ขาดทุนทางความรู้สึก
ฉันเห็นข้อความนี้มาซักพักใหญ่ๆแล้วค่ะ รู้สึกประทับใจกับคำกล่าวของดร.นิเวศน์มากเลย ทั้งในแง่ของการลงทุน และในแง่ของชีวิตประจำวัน
ในแง่การลงทุนฉันก็(พยายามจะเป็น)นักลงทุนแนว VI ค่ะ หลายครั้งพอเปิดพอร์ตแล้วเห็นหุ้นตก ก็จะรู้สึกเซ็งๆไปเยอะเหมือนกัน ก็มักจะนึกถึงประโยคนี้ตลอดเลย พร้อมกับเหตุผลประกอบของตัวเอง อาทิ
1.เอาน่าขาดทุนไม่กี่บาทเองเงินพอร์ตเราจึ๋งเดียว
2.ยังเด็กอยู่น่าเดี๋ยวค่อยๆศึกษาค่อยๆปรับไป ยังมีเวลาอีกเยอะเนอะ
และ 3.ไม่เห็นจะเป็นไรเลย แค่ขาดทุนทางความรู้สึกนิดหน่อยเอง อิอิ
กลายเป็นว่าพอนึกถึงข้อ 3 ทีไร ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราไม่ใช่ความผันผวนของตลาด แต่เป็นความรู้สึกของตัวเองที่คาดหวังต่อตลาดและคาดหวังต่อกำไร เราเลยต้องพยายามจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ของเราเอง ด้วยการช่างมันและวนกลับไปที่ข้อ 1 และ 2 ใหม่ 😂
แต่หลังๆฉันก็เอาประโยคนี้มาใช้ในเรื่องของความสัมพันธ์ด้วยค่ะ
ฉันนึกเสมอว่า ตัวฉันควรเป็นต้นทุนที่ 100 บาท มีความสุข ใช้ชีวิต ได้อย่างเต็มที่ ไม่รู้สึกขาดหายอะไร เมื่อมีใครซักคนเข้ามาในชีวิต ฉันจะถือว่าเป็นกำไรที่ทำให้ชีวิตฉันกลายเป็น 120 บาท 200 บาท หรือ 500 บาท ช่วงนี้ก็ let profit run ไปค่ะ
แต่หากวันนึงเราเริ่มรู้สึกว่ากำไรในชีวิตเราเริ่มลดลง ความสัมพันธ์ที่มีเริ่มย่ำแย่ หรือเธอคือหุ้นเลวสำหรับเราแล้วอ่ะ เราก็ควรจะหาทาง cut loss ให้ไวที่สุด
อย่างน้อย เราควรจะได้ต้นทุนที่ 100 บาท กลับคืนมา สุดท้ายสิ่งที่เราหายไปก็จะเป็นเพียงแค่กำไรทางความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้น(หรือความทรงจำดีๆระหว่างกัน)เท่านั้น
แต่เราจะต้องไม่สูญเสียตัวตนของเราไป เรายังมีความสุข และใช้ชีวิตได้ต่อไป (ต้นทุน 100 บาทยังคงเหลือครบ) ลงทุนในหุ้นตัวใหม่ได้อีก เย้ สบายมาก
อย่าให้การเข้ามาหรือหายไปของใครคนหนึ่งมามีผลต่อชีวิตประจำวันของเรามากนักค่ะ สุดท้ายเรา จะได้แค่เพียงขาดทุนทางความรู้สึกนิดหน่อย ไม่เป็นไร ต้นทุนยังอยู่ดี 😊
ขอให้เจอหุ้นดีมีกำไร และเจอคนที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสมนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
