Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
12 ก.ย. 2018 เวลา 12:54
คดีสยองขวัญบันลือโลก มีดแทงมือ 1 ของโลกกลางคอร์ตเทนนิส เรื่องราวมันเป็นอย่างไร และมันเปลี่ยนโฉมหน้าวงการกีฬาแบบไหน วิเคราะห์บอลจริงจังเขียนให้คุณอ่าน
ในวงการเทนนิส มีข้อถกเถียงกันอยู่บ้าง ว่าใครคือนักกีฬาหญิงที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาล
ระหว่างเซเรน่า วิลเลียมส์ เจ้าของสถิติแกรนด์แสลม 23 รายการ และนักกีฬาหญิงผู้ทำเงินสูงสุดตลอดกาล
กับอีกคนคือ สเตฟฟี่ กราฟ อัจฉริยะชาวเยอรมัน ที่เป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ทำโกลเด้นสแลมได้ นั่นคือ 4 แชมป์แกรนด์แสลมในปีเดียว บวกกับเหรียญทองโอลิมปิก
ซึ่งเรื่องนี้ ก็คงเป็นดีเบทกันต่อไปอีกนาน กับสองฮีโร่ ที่โดดเด่นคนละยุค ว่าใครคือ "ที่สุด" มากกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม ข้อถกเถียงนี้ ตามจริงแล้ว ไม่ควรมีแค่ 2 คน เซเรน่า กับ กราฟ แต่มันควรมีคนที่ 3 ที่ถูกรวมด้วย
คนคนนั้น มีชื่อว่า โมนิก้า เซเลส
ถ้าเพียงแค่ไม่เกิดเหตุสลดนั้นกับเธอ ...
ชะตาชีวิตของเซเลส พลิกผันอย่างรวดเร็ว จากว่าที่ราชินีคนใหม่แห่งเทนนิสหญิง กลายมาเป็น เหยื่อผู้น่าสงสาร
เธอโดนมีดแทง กลางคอร์ตเทนนิส ท่ามกลางแฟนกีฬามากมายหลายพันคน เธอโดนคนเอามีดมาแทงกันซึ่งๆหน้า และไม่มีใครทำอะไรได้เลย
เหตุการณ์สำคัญที่สุด ที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของวงการเทนนิสไปตลอดกาล เกิดขึ้น ในวันที่ 30 เมษายน ปี 1993
วงการเทนนิสหญิง แบ่งความยิ่งใหญ่เป็นเจเนเรชั่น
ในยุค 1970 เป็นการชิงชัยของตำนานหลายคน อย่าง บิลลี่ จีน คิง, มาร์กาเร็ต คอร์ต รวมถึง คริส เอเวิร์ต
จากนั้นยุค 1980 เป็นยุคของมาร์ติน่า นาฟราติโลว่า แต่พอเข้าสู่ปี 1987 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อสาวน้อยอัจฉริยะ ที่ชื่อว่า สเตฟฟี่ กราฟ พุ่งพรวดขึ้นมาแบบที่ไม่มีใครตั้งตัว
ด้วยวัยยังไม่เต็ม 18 ปีดี กราฟคว้าแชมป์แกรนด์แสลมแรกของตัวเอง คือเฟรนช์ โอเพ่น 1987 และจากนั้นมาก็ไม่มีใครหยุดเธออยู่อีกต่อไป
ปี 1988 กราฟ วัย 19 สร้างความมหัศจรรย์ในวงการเทนนิส เธอคว้าแชมป์แกรนด์แสลมครบทั้ง 4 รายการในปีปฏิทินเดียว รวมถึงได้เหรียญทองโอลิมปิก ที่กรุงโซลอีกต่างหาก
ผู้คนเรียกชัยชนะ 5 รายการใหญ่ในปีเดียวว่า "โกลเด้นสแลม" ซึ่งตั้งแต่กีฬาเทนนิสก่อตั้งมา ไม่เคยมีใคร ไม่ว่าจะชายหรือหญิงทำได้มาก่อน กราฟ เธอคือคนแรก
นับจากออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 1988 จนถึง ออสเตรเลียน โอเพ่น 1990 แกรนด์แสลมทั้งหมด 9 รายการ กราฟ คว้าไป 8 รายการ ไม่มีใครต้านทานเธอได้เลย
ด้วยความเก่งกาจหาตัวจับยาก และหน้าตาที่งดงาม ขาเรียวสวย บวกกับบุคลิกที่สุขุม ดูเท่ น่าค้นหา ทำให้กราฟได้รับความนิยมสูงมากๆ ในวงการกีฬาโลก
โลกเทนนิสตอนนั้น ยังนึกไม่ออกว่า จะมีใครมาเทียบชั้นเธอได้ ทั้งเรื่องฝีมือ และเรื่องคาแร็กเตอร์นอกสนาม
จนเมื่อ ถึงเฟรนช์ โอเพ่น ปี 1990 นั่นแหละ มีสาวน้อยมหัศจรรย์คนใหม่ ที่จะมาแย่งชิงบัลลังก์มือ 1 ของโลก จากกราฟ
เธอคนนั้นคือ โมนิก้า เซเลส
เซเลส นักเทนนิสสาวที่เกิดในยูโกสลาเวีย แต่แปลงสัญชาติเป็นอเมริกัน เธอคือความมหัศจรรย์ครั้งใหม่ของวงการเทนนิส
ตอนที่ได้แชมป์ เฟรนช์ โอเพ่น ปี 1990 เธอมีอายุ 16 ปีกับ 6 เดือน เป็นนักเทนนิสอายุน้อยที่สุดตลอดกาลที่ได้แชมป์เฟรนช์โอเพ่นด้วย
จากนั้นมา ในช่วง 4 ปี 1990,1991,1992 และ 1993 เธอ ระเบิดฟอร์มสุดยอด คว้าแชมป์แกรนด์แสลมได้ 8 รายการ
หลังจบออสเตรเลียน โอเพ่นปี 1993 กราฟได้แกรนด์แสลม 12 รายการ ส่วน เซเลสได้ 8 รายการ
ทั้งคู่ คือคู่ปรับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการเทนนิสหญิง ถ้าเปรียบเทียบกับเทนนิสชาย ก็คือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ ราฟาเอล นาดาล ทั้งสองคนบดบี้กันเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่ง
แต่ตอนนี้ ดูเซเลส จะมาแรงกว่า เธอเอาชนะสเตฟฟี่ กราฟ ได้ในรอบชิงแกรนด์แสลม 3 จาก 4 ครั้งที่เจอกัน และตอนนี้ เซเลส คือนักเทนนิสเบอร์ 1 ของโลก ด้วยวัย 19 ปีเท่านั้น
ว่ากันตรงๆ อายุ 19 ยังได้แชมป์มากมายขนาดนี้ ตอนเธอแขวนแร็กเกตในวัย 34-35 ปี เธอคงทำลายสถิติ 24 แกรนด์แสลมของมาร์กาเร็ต คอร์ต ได้สบายๆเลย
หลังจากได้แชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่น 1993 เซเลส ก็ลงแข่งต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมก่อนถึงเฟรนช์โอเพ่น
เธอเข้าร่วมการแข่งขันคอร์ตดิน รายการซิตี้เซนชิพ คัพ ที่ฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมัน และเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้ายได้ตามคาด
ในวันที่ 30 เมษายน 1993 การแข่งรอบควอเตอร์ไฟนอล เป็นการพบกันระหว่าง มือ 1 ของรายการ โมนิก้า เซเลส พบ กับมักดาลีน่า มาลีว่า จากบัลแกเรีย
เซเลสชนะเซ็ตแรก 6-4 และนำอยู่ในเซ็ตที่ 2 ด้วยสกอร์ 4-3 ดูๆแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร เธอเล่นดีกว่าเยอะ และน่าจะเข้ารอบต่อไปแน่ๆ
พอเซเลส ขึ้นนำ 4-3 เธอไปนั่งพักที่ม้านั่งของตัวเอง และเตรียมลงแข่งในเกมต่อไป ปรากฎว่า มีชายเยอรมันคนหนึ่งวัย 38 ปี ชื่อกุนเธอร์ พาร์ช แฝงเข้ามากับกลุ่มคนดู ดูเผินๆเขาก็เหมือนแฟนเทนนิสปกติ
ในยุคนั้น ม้านั่งของนักกีฬา จะอยู่ติดกับอัฒจันทร์ผู้ชม แฟนๆจะใกล้ชิดผู้เล่นมาก ห่างกันไม่ถึง 1 เมตร คือสามารถเอามือสัมผัสตัวกันได้เลย ระบบความปลอดภัยยุคนั้น มีความหละหลวมมากๆ
กุนเธอร์ พาร์ช เข้ามาถึงตัวเซเลส ที่กำลังนั่งพักรอเกมต่อไป ทันใดนั้น ด้วยความที่ไม่มีใครคาดคิด เขาเอามีดยาว 9 นิ้ว ที่พกมาในกระเป๋า แทงเข้าไปที่กลางแผ่นหลังของโมนิก้า เซเลส
เซเลส กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มีดปักเข้าไปที่แผ่นหลังเธอ ราวๆ ครึ่งนิ้ว บริเวณใกล้กับกระดูกสันหลัง คือถ้าเขาเสียบได้ถูกจุด เธออาจเป็นอัมพาตได้เลย
แต่เขาไม่ได้แทงมีดโดนที่กระดูกสันหลังโดยตรง คือมันเยื้องออกมาอย่างฉิวเฉียดจริงๆ แต่แค่นั้น เซเลสก็เจ็บปวดอย่างทรมานแล้ว เธอล้มลงไปกองกับคอร์ต
คนดู 6,000 คน ในสนามตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนที่อยู่ใกล้เหตุการณ์ช่วยกันล็อกตัวคนร้ายเอาไว้ ขณะที่หน่วยรักษาความปลอดภัย รีบเข้ามาดูอาการของเซเลสทันที
เซเลสไม่มีทางเล่นต่อไหว เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ทำให้ในเกมนั้น เธอแพ้บาย (เพราะโดนแทง) และเป็นมักดาลีน่า มาลีว่า เข้ารอบรองชนะเลิศต่อไปแทน
แพทย์ผู้ให้การรักษาระบุว่า เซเลส "โชคดี" ที่มีดเข้าไม่ลึกเกินไป (1.5 เซ็นติเมตร) และไม่โดนในจุดสำคัญ ใช้เวลารักษาตัวราว 4 สัปดาห์ น่าจะหายดี และเธอน่าจะกลับมาลงแข่งในวิมเบิลดัน ในปีนั้นได้
อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญกว่า คือเรื่องสภาพจิตใจ เซเลส คือเด็กวัย 19 ปีเท่านั้น เธอร่างกายหายดีแล้วก็จริง แต่ยังมีอาการขวัญผวา แค่เธอนั่งที่ม้านั่ง ต้องหันหลังให้คนดู เธอก็ขนลุกเกรียวแล้ว เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
เซเลส ไม่สามารถแข่งเทนนิสอาชีพได้ ถึง 2 ปีเต็มๆ เธอต้องเข้าไปพูดคุยกับจิตแพทย์เพื่อช่วยเยียวยา ความหวาดผวา เธอกลัวไปหมด กลัวเกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกรอบ
การไม่ได้ลงเล่น 2 ปีติดต่อกัน ทำให้จากนักเทนนิสที่อยู่ในฟอร์มพีก ได้แชมป์แกรนด์แสลมมา 8 รายการ และพร้อมจะเป็นตำนานคนใหม่ แต่พอเจอมีดแทงเข้าไปครั้งนั้น เธอเป็นโรคเครียด น้ำหนักตัวเธอพุ่งพรวดไป 30 กิโลกรัม
ตอนนี้เธอไม่เหลือสภาพมือหนึ่งของโลกเลย
กว่าเธอจะรวบรวมความกล้า กลับมาซ้อม กลับมาแข่งได้ ก็ต้องรอจนถึงปี 1995 อย่างไรก็ตาม เธออาจกลับมาได้ก็จริง แต่ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
อีก 15 ปี ต่อจากนั้น (1995-2008) ในฐานะนักกีฬาอาชีพ เธอได้แชมป์แกรนด์แสลมอีกแค่ 1 รายการ ก่อนจะแขวนแร็กเกต ในปี 2008 ไปแบบน่าเศร้า ในวัย 34 ปี โดยไม่มีคนพูดถึงเธอมากนัก
คนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ คือ กุนเธอร์ พาร์ช แฟนเทนนิสชาวเยอรมัน เขาคือแฟนพันธุ์แท้แบบเดนตาย ของสเตฟฟี่ กราฟ
