ดูเหมือนว่ารถแต่ละประเภทมีส่วนแบ่งการตลาดไม่ต่างกันมากนักในช่วงแรก แต่ภายในเวลา 10 ปีหลังจากนั้นรถที่ใช้น้ำมันก็เป็นผู้ชนะ และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้เกือบทั้งหมด เพราะเหตุผลสำคัญของคำว่า “Economy of Scale”
ปี 1913
Henry Ford ได้ผลิตรถที่ใช้น้ำมัน และนำวิธีการผลิตแบบ Assembly Line มาใช้ จากที่เมื่อก่อนพนักงานคนหนึ่งจะประกอบชิ้นส่วนรถทุกชิ้น เปลี่ยนมาเป็นไลน์การผลิตให้พนักงานมีความชำนาญเฉพาะเรื่องที่ทำ ทำให้ผลิตได้เร็วขึ้น และทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยถูกลง รถรุ่น Model T ของ Ford สามารถขายในราคาถูก และเข้าถึงชนชั้นกลางทั่วไปได้
เมื่อรถของ Ford เป็นที่นิยมและขายได้เป็นจำนวนมาก ก็เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์ว่าจะต้องผลิตรถประเภทที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง และ การผลิตรถต้องเป็นแบบ Assembly Line
37 ปี ต่อมา
ปี1950
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 Eiji Toyoda ได้เยี่ยมโรงงาน Ford ที่อเมริกา ในเวลานั้น Toyota เริ่มผลิตรถจำหน่ายให้แก่คนญี่ปุ่นมาได้เพียง 13 ปี และขายได้เพียง 2,500 คัน ในขณะที่ตอนนั้น Ford ผลิตรถได้ 8,000 คันต่อวัน
หลังจากนั้น Toyota จึงเริ่มการผลิตแบบ Ford แต่คราวนี้ Toyota เสริมระบบแบบใหม่ที่เขาคิดค้นขึ้นมาเองเรียกว่าระบบ Kanban หรือ Just in Time จากที่เมื่อก่อนโรงงานจะสั่งสต็อกสินค้ามากองไว้ก่อนแล้วค่อยผลิต แต่ระบบนี้เปลี่ยนวิธีคิดใหม่เป็นการสั่งสต็อกสินค้าก็ต่อเมื่อมีความต้องการเท่านั้น ระบบนี้จึงทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อีกมาก เพราะไม่มีสินค้าคงคลัง
7) GM เจ้าของแบรนด์ Cadillac, Chevrolet, GMC, Opel
8) Ford เจ้าของแบรนด์ Ford
ความสำเร็จของ Toyota ทำให้บริษัทก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน และบริษัทยิ่งใหญ่ที่สุดในอดีตอย่าง Ford ได้ตกลงมาอยู่ที่อันดับ 8
มีข้อน่าสังเกตอยู่เรื่องหนึ่งคือทุกบริษัทก่อตั้งมานานประมาณ 70- 130 ปี และรถส่วนใหญ่ยังใช้เทคโนโลยีเดิมคือการเผาน้ำมันของ Karl Benz ที่ถูกคิดค้นเมื่อ 132 ปีที่แล้ว
ยกเว้นอยู่บริษัทหนึ่งที่ติดอันดับ 6 ของโลก และ อันดับ 1 ของอเมริกา คือบริษัท Tesla ที่ก่อตั้งมาเพียง 14 ปี และรถของ Tesla เป็นบริษัทเดียวที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีการเผาน้ำมันของ Karl Benz เลย
เทคโนโลยีใหม่ของ Tesla คืออะไรจึงทำให้ Tesla ถึงก้าวเข้ามาติดอันดับ 1 ของอเมริกาได้ ทั้งที่ยอดขายปีที่แล้วของ Tesla มีแค่ 76,000 คันเมื่อเทียบกับ GM อันดับ 2 ที่ขายได้มากถึง 10,000,000 คัน