็นฝีเท้าว่ามันดีสมราคาจริงหรือไม่
ก็ปรากฏว่าได้เห็นสมใจ บอลเปิดยาวจากฝั่งซ้ายกลางสนามข้ามแผงหลังลึกไปในเขตโทษ ซาลาส สปีดไปพักบอลด้วยหน้าขาแล้ววอลเล่ย์ตามด้วยซ้ายทันทีชนิดบอลไม่ตกพื้น
ครึ่งหลัง ซาลาส โชว์ทักษะการล่อหลอกและความเร็วในการพลิกตัวทำเอา โซล แคมป์เบลล์ เสียท่าไปจิ้มใส่ในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที และซาลาส ก็ลุกมาสังหารเองด้วยซ้ายข้างถนัดอย่างเยือกเย็น พาชิลี คว้าชัยชนะ 2-0 แบบแสดงให้เห็นถึงคลาสบอลที่ยอดเยี่ยม
เมื่อฟุตบอลโลกที่ฝรั่งเศสมาถึง ชิลี อยู่ในกลุ่มเดียวกับอิตาลี ก็พอดีได้แสดงให้แฟนบอลอิตาเลี่ยนเห็นอีกว่าในอีก 2 เดือนข้างหน้า พวกเขาจะได้เห็นอะไรจากเขาบ้างในสีเสื้อลาซิโอ แล้วก็แน่นอน ตอนนั้น ซาโมราโน่ เล่นอยู่กับอินเตอร์ มิลาน แล้วด้วยการสวมเสื้อเบอร์ 1+8 หลังจากยอมยกเบอร์ 9 ไปให้กับโรนัลโด้ ในปีก่อนหน้านั้น
เกมเจอกับอิตาลี ซาลาส ทำคนเดียว 2 ประตูให้ชิลี ก่อนที่โรแบร์โต้ บาจโจ้ จะยิงจุดโทษตีเสมอให้อิตาลีได้สำเร็จเป็น 2-2
ซาลาส ยังทำอีก 1 ประตูในเกมเสมอออสเตรีย ส่งผลให้พวกเขาได้ผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ แต่โชคชะตาอาจไม่เข้าข้างเท่าไหร่เพราะ ชิลี ไปเจอตอ บราซิล เข้าจังๆ
เกมนี้ บราซิล เป็นฝ่ายถล่มไป 4-1 แต่ประตูโทนของชิลี ก็ยังได้มาจาก มาร์เซโล่ ซาลาส เหมือนเดิม
ทั้งคู่เล่นด้วยกันเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายคือ โกปา อเมริกา ปี 1999 ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ ซาลาส ไม่สมบูรณ์นัก ขณะที่ ซาโมราโน่ เป็นตัวแบกของทีม ทำ 3 ประตูพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และได้ชิงอันดับ 3 ซึ่งพวกเขาแพ้ให้เม็กซิโกไป 1-2
ขณะที่รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 มาถึง อิวาน ซาโมราโน่ ก็ประกาศเลิกเล่นทีมชาติด้วยวัย 35 ปี ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดในปีต่อมา
ส่วน ซาลาส เองก็ได้รับบาดเจ็บหนักในฤดูกาล 2001/02 เมื่อย้ายจากลาซิโอ มาอยู่กับ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 25 ล้านเหรียญสหรัฐ และทำให้เขาไม่ได้เล่นทีมชาติเลยกว่า 2 ปี
เมือปราศจาก 2 กองหน้าตัวความหวัง ชิลี ก็ไม่ได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีและญี่ปุ่น และนั่นคือบทสุดท้ายของคู่หูกองหน้าที่ร้อนแรงและอันตรายที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอเมริกาใต้
ภาพของคู่หู "ซา-ซ่า" อิวาน ซาโมราโน่ และ มาร์เซโล่ ซาลาส ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลในยุค 90s เป็นอย่างดี
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา