Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลิตเติ้ลแมน
•
ติดตาม
10 ต.ค. 2018 เวลา 16:01
พอล เกตตี(Paul Getty) เศรษฐีพันล้านคนแรกของสหรัฐอเมริกา | By Little Man
ในปัจจุบัน หากพูดถึงมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก หลายท่านคงจะนึกถึง เจฟฟ์ เบซอส(Jeff bezos) ผู้ก่อตั้ง Amazon บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา
แต่ถ้าย้อนกลับไปในช่วงปี ค.ศ. 1970 ชื่อของ พอล เกตตี คงจะถูกพูดถึงว่าเป็น มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก แทน
พอล เกตตี คือใคร ?
พอล เกตตี เป็นลูกชายคนเดียวของ จอร์จ เกตตี(พ่อ)และ ซาราห์ เกตตี(แม่)
พ่อของเขา เป็นทนายความที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ในช่วงปี ค.ศ. 1903 ขณะที่พอล อายุได้เพียง 11 ขวบ
ยุคนั้น เรียกได้ว่าเป็นยุคเริ่มต้นของการขุดเจาะน้ำมัน พ่อของเขาจึงได้ลองเสี่ยงเข้าไปพัฒนาการขุดบ่อน้ำมันที่รัฐโอคลาโฮมา(Oklahoma City)
ด้วยความโชคดี พ่อของเขาสามารถขุดเจาะน้ำมันได้ถึง 42 แห่ง จากทั้งหมด 43 แห่ง
และสิ่งนี้จึงทำให้ครอบครัวของเขา ร่ำรวยมากยิ่งขึ้น
ในช่วงที่เขาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย เขาได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่คณะเศรษศาสตร์และคณะรัฐศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
เขาตั้งใจว่า หลังจากเรียนจบจะกลับมาเป็น นักการทูต ให้ได้
แต่แล้ว ความฝันของการเป็นนักการทูต ก็ได้แปรเปลี่ยนไป
เมื่อในปี ค.ศ. 1914 ธุรกิจการขุดเจาะน้ำมันของพ่อเขา เฟื่องฟูสุดขีด
พ่อของเขา จึงได้เสนอให้เขาลองทำงานในวงการขุดเจาะน้ำมัน 1 ปี หากไม่ถูกใจก็ไปทำงาน เป็นนักการทูต ตามที่ตั้งใจไว้
ขณะนี้ทุกท่านคงกำลังคิดว่า การเป็นลูกเจ้าของบริษัทขุดเจาะน้ำมัน คงจะสบาย เพียงแค่วางแผนและสั่งงานคนงานคนอื่น เพียงเท่านั้น
แต่มันกลับไม่ใช่กับชายที่ชื่อว่า พอล เกตตี
เนื่องจากพ่อของเขาสั่งว่า ห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าเป็นลูกของเจ้าของบริษัท
โดยคนงานจะเรียกเขาว่า เฮย์(Hey) แทนชื่อจริงของตัวเขา
เขาต้องเริ่มทำงานจากตำแหน่งที่ต่ำสุด โดยเริ่มจาก เป็นผู้ช่วยขุดเจาะน้ำมัน โดยต้องทำงานวันละ 12 ชั่วโมง และได้ค่าจ้างเพียง 3 ดอลลาร์สหรัฐ
ดูเหมือนว่า การเป็นลูกเจ้าของบริษัท ที่ต้องทำงานหนัก ต้องพักกินข้าวร่วมกับคนงานคนอื่น ต้องทำงานจนมือทั้งสองข้างบวมและพอง
จะทำให้พอล เลือกปัดข้อเสนอของพ่อเขา และกลับไปเป็นนักการทูต ตามที่ฝันเอาไว้
แต่มันกลับไม่ใช่
เพราะเขาได้ล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักการทูต แล้วก้าวเข้าสู่ธุรกิจขุดเจาะน้ำมันอย่างเต็มตัว
การลงทุนครั้งแรกของพอล เกตตี คือการที่ต้องไปเข้าร่วมประมูลแท่นขุดเจาะน้ำมัน
ในช่วงเวลานั้น มีการประมูลการขุดเจาะน้ำมันที่มีมูลค่าลงทุนประมาณ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 500,000 บาท) โดยเงินลงทุนที่พ่อให้แก่เขามันไม่เพียงพอในการประมูล