กุนเธอร์ พาร์ช คิดว่า ถ้าไม่มีเซเลสสักคน กราฟก็คงกลับมาเป็นมือหนึ่งของโลกอีกครั้ง และคงจะยึดครองความยิ่งใหญ่ ในวงการเทนนิสแต่เพียงผู้เดียว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบข้อมูลมาว่า กุนเธอร์ พาร์ช วางแผนเรื่องนี้ไว้นานแล้ว เขาตามดูเธอลงแข่งขันมานานกว่า 3 เดือน และทันทีที่เซเลส ตอบตกลงจะมาแข่งที่ฮัมบูร์ก เขาก็รู้ว่า มันเป็นโอกาสดีที่จะเข้าถึงตัวเธอได้ง่ายที่สุด
จังหวะที่เขาแทงเซเลส เจ้าตัวไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย พยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า พาร์ช เดินเข้ามา ควักมีดออกจากกระเป๋าสีเขียว แล้วเสียบมันไปตรงๆ เขาคิดมาอย่างดีแล้วจริงๆ
การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในตอนแรก เขาได้รับข้อหาพยายามฆ่า
นั่นเพราะการค้นหลักฐานในตัวพาร์ช ยังพบตั๋วเครื่องบิน เพื่อบินไปกรุงโรม ประเทศอิตาลีอีกด้วย เนื่องจาก โมนิก้า เซเลส หลังจากแข่งที่ฮัมบูร์กเสร็จ เธอจะเดินทางไปแข่งรายการ โรม ทัวร์นาเมนต์ที่อิตาลีต่อ
ดังนั้น ถ้ากุนเธอร์ พาร์ช ทำร้ายเซเลสครั้งนี้ไม่สำเร็จ เขาเตรียมแผนต่อไปไว้แล้ว คือเล่นงานเธอที่อิตาลี นี่เป็นแผนการที่วางไว้อย่างดี และส่อให้เห็นถึงเจตนาชัดๆ
อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปของศาล ปรากฎว่าจากโทษ "พยายามฆ่า" ลดระดับเหลือเพียงแค่ "พยายามทำร้ายร่างกาย" เท่านั้น
ศาลชี้ชัดว่า กุนเธอร์ พาร์ช มีอาการผิดปกติทางสมอง บวกกับเป็นความผิดครั้งแรก และที่สำคัญศาลมองว่า เป็นอาการบาดเจ็บเล็กน้อย เนื่องจากเซเลส พักรักษาตัวแค่ 1 เดือนเท่านั้น
นั่นทำให้สุดท้าย กุนเธอร์ พาร์ช ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว โดยเจ้าตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชในช่วงสั้นๆ ก่อนสุดท้าย พาร์ช ก็กลับออกมาใช้ชีวิตในสังคมตามปกติ
คำตัดสินของศาลเยอรมัน ทำให้ เซเลส ประกาศว่า จากนี้ไปเธอจะไม่มีวันกลับไปเหยียบแผ่นดินเยอรมันอีก
เซเลส กลายเป็นโรคหวาดระแวง เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ พาร์ช จะปลอมตัวมากับฝูงชน และอาจจะทำร้ายเธอรุนแรงกว่าที่ผ่านมาก็ได้ ในเมื่อเขายังลอยนวลอยู่ในสังคมอย่างนั้น อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
"ฉันพยายามที่จะไม่ให้หน้าของเขามันหลอกหลอน แต่มันทำไม่ได้ และเสียงกรีดร้องของฉันในวันนั้น มันจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป" เซเลสเผย
"ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมชายคนนั้น ถึงไม่ต้องรับโทษอะไร ในสิ่งที่เขาก่อเลย"
ร่างกายอาจจะหายดีแล้ว แต่จิตใจของเซเลส ไม่ได้รับการเยียวยาเลย
หลังจากเซเลส ลงแข่งไม่ได้ และพักยาวไป 2 ปี ในช่วง 2 ปีนั้น สเตฟฟี่ กราฟ กลับมาเป็นมือ 1 ของโลกอีกครั้ง และครองอำนาจ ในวงการเทนนิสหญิง แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ตลอดอาชีพของกราฟ เธอครองมือ 1 ของโลกยาวนานถึง 377 สัปดาห์ เธอแข็งแกร่ง ไร้คู่ต่อกร จะมีก็ อรันซ่า ซานเชซ วิคาริโอ โผล่ขึ้นมาในช่วงสั้นๆ แต่รวมๆแล้ว กราฟ ก็ยังเป็นเบอร์ 1 อยู่ดี
