A Lot story : รัฐบาเยิร์น (Bayern, Bavaria)
ถ้ารัฐบาเยิร์น ของเยอรมัน
กลายเป็นประเทศๆหนึ่ง
ประเทศที่มีประชากร 13 ล้านคนแห่งนี้
จะมี GDP มากกว่าประเทศไทยราว 1.5 เท่า
ในแง่ภูมิศาสตร์
รัฐบาเยิร์น หรือบายเอิร์น
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเยอรมัน
เป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ในบรรดา 16 รัฐของประเทศ
ด้วยพื้นที่ 70,552 ตารางกิโลเมตร
(ขนาดพอๆกับ ภาคใต้ (14 จังหวัด)
ของประเทศไทย)
มีเมืองหลวงคือ นครมิวนิค
หรือมึนเช่น(München) ในภาษาเยอรมัน
พื้นที่ทางตอนบนและตอนกลาง
เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำดานูบสลับกับเนินเขา
ก่อนจะค่อยๆสูงชันขึ้นเป็นเทือกเขาแอลป์ทางทิศใต้
เทือกเขาบาวาเรียนแอลป์ ในเมือง Mittenwald ทางตอนใต้ของรัฐบาเยิร์น เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สำคัญ
แผนที่รัฐบาเยิร์น ที่มา Wikipedia
ในแง่เศรษฐกิจ
หากไม่นับนครรัฐที่มีขนาดเล็ก
อย่างฮัมบวร์กและเบรเมน
บาเยิร์นจะกลายเป็นรัฐที่ร่ำรวยที่สุดในเยอรมัน
ด้วย GDP ต่อคนต่อปีสูงที่สุดถึง 1.7 ล้านบาท (2017)
อะไรที่ทำให้รัฐแห่งนี้
มีความมั่งคั่งในระดับที่ไม่ธรรมดา ?
คำตอบอาจหาได้ไม่ไกลจากรอบๆตัวเรา
..
สิ่งแรกที่ทุกคนนึกถึงหากเอ่ยถึงบาเยิร์น
อาจเป็นทีมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่
ใน บุนเดสลีก้า ของเยอรมัน
อย่าง "บาเยิร์น มิวนิค" (Bayern München)
สนาม Allianz Arena สนามหลักของทีมฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิค
แต่สิ่งที่รัฐแห่งนี้สร้างสรรค์ออกมาสู่ชาวโลก
ไม่ได้มีเพียงแค่ทีมฟุตบอล
เพราะทั้งรถยนต์ BMW
เสื้อกีฬา Adidas
รถยนต์ Audi
ประกันภัย Allianz
รองเท้า Puma
ปากกา Staedtler
สีไม้ระบายน้ำ Faber Castell
ไปจนถึงระบบอาณัติสัญญาณรถไฟฟ้า
ของ Siemens
บริษัทของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเหล่านี้
ล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองต่างๆ
ทั่วรัฐบาเยิร์น
สร้างงาน สร้างความมั่งคั่ง
ทำให้เศรษฐกิจของบาเยิร์นมีความแข็งแกร่ง
จนกลายเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของเยอรมัน
มูลค่า GDP ของบาเยิร์น
คิดเป็นร้อยละ 18.2 ของทั้งประเทศ (2017)
สำนักงานใหญ่และพิพิธภัณฑ์ BMW ในนครมิวนิค
ปราสาท Faber Castell ตั้งอยู่ใกล้สำนักงานใหญ่ของบริษัทเครื่องเขียน Faber Castell ในเมือง Stein เมืองปริมณฑลของเมืองนูเรมเบิร์ก ในรัฐบาเยิร์น
แต่ความมั่งคั่งและแข็งแกร่งของบาเยิร์น
ก็นำปัญหามาสู่รัฐบาลกลางเช่นกัน
ชาวบาเยิร์นกว่า 1 ใน 3 คน
มีความรู้สึกว่ารัฐบาลไม่ยุติธรรม
ที่นำภาษีที่พวกเขาอุตส่าห์หามาได้
ด้วยความขยันขันแข็ง
ไปหล่อเลี้ยงผู้คนตกงานและผู้อพยพ
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรัฐฝั่งอดีตเยอรมันตะวันออก
(ซึ่งยากจนกว่า)
ความคับข้องหมองใจนี้
ส่งผลให้ในปี 2016
นักการเมืองท้องถิ่นจึงร่วมกันยื่นข้อเสนอ
ให้ชาวบาเยิร์นลงประชามติแยกตัว
ออกจากประเทศเยอรมัน !
..
จริงๆแล้วนี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรก
นับตั้งแต่การรวมประเทศเยอรมันในปี ค.ศ. 1871
ชาวบาเยิร์นซึ่งส่วนใหญ่เป็นคาทอลิก
มีนิสัยสบายๆ เฮฮา และอนุรักษ์ขนบเก่าๆ
(ต่างกับชาวเยอรมันซึ่งเป็นโปรแตสแตนท์
มีความเคร่งขรึม และชอบการเปลี่ยนแปลง)
ต่างมีความรู้สึกลึกๆอยู่เสมอ
ว่าตัวเองไม่ค่อยเหมือนเพื่อนร่วมชาติสักเท่าไหร่
ความพยายามครั้งแรกคือหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
เมื่อเยอรมันต้องพ่ายแพ้สงคราม
และประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก
รัฐบาเยิร์นซึ่งมั่งคั่งกว่าใครๆ
ไม่อยากไปพัวพันในวงจรนี้
จึงพยายามทำการแยกตัว
ถึงขั้นศึกษารูปแบบคอมมิวนิสต์จากรัสเซีย
เพื่อตั้งเป็นสาธารณรัฐโซเวียตบาเยิร์น
แต่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ก็ทำให้ฝันนั้นสลาย
ด้วยการกวาดล้างผู้ที่สนับสนุนคอมมิวนิสต์
และตั้งศูนย์ประชุมหลักของพรรคนาซี
อยู่ที่เมืองนูเรมเบิร์ก (เนิร์นแบร์ก)
ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของบาเยิร์น
ตั้งอยู่ใจกลางของรัฐพอดิบพอดี
หลังจากนั้น
แม้เรื่องจะเงียบหายไป
แต่ความพยายามแยกตัวก็ยังคงอยู่
จนมาถึงราวปี ค.ศ. 2016
ที่หลายๆรัฐของประเทศในยุโรป
ได้ทำประชามติแยกตัว
ทั้งสกอตแลนด์ของสหราชอาณาจักร
และแคว้นกาตาลุญญาของสเปน
จึงปลุกความคิดในการแยกตัวของรัฐบาเยิร์น
ให้กลับมาอีกครั้ง
..
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
รัฐธรรมนูญของเยอรมัน
ก็ไม่ได้เปิดให้ทำการลงประชามติ
ชาวบาเยิร์นที่แม้จะอยากแยกตัวสักแค่ไหน
แต่ความเป็นชาวเยอรมัน
ที่เคารพกฎหมายยิ่งกว่าชนชาติใดๆก็ยังคงอยู่
ภาระจึงตกแก่รัฐบาลกลาง
ซึ่งต้องจัดการกับปัญหาการกระจายรายได้
ไปยังรัฐทางอดีตเยอรมันตะวันออก
ให้มีความเหมาะสม
แก้ปัญหาผู้อพยพที่สะสมมาเนิ่นนาน
และยังต้องคอยอุดช่องโหว่ของกฎหมาย
เพราะถ้าเกิดพลาดขึ้นมาเมื่อไหร่
ชาวบาเยิร์นก็คงไม่มีทางปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดมือ
...
ข้อมูลอ้างอิง
1. มิวนิคและบาวาเรีย, ทิพยา ผุสวรรณ. สำนักพิมพ์วงกลม
2. Bayxit? One in three Bavarians wants independence from Berlin, RT News
3. ข้อมูลภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ และประชากร : Wikipedia
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
