31 ส.ค. 2018 เวลา 13:08
พิชัยยุทธฉบับสุมาอี้จากในยุคสามก๊ก
เคล็ดง่ายๆแต่ยังใช้ได้กับทุกยุคสมัย
สุมาอี้เคยกล่าวไว้ว่า
อันธรรมดาหลักสงครามมี 5 ประการ
1.สู้ได้ก็สู้
2.สู้ไม่ได้ก็ตั้งรับ
3.ตั้งรับไม่ได้ก็ถอย
4.ถอยไม่ได้ก็อ่อนน้อม
5.อ่อนน้อมไม่ได้ก็ตายเสีย
1
เรียกได้ว่า นี่เป็นเคล็ดความสำเร็จ
ถ้ายังไม่พร้อม ก็ต้องอดทนรอโอกาส
แต่ก็ต้องเสริมสร้างให้เกิดโอกาสและเตรียมพร้อม
และเมื่อมาถึงแล้ว ก็ต้องลงมือทำให้เร็วด้วย
เชื่อว่าผู้ที่ชื่นชอบสามก๊กส่วนใหญ่ทราบกันดีถึงความสำเร็จของ สุมาอี้ ผู้ชนะตัวจริงของยุคสามก๊ก ซึ่งเคล็ดลับสำคัญที่ผู้คนมักอ้างอิงถึงก็คือ การอดทนรอคอยโอกาส
แต่ถ้าสุมาอี้เอาแต่อดทนรอ รอแล้วรอเล่า โดยไม่สร้างโอกาสขึ้นเองเลย หรือเมื่อโอกาสมาถึงแล้วเขายังไม่ลงมือ ความสำเร็จก็คงไม่เกิดขึ้น
บันทึกประวัติศาสตร์ในจดหมายเหตุสามก๊ก เล่าเรื่องราวของเขาว่า
สุมาอี้ หรือ พระเจ้าจิ้นเซวียนตี้แห่งราชวงศ์จิ้น เป็นบุตรชายคนรองของสุมาฮอง ขุนนางชั้นสูงแห่งเมืองเฮอไน เมื่อวัยหนุ่มก็มีบุคลิกโดดเด่น แววตาคมดุจเหยี่ยว ท่วงท่าฉลาดปราดเปรียว ศีรษะสามารถเหลียวหลังได้หมุนรอบ ประดุจดั่งหมาป่ากำลังเหลียวหลังมอง
ต่อมา โจโฉได้ขึ้นเป็นใหญ่ในภาคกลางของจีน กำลังต้องการหาคนเก่งมาช่วยงานเพิ่ม เนื่องจากเขามีสัมพันธ์กับบิดาของสุมาอี้มาตั้งแต่สมัยเริ่มรับราชการ จึงมีคำสั่งเรียกตัวสุมาอี้มารับราชการด้วยในตำแหน่งเลขาธิการ
แต่สุมาอี้และครอบครัวมีความภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น จึงเห็นว่าถ้าไปรับใช้โจโฉตอนนี้ คงไม่ต่างอะไรจากการช่วยทำลายราชวงศ์ฮั่น
เขาจึงแสร้งป่วยเพื่อปฏิเสธโจโฉ
ภายหลังโจโฉคิดว่าสุมาอี้แกล้งป่วย จึงจะส่งทหารมาใช้กำลังบังคับ
ในที่สุด สุมาอี้เห็นว่าคงยื้อต่อไปไม่ได้อีก จึงยอมมารับราชการกับโจโฉ
ไม่นาน สุมาอี้ก็มาทำงานอยู่ใต้สังกัดรัชทายาทโจผี ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเร็วมาก แต่ก็ยังระวังตนเองอยู่เสมอ ทำงานโดยไม่แสดงออกว่าสนใจในลาภยศ สนใจกับหน้าที่การงานตรงหน้าเป็นหลักเท่านั้น
ภายหลังมาถึงสมัยโจยอย สุมาอี้ถูกระแวงจนโดนสั่งปลดจากตำแหน่งทางทหารทั้งหมด แม้ภายหลังจะได้รับตำแหน่งกลับคืนเพราะต้องไปทำหน้าที่รับศึกขงเบ้ง แต่ก็ทำให้สุมาอี้ต้องระแวงระวังตัวเอง แสดงว่าสนใจเพียงการต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเมือง ไม่ได้คิดทะเยอทะยานทางการเมือง
ต่อมาเมื่อโจยอยสิ้นชีพ สุมาอี้กลายเป็นหนึ่งในผู้สำเร็จราชการร่วมกับโจซองซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ที่อายุน้อยกว่าถึง 30 กว่าปี
