23 พ.ย. 2018 เวลา 04:20
"ชนเผ่าแซนตินนีเลส" ชนที่ปฏิเสธโลกภายนอกและต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความตาย
เรื่องที่น่าเหลือเชื่อคือ ยังมีผู้คนในโลกนี้ที่ไม่มีความรู้อะไรเลย เกี่ยวกับเรื่องอินเตอร์เนต หรือโทรศัพท์มือถือ ผู้คนพวกนี้คือ ชนเผ่า ที่ตัดขาดจากโลกาภิวัฒน์อย่างสมบูรณ์ และไม่ยินดีต้อนรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาในพื้นที่เกาะของพวกเขา
เกาะเซนติเนลเหนือ North Sentinel Island
เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะ Andaman และNicobar
ในอ่าวเบงกอล ที่ตั้งอยู่ระหว่างพม่ากับอินเดีย
เกาะแห่งนี้คือ ที่อยู่ของชนเผ่าเซนตินนีเลส Sentinelese ที่เป็นปรปักษ์กับคนภายนอกและการติดต่อกับโลกภายนอก และเกาะนี้ได้รับการขนานนามว่า  สถานที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมได้ยากที่สุดในโลก
ที่มา http://goo.gl/zwiFxG
ในปี  1771(2314) มีการสำรวจรอบ ๆ เกาะนี้
ครั้งแรก โดยบริษัท East India Company 
เพราะสังเกตเห็นกองไฟบนชายหาด เกาะแห่งนี้ก็ยังไม่มีคนสนใจอีก จนกระทั่งปี 1867(2410)
เรือเดินทะเลอินเดียชื่อ Ninevah ได้อับปางลงใกล้ชายหาดเกาะแห่งนี้
มีผู้รอดชีวิต 106 คน ได้สร้างค่ายพักแรมชั่วคราวแต่ถูกชาวเกาะโจมตีอย่างเลวร้ายในอีกไม่กี่วันต่อมาแม้ว่าผู้รอดชีวิตพยายามจะป้องกันการโจมตีจากชาวเกาะ แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลจนกระทั่งเรือรบเครื่องจักรไอน้ำราชนาวีอังกฤษได้เดินทางมา
ถึงเกาะแห่งนี้  จึงสามารถช่วยเหลือคนทั้งหมดออกไปได้
ชนเผ่านี้รู้จักกันอีกครั้งในปี 1880(2423) พนักงานรัฐ Maurice Vidal Portman ได้ยกทัพขึ้นบนเกาะเพื่อทำหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมีเส้นทางเข้าไปหลายเส้นทางพอ ๆ กับหมู่บ้านที่ทิ้งรกร้างไว้
แต่ในที่สุดเขาสามารถจับคนพื้นเมืองจำนวน 6 คนได้ แล้วนำไปสู่ Port Blair เมืองหลวงหมู่เกาะ Andaman แต่ต่อมาคนพื้นเมือง 2 คนเสียชีวิตส่วนคนที่เหลือถูกปล่อยกลับเกาะในภายหลัง
คาดว่าชนเผ่าเซนตินนีเลส The Sentinelese
น่าจะเป็นบรรพชนของมนุษย์ชุดแรกที่อพยพมาจากอัฟริกา และเข้ามาพักอาศัยในเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ยาวนานกว่า 60,000 ปี จำนวนประชากรไม่แน่ชัดคาดว่าน้อยที่สุดราว  40 คนหรือมากที่สุดราว 500 คน
ชนเผ่านี้ไม่สนใจว่า ใครจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู
ใครก็ตามที่มาเยือนแล้วเหยียบชายฝั่งเกาะไม่ว่าโดยอุบัติเหตุทางเรือ หรือตั้งใจจะไปก็ตามชนเผ่านี้จะต้อนรับผู้มาเยือนด้วยหอกและธนู ของขวัญหรือเสื้อผ้าไม่มีความสำคัญกับชนเผ่าเลย ทั้งยังเคยปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือ จากโลกภายนอกในช่วงซึนามิในปี 2004(2547)
ที่มา http://goo.gl/AgW4qD
เหตุการณ์การให้ความช่วยเหลือหลังเกิดเหตุ
ซึนามิ ในมหาสมุทรอินเดียในช่วงเดือนธันวาคม  2004(2547) เพราะเกาะแห่งนี้ถูกคลื่นยักษ์ซึนามิถล่มด้วย กลุ่มผู้ให้ความช่วยเหลือได้เดินทางมายังเกาะแห่งนี้โดยเฮลิคอปเตอร์ของรัฏฐนาวีอินเดีย เพื่อค้นหาและให้ความช่วยเหลือชนเผ่าบนเกาะในการยังชีพ
แม้ว่าจะมีโอกาสค่อนข้างน้อยมากในการพบชนเผ่านี้ แต่แล้วก็พบชนเผ่านี้ที่ยืนรออยู่บนพื้นดินแต่มีท่าทางเป็นศัตรูนักรบชนเผ่าเซนตินนีเลส  
ได้พุ่งหอกและยิงธนูเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์
ไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับตำนานของชนเผ่านี้ภาษา
ที่พูดกันรวมทั้งพฤติกรรม/วัฒนธรรมของชนเผ่านี้
เพราะชนเผ่านี้มักจะหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า รวมทั้งไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของชนเผ่านี้ที่พอ
จะรู้บ้างก็คือ ชนเผ่านี้เป็นพวกนักล่าสัตว์ ไม่มีการทำเกษตรยังชีพด้วยพวกพืช ปลา หัวของพืชที่อยู่ใต้ดิน(มัน บุก กลอย ฯลฯ ) หมูป่า สัตว์เลื้อยคลานประเภทต่าง ๆ  และน้ำผึ้ง
อินเดียประกาศว่ามีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะเซนตินนีเลสแต่มั่นใจได้เลยว่า ชาวเกาะแห่งนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตั้งแต่ที่อินเดียพยายามจะผูกมิตรกับชนเผ่านี้หลายต่อหลายครั้งแล้วตั้งแต่ปี 1964(2507) สุดท้ายอินเดียต้องสั่งยกเลิกปฏิบัติการทั้งหมดรัฏฐนาวีอินเดียประกาศเขตหวงห้ามระยะทาง 3 ไมล์ทะเลจากเกาะแห่งนี้
ที่มา http://goo.gl/Ym8Xb1 Credit : Kalamang Bill
ห้ามบรรดานักท่องเที่ยว  นักสำรวจ หรือ พวกอยากรู้อยากเห็น เข้าไปใกล้เกาะหรือขึ้นบนเกาะนี้โดยเด็ดขาด  เพราะไม่รับรองความปลอดภัย
อุบัติเหตุหลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้นที่นั่นไม่มีใครตายดีสักคน
มีเรื่องราวบอกเล่าหลายเรื่องที่น่ากลัวเกี่ยวกับชนเผ่าเซนตินนีเลส คนที่รอดชีวิตกลับมาได้ไม่บาดเจ็บสาหัสก็ต่างหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด หรือไม่ก็ตายไปเลย
ในปี 1896(2439) นักโทษที่ลงเรือหลบหนีจากคุกอังกฤษในหมู่เกาะอันดามันเรือนักโทษรายนี้ได้แวะบนชายฝั่งเกาะเซนติเนลเหนือ อีกไม่กี่วันต่อมา บรรดาผู้คุม/ผู้ติตตามที่ตามล่าหานักโทษ
พบศพนักโทษบนชายหาดมีร่องรอยถูกเชือดคอและถูกยิงด้วยธนู
ในปี 1974(2517) มีกลุ่มนักถ่ายทำสารคดี
National Geographic พร้อมกองกำลังตำรวจติดอาวุธได้เดินทางไปยังเกาะแห่งนี้เพื่อถ่ายทำสารคดีชนเผ่านี้มีการผูกมิตรก่อนด้วยการมอบหม้อ กะทะ ตุ๊กตา มะพร้าว หมูตัวเป็น ๆ
แต่ก็ไม่มีผลเพราะชนเผ่านี้ต่างยิงธนูและปาหอกเข้าใส่ตลอดเวลาจนทำให้ผู้อำนวยการสร้างหนังสารคดีเรื่องนี้ในระหว่างการถ่ายทำสารคดี
ถูกยิงด้วยธนูยาว 8 ฟุตปักบนท่อนขาข้างซ้าย
แม้ว่าไม่ตายแต่ต้องยุติการถ่ายทำสารคดีทั้งหมด
เมื่อเรือบรรทุกนักถ่ายทำสารคดีแล่นออกจากเกาะทุกคนต่างหันไปมองข้างหลังบนเกาะ
พบเห็นว่าชาวเกาะต่างได้ฉีกตุ๊กตาออกเป็นชิ้น ๆ รวมทั้งหมูตัวเป็น ๆ แล้วต่างฝังของขวัญทั้งหมดลงบนพื้นดิน
พร้อมกับถืออาวุธธนูและหอกโห่ร้องด้วยความดีใจที่ได้ขับไล่ผู้รุกรานออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้
โชคดีที่ได้ถ่ายทำเรื่องราวสารคดีบางส่วนไว้ได้
ในเรื่อง คนค้นคน  Man in Search of Man
นักมนุษยวิทยาชาวอินเดีย ที.เอ็น. บัณฑิต T.N. Pandit ได้เสนอรัฐบาลอินเดียหลายต่อหลายครั้งแล้วให้ช่วยสนับสนุนโครงการเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้ในช่วงปลายปี 1980(2523) ถึงต้นปี 1990(2533) "บางครั้ง ถ้าพวกชนเผ่านี้หันหลังให้ แล้วหย่อนตะโพกลงเหมือนนั่งขี้ นั่นแสดงว่าพวกเขาไม่ยินดีต้อนรับพวกเรา" บัณฑิตกล่าว
มีเรื่องที่น่าประหลาดใจ  คือ  มีเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวที่กลุ่มนักวิจัยที่เป็นคนภายนอกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากชนเผ่านี้ โดยไม่มีอาการเกรี้ยวกราด/ไม่พอใจ
ในวันที่ 4 มกราคม 1991(2534) มีผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กรวม 28 คนได้เผชิญหน้ากับบัณฑิตและสมาชิกโครงการวิจัย " พวกเขาเดินมาพบพวกเราอย่างเป็นธรรมชาติ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อหรือพวกเขาตัดสินใจแล้วว่าถึงเวลาแล้ว (ที่จะพบปะคนอื่นบ้าง) "
แต่โชคร้าย  การพบปะในครั้งสุดท้ายของคนภายนอกกับชาวเกาะในปี 2006(2549) กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ชาวประมง 2 คนถูกฆ่าตาย
ในขณะที่แอบไปทำการประมงภายในเขตหวงห้ามของเกาะแห่งนี้ (ตามประกาศรัฏฐนาวีอินเดีย)
สันนิษฐานว่า กินเหล้าเมามายแล้วหลับในเรือที่แวะจอดที่ชายฝั่งเกาะแห่งนี้
พื้นที่เกาะประมาณ 72 ตร.กิโลเมตร  หรือ 45,000 ไร่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นพื้นที่ป่าส่วนมาก มีซากเรือขนาดประมาณ 100 เมตรใกล้ชายฝั่ง สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นเรือเดินทะเลอินเดีย Ninevah ที่มีผู้โดยสาร 106 คน อับปางใกล้ชายฝั่ง  แล้วถูกชนเผ่าบนเกาะนี้ขับไล่เข่นฆ่า
เรือชาวประมงที่ถูกยึดโดยชนเผ่าเซนตินนีเลส  ที่มา http://goo.gl/2Sye7nl
ชนเผ่าเซนตินนีเลสน่าจะเป็นพวกที่ไร้การติดต่อกับโลกภายนอกที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้ที่ไม่สนใจกับโลกาภิวัฒน์ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่ชนเผ่านี้ควรอยู่ตามลำพัง แต่ก็มีเรื่องที่ไม่ดีเช่นกัน
เพราะการไม่ติดต่อกับโลกภายนอกอาจจะไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหลายชนิด รวมทั้งการปรับตัวให้เข้ากับโลกสมัยใหม่จะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเช่นกัน
หมายเหตุ
นักประวัติศาสตร์ชาตินิยมชาวละตินอเมริกา
เชื่อตามตำนานชาวอินเดียแดง/ชนเผ่าอินคา
ที่เล่ากันว่า พวกผิวขาวมอบหรือโยนทิ้งผ้าห่ม
ที่ปนเปื้อนเชื้อหวัดหรือไข้ทรพิษให้กับชาวอินเดียแดง/ชนเผ่าอินคา
ทำให้ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก
เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันโรคพวกนี้เลยน่าจะเป็นต้นแบบอาวุธชีวภาพครั้งแรก
แหล่งที่มา : https://m.pantip.com/topic/31848269?
โฆษณา