จนเธอประกาศรีไทร์ไปเองเมื่อปี 1999 ตอนอายุ 30 ปีนั่นแหละ จึงเข้าสูุ่ยุคใหม่ของเทนนิสหญิง อย่างเต็มตัว
สำหรับเรื่องของกุนเธอร์ พาร์ช ตัวกราฟเองก็ได้ผลกระทบไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งๆที่เธอเองไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลย
กราฟ ก็เล่นเทนนิสตามปกติด้วยความเป็นมืออาชีพ แต่มันมีแฟนมาคลั่งไคล้เธอเอง และไปทำเรื่องบ้าๆนั้นลงไป แต่คนที่โดนหางเลขด้วยก็คือเธอ
ในเฟรนช์ โอเพ่น 1993 สเตฟฟี่ กราฟ ได้แชมป์ โดยตอนนั้น เซเลส รักษาอาการบาดเจ็บอยู่ ตอนที่กราฟต้องพูดกับโฆษกตอนคว้าแชมป์ เธอไม่ได้เอ่ยชื่อถึง โมนิก้า เซเลส ก็มีเสียงวิจารณ์ว่า ทำไมกราฟ ไร้สปิริตแบบนั้น ถ้าเซเลสไม่เจ็บ เธอคงไม่ได้แชมป์ง่ายๆแบบนี้หรอก ไม่รู้ตัวหรอ
กลายเป็นว่ากราฟโดนวิจารณ์แบบนั้นไป
ขณะที่ แชมป์ 22 แกรนด์แสลมที่เธอทำได้ ก็มีคำถามมาเรื่อยๆว่า ถ้าเซเลสไม่โดนแทง กราฟจะได้ถึง 22 แกรนด์แสลมจริงๆหรอ?
มันแสดงให้เห็นว่า ความคลั่งที่งี่เง่าของกุนเธอร์ พาร์ช นอกจากจะทำลายชีวิตของคู่แข่งตัวฉกาจอย่างเซเลส อย่างไม่มีชิ้นดีแล้ว ยังทำลายความยิ่งใหญ่ของสเตฟฟี่ กราฟไปด้วย แบบที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย
จากเหตุการณ์ของโมนิก้า เซเลส ทำให้วงการเทนนิสหันมาสนใจเรื่องความปลอดภัยของนักกีฬามากขึ้น
มีการเว้นระยะที่นั่ง จากนักกีฬากับกองเชียร์ไม่ให้ถึงเนื้อถึงตัวกันได้อีก มีการส่งเจ้าหน้าที่ แฝงตัวในสนามแข่งเพื่อสอดส่องแฟนกีฬาที่ส่อแววจะสร้างปัญหา ขณะที่นักกีฬาแต่ละคนมีการจ้างการ์ดส่วนตัว เพื่อรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ
รายการต่างๆ จากที่เคยละเลยเรื่องการรักษาความปลอดภัย ได้เรียนรู้ว่ามันสำคัญมากจริงๆ
แต่คนที่ต้องยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น นั่นคือโมนิก้า เซเลส
จากสาวน้อยมหัศจรรย์ ที่พร้อมจะกลายเป็น ตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนต่อไป เธอกลับกลายต้องมาหวาดระแวงการโดนทำร้ายไปตลอดชีวิต
"แค่เสี้ยววินาทีที่เขาแทง แต่มันเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล"
ขณะที่สเตฟฟี่ กราฟ อยู่ดีๆของตัวเองแท้ๆ ก็มากลายเป็นแพะรับบาปซวยไปด้วย ทั้งๆที่เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
เรื่องนี้ ไม่มีใครสักคนที่มีความสุข
ความรักเป็นสิ่งดี เป็นสิ่งสวยงาม แต่ความรัก ก็ควรอยู่ในระดับที่เหมาะสม และพอดี
เพราะความรักที่มากเกินไป สุดท้าย ... มันทำร้ายทุกคน
#Seles #Graf
7 บันทึก
186
4
2
7
186
4
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย