23 พ.ย. 2018 เวลา 03:30 • ไลฟ์สไตล์
ข้าวสารอนาล็อก
ผมสั่งซื้อข้าวสารบรรจุถุง ถุงละ ๑ กิโลกรัม จำนวน ๑๐ ถุงจากเพื่อนเฟซบุ๊คท่านหนึ่ง นัดแนะกันเอาของมาส่งที่บ้าน วันนี้เธอมาพร้อมกับสามีนายตำรวจในเครื่องแบบ มอบของจ่ายเงินเสร็จแล้ว เธอยื่นถุงที่ ๑๑ มาให้อีกถุงหนึ่ง ผมบอกว่าเมื่อวานก็เพิ่งให้มา ๒ ถุง ไม่ขอรับได้ไหม เธอบอกว่า ไม่ได้ เพราะถุงนี้ขอมอบเป็นของขวัญปีใหม่ ผมจำเป็นต้องรับไว้ ก่อนที่จะมอบกล้วยน้ำว้าให้กลับไป ๑ หวี
ทั้งสองกลับไปแล้ว ผมหยิบข้าวถุงที่ ๑๑ มาดู ทำให้นึกถึงการตัดสินใจแบบอนาล็อก และแบบดิจิทัล
อนาล็อก คือเลขฐานสิบ มีเลข ๐ ไล่ไปถึงเลข ๙ ส่วนดิจิทัล คือเลขฐานสอง มีเลข๐ กับเลข๑
การตัดสินใจแบบอนาล็อก คือมีใช่ มีค่อนข้าง มีกลางๆและมีไม่ใช่
แต่การตัดสินใจแบบดิจิทัล มีใช่ กับไม่ใช่ มีถูก กับ มีผิด มีสวย กับ ไม่สวย เท่านั้น ไม่มีกลางๆ
ผมสั่งของ ๑๐ ชิ้น น้องเอามาให้ ๑๑ ผมเอากล้วยหวีงามที่เตรียมไว้ตั้งแต่เช้าตรู่มอบกลับไป ทั้งเธอและผมมีรอยยิ้ม อิ่มเอมใจที่ได้พบกัน นี่เป็นผลพวงจากการคิดแบบอนาล็อก
ถ้าคิดแบบ ดิจิทัล เช้านี้ได้ของครบ จ่ายเงินครบ ก็จบกัน อาจจะไม่คบกันต่อ
เมื่อภรรยาไปจ่ายตลาด พอได้ของตามที่ต้องการแล้ว เธอจะมีขนมเปียกปูน หมี่ปู ข้าวเหนียว หรือขนมแปลกๆ ใส่แยกมาอีกถุง เมื่อผมไปช่วยหิ้วของเข้ามาในบ้าน ถุงอนาล็อกถุงนี้แหละที่ผมมองหาก่อนถุงอื่นๆ
อะไรที่เป็นพิเศษสำหรับคนอื่น แม้อยู่นอกเงื่อนไขไปบ้าง มันเป็นเสน่ห์ของผู้มอบ และเป็นมิตรภาพของทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ ใช้ไม่ได้สำหรับบางเรื่อง เช่น การโกง ไม่โกง ไฟเขียว ไฟแดง ที่จอด ที่ห้ามจอด ของหลวง ของส่วนตัว หรือ เมียเขา เมียเรา เป็นต้น ที่ต้องแยกแยะให้ชัดเจนด้วยแนวคิดแบบดิจิทัลเท่านั้น
 
บางที ที่สังคมวุ่นวายทุกวันนี้ เพราะเราแยกแยะเรื่องแบบนี้กันไม่ค่อยได้กระมัง
โฆษณา