แต่ด้วยไหวพริบทางด้านธุรกิจของเขา เขาจึงเข้าร่วมประมูลโดยใช้ตัวแทน โดยเป็นเพื่อนของเขาซึ่งเป็นนายธนาคาร
คู่แข่งที่ร่วมประมูลต่างคิดว่า มีนายธนาคารจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่เข้าร่วมประมูลครั้งนี้ เลยไม่มีใครกล้าเข้าร่วมประมูล
จึงทำให้พอล สามารถประมูลแท่นขุดเจาะน้ำมันไปด้วยราคาเพียงแค่ 500 ดอลลาร์สหรัฐเพียงเท่านั้น(ประมาณ 17,000 บาท)
จากการประมูลครั้งนี้ ทำให้เขาสามารถขุดเจาะน้ำมันได้มากถึงวันละ 500 บาร์เรล ซึ่งน้ำมันดิบในขณะนั้นมีราคาบาร์เรลละ 25 เซ็นต์
เขาจึงสามารถทำเงินได้วันละ 125 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพียงแค่ 4 วันก็สามารถถอนเงินที่ลงทุนไปได้ทั้งหมด
สิ่งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จัก รสชาติความสำเร็จในชีวิต
หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จในการขุดเจาะน้ำมัน เขาได้ขายน้ำมันให้บริษัทขนาดใหญ่ในราคา 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 1.3 ล้านบาท)
และได้มาเปิดบริษัท เกตตีออยล์ ในปี ค.ศ. 1916 โดยดำเนินธุรกิจร่วมกับพ่อของเขา
หลังจากนั้นเพียงแค่ 2 ปี พอลก็สามารถหาเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่อายุเพียงแค่ 24 ปี
ด้วยโชคชะตา ความรู้ ความทุ่มเท และความพยายาม ก็ทำให้เขาสามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆโดยเฉพาะวิกฤตเศรษฐกิจ ในปี ค.ศ. 1929
และทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านคนแรกของสหรัฐอเมริกาได้ ในที่สุด
ดูเหมือนว่า ชีวิตของเขาจะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกท่านในการดำเนินชีวิตรวมไปถึงการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี
แต่คงไม่ใช่กับเรื่องของครอบครัว
เพราะเขาแต่งงานถึง 5 ครั้ง และก็หย่าทั้งหมด 5 ครั้งเช่นเดียวกัน
เขามีลูกชายอยู่ทั้งหมด 5 คน แต่เขากลับไม่เคยได้ใกล้ชิดและเลี้ยงดูลูกๆทั้งหมดเลย
เนื่องจาก เขาทำงานวันละ 16-17 ชั่วโมงต่อวัน จนแทบไม่มีเวลาเหลือให้กับครอบครัว หรือดูแลอบรมลูกชายของตัวเอง
สุดท้ายในบั้นปลายชีวิตจึงไม่มีภรรยาคนไหนที่คอยอยู่เคียงข้างเขา เพราะคงไม่มีใครที่อยากอยู่กับมหาเศรษฐีพันล้านที่เอาแต่สนใจงาน โดยไม่สนใจครอบครัว
และสุดท้าย ปี ค.ศ. 1976 พอล เกตตี ก็ได้เสียชีวิตลง ด้วยอายุ 84 ปี
แต่สิ่งที่เขาได้ฝากเอาไว้ให้กับสังคม ก็คือ มูลนิธิพอล เกตตี พิพิธภัณฑ์พอล เกตตี หอศิลป์ และสถาบันวิจัย ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดเกิดจาก ทรัพย์สินของตัวเขาเอง
เพราะสุดท้ายแล้ว
ความสุขจริงๆในชีวิต อาจไม่ใช่การเป็นเศรษฐีพันล้าน
แต่อาจเป็นแค่ คนธรรมดาที่ได้ช่วยเหลือสังคม และได้อยู่กับครอบครัวที่เขารัก จนถึงบั้นปลายของชีวิต
>>ขอบคุณแหล่งข้อมูลดีดีจาก :
https://en.m.wikipedia.org/wiki/J._Paul_Getty
The Autobiography of J.Paul Getty Book
https://www.biography.com/people/j-paul-getty-9309884
8 บันทึก
115
9
1
8
115
9
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย