9 พ.ย. 2018 เวลา 01:20
ROE ย่อมาจาก Return on Equity มีค่าเป็น %
 
คำนวณโดยเอา กำไร หารด้วย ส่วนของผู้ถือหุ้น
ตัวเลขที่ได้จากการคำนวณนี้บ่งบอก ความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ต่อ ส่วนของผู้ถือหุ้น ถ้าตัวเลขนี้มากแปลว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรมาก
กำไรทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า คืออะไร
แต่ส่วนของผู้ถือหุ้น คืออะไร?
ส่วนของผู้ถือหุ้น คือ ส่วนของทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทหักออกด้วยหนี้สินของบริษัท
ถ้าให้ยกตัวอย่างบริษัทให้ชัดเจนขึ้น
บริษัท CPALL เจ้าของ 7-11 จะมี ROE เท่าไหร่ ในปี 2560 ?
กำไรสุทธิ 19,908 ล้านบาท
 
ส่วนของผู้ถือหุ้น 65,265 ล้านบาท (เฉลี่ยต้นปีและปลายปี)
ดังนั้น ROE เท่ากับ 30.5%
หมายความว่า CPALL ใช้ส่วนของผู้ถือหุ้น 100 บาท ในการทำกำไรได้ 30.5 บาท
ถ้าตัวเลข ROE อยู่ในระดับ 20% ขึ้นไป ถือว่าประสิทธิภาพการทำกำไรอยู่ในระดับสูง
ตัวเลขนี้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละธุรกิจ
โดยทั่วไป ธุรกิจที่มีแบรนด์ มีความสามารถในการแข่งขัน และใช้ทุนในการขยายกิจการน้อย จะมี ROE ที่สูงกว่า เพราะเราสามารถทำกำไรได้มากเมื่อเทียบกับเงินทุนของเรา
สำหรับธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง และต้องใช้ทุนสูง จะมี ROE ที่น้อย
รวมถึงสำหรับบริษัทที่มีทรัพย์สินเยอะเกินไป หรือเก็บเงินไว้กับบริษัทเยอะเกินไป แต่ไม่สามารถทำกำไรได้ ก็อาจส่งผลให้มี ROE ที่แย่ได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย
 
แต่โดยทั่วไปแล้ว สำหรับบริษัทที่แข็งแกร่ง ไม่เก็บเงินในบริษัทมากเกินไป และ จ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ จะสามารถรักษา ROE ที่สูงอยู่ในระดับ 20% ขึ้นไปได้อย่างสม่ำเสมอ และถือเป็นตัวชี้วัดว่าบริษัทนั้นเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพได้..
ซื้อหนังสือลงทุนแมน 7.0 ได้แล้ววันนี้
โฆษณา