ต่อมาโจซองระแวงว่าสุมาอี้จะชิงอำนาจ จึงหาทางยุแยงเพื่อปลดสุมาอี้จากการคุมกำลังทหาร
สุมาอี้รู้ว่าอีกฝ่ายคิดเล่นงานตน จึงเก็บตัวเพื่อรอโอกาส ถ้าหากฮ่องเต้ไม่มีรับสั่งเรียกใช้งานทางทหาร เขาก็จะไม่ขอรับตำแหน่ง ถ้าโดนเรียกจึงค่อยทำงานให้เต็มที่ แต่เมื่อหมดภารกิจ เขาก็ขอลาออกแล้วเก็บตัวอยู่บ้าน โดยอ้างว่าป่วยหนัก แล้วก็ให้ลูกชายสองคนทำเหมือนกันด้วย
แต่ระหว่างนั้น สุมาอี้ซ่องสุมกำลังคนที่ไม่พอโจซองและพรรคพวกไว้อย่างลับๆ
กระทั่งเมื่อโอกาสมาถึง โจซองส่งคนมาตรวจอากรเขาถึงที่บ้าน สุมาอี้จึงแสร้งป่วยหนัก ทำเป็นสติเลอะเลือนได้สมจริง จนโจซอหลงเชื่อ ไม่ได้คิดระแวงอีก
ภายหลังเมื่อโจซองเชิญฮ่องเต้ออกไปล่าสัตว์และไหว้สุสานบรรพบุรุษแล้วยกกำลังคนของตนออกไปจากเมืองหลวง
สุมาอี้ที่กำลังรอโอกาสมานานถึง 8 ปี ก็สั่งให้กำลังคนกว่า 3,000 ที่เตรียมไว้ ไปกระจายกำลังเข้าคุมจุดสำคัญในเมืองหลวง แล้วเดินทางเข้าวังเพื่อไปเกลี้ยกล่อมไทเฮาให้ออกราชโองการ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการเอาผิดโจซองและพวก
ขณะนั้นพวกโจซองที่อยู่นอกเมือง กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว จะยกกำลังกลับมาสู้ก็ไม่กล้า เพราะสุมาอี้ก็เล่นไม้อ่อน ด้วยการส่งคนออกไปเกลี้ยกล่อมว่าถ้ายอมจำนนจะละเว้นชีวิต แล้วยังให้ทรัพย์สิน พอจะเป็นเศรษฐีย่อมๆได้
โจซองยอมจำนน คิดว่าตนเองคงจะรอด แต่สุดท้ายแล้ว สุมาอี้ก็จัดการถอนรากถอนโคนทั้งหมด
สุมาอี้หาเหตุซัดความผิดโจซองและพวกหลายกระทง แล้วสั่งประหารทั้งหมด จากนั้นสุมาอี้และลูกชายก็กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
เชื่อว่าโจโฉเองเองก็คงไม่ได้คาดคิดว่า สุมาอี้จะไปไกลจนกลายเป็นผู้ชนะในตอนท้าย แล้วแม้กระทั่งตัวสุมาอี้เอง ในตอนแรกก็คงไม่ได้คาดคิดเรื่องชิงอำนาจหรือเป็นใหญ่ไว้ตั้งแต่แรกเช่นกัน เพียงแค่ทำงานตามหน้าที่ไปตามสมควรและให้ดีที่สุดเท่านั้น
แต่เมื่อสถานการณ์พาไป เมื่อโอกาสเกิดขึ้น เขาก็คว้าไว้ในที่สุด
เรื่องของสุมาอี้เป็นกรณีศึกษาน่าสนใจ ในแง่ของคนที่เฝ้าอดทนรอโอกาสหลายครั้ง แต่ระหว่างนั้นก็ไม่ได้เอาแต่รออย่างเดียว พยายามเตรียมความพร้อมทุกอย่างไว้ แล้วเมื่อถึงเวลา ก็เดินหน้าทำเป้าหมายทันที
เรื่องนี้ยังมีการนำมาศึกษาและพูดถึงในวงธุรกิจจีนจนถึงทุกวันนี้ครับว่า การจะเสี่ยงลงทุนนั้น ต้องรอดูจังหวะ โอกาส แต่ถ้ามาถึงแล้ว ต้องคว้าไว้ อย่าตกขบวนไป เพราะโอกาสทองมันไม่ได้มาบ่อยๆ และบางทีอาจมีครั้งเดียว
หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนที่ดีให้ทุกท่านครับ
หากชอบเรื่องราวเหล่านี้ สามารถติดตามอ่านได้จากเพจ
สามก๊ก & เซ็นโกคุ
โฆษณา