7 ธ.ค. 2018 เวลา 13:59
ฮีโร่ในดวงใจของฉัน
ฮีโร่ในดวงใจ...ของผม
ฮีโร่ในดวงใจของใครหลายๆคนอาจจะเป็นดารา เป็นนักร้อง นักแสดง หรือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่ฮีโร่ในดวงใจของผม เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆธรรมดาๆ ฐานะยากจนคนหนึ่ง ที่จบการศึกษาเพียงแค่ชั้นประถม 2 แต่สามารถส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆให้มีระดับการศึกษาในระดับมหาบัณฑิตได้ถึง 3 คน ฮีโร่ในดวงใจของผม ที่กำลังพูดถึงอยู่นี่ก็คือ “ คุณแม่ของผมเองครับ “ ผมหวังว่าเรื่องราวชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ของคุณแม่ผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายๆคนที่กำลังต่อสู้อยู่ ให้มีกำลังใจในการต่อสู้ต่อไป รวมไปถึงลูกๆทุกคนเมื่อได้อ่านแล้วขอให้รักและดูแลคุณพ่อคุณแม่ของตัวเองให้ดีที่สุดนะครับ
แม่ของผมเป็นคนจังหวัดนครพนมโดยกำเนิด เป็นบุตรคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้อง 7 คน ชีวิตในวัยเด็กของแม่เป็นไปด้วยความยากลำบาก คำกล่าวที่ว่า มีลูกมากจะยากนานนั้นไม่ผิดเกินจริงเลย แค่หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้ 8 ชีวิตได้อิ่มท้องก็ยากแล้ว เรื่องการศึกษาจึงเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม แม่จึงจบการศึกษาเพียงแค่นั้นประถม 2 เท่านั้น แต่แม่ก็สามารถช่วยเหลือเจือจุนครอบครัวโดยการขายดอกไม้ที่ตลาด สามารถแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเข้าสู่วัยสาวแม่ก็ได้แต่งงานกับพ่อ และได้ย้ายตามพ่อมาตั้งรกรากที่จังหวัดกาฬสินธุ์
ชีวิตที่ว่าลำบากแล้ว พอแต่งงานย้ายมาอยู่ที่กาฬสินธุ์ยิ่งลำบากกว่า เมื่อแม่ได้รู้ว่าพ่อเป็นคนที่ไม่เอาไหน แต่การแต่งงานที่ผู้ใหญ่จัดให้เป็นสิ่งที่แม่ไม่อาจขัดได้ พ่อเป็นขี้เกียจ ไม่มีความรับผิดชอบ กินเหล้า พอเมาก็ชอบทุบตีแม่ เท่านั้นยังไม่พอพวกน้องของพ่อก็เกลียดแม่ ชอบหาทางกลั่นแกล้งและชอบรังแกแม่อยู่เสมอ ครั้งหนึ่งแม่ทั้งอุ้มและจูงมือลูกไปรอพ่อที่หน้าบ้าน น้องของพ่อพากันพูดจาเยาะเย้ยถากถางแม่ว่าเป็นเพียง “ขอทานที่ไม่เจียมตัว” แม่ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพียงแค่กลั้นน้ำตาเอาไว้ และเปลี่ยนเอาคำพูดเหล่านั้นมาเป็นพลังในการเอาชนะกับอุปสรรค์ต่างๆ
ในขณะเดียวกันพ่อที่มีอาชีพเป็นช่างซ่อมนาฬิกาด้วยรายได้อันน้อยนิด เมื่อหักจากค่าเหล้าแล้ว แทบจะไม่เหลือเป็นค่ากับข้าวให้กับสมาชิกในครอบครัว แต่แม่ก็ไม่สามารถว่าอะไรได้ เพราะหากพูดอะไรที่ไม่เข้าหูพ่อ สิ่งที่จะตามมาก็คือการถูกทุบตี อาหารหลักของพวกเราแม่ลูกก็คือ ข้าวกับน้ำปลา เมื่อเป็นอย่างนี้ แม่คงเห็นว่าอย่าว่าแต่การศึกษาที่ลูกจะได้รับเลย เพียงแค่จะหาข้าวให้ลูกกินในแต่ละมื้อยังยากเลย ไหนจะค่าเช่าบ้าน และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย แม่จึงตัดสินใจบากหน้ากลับไปยืมเงิน ตา กับ ยาย ซึ่งก็ได้เงินมาหนึ่งพันบาท แม่เอาไปลงทุนทำขนมลอดช่องเอาใส่รถเข็นแล้วก็เดินขาย โดยเอาลูกใส่ไว้ในรถเข็นไปด้วย แต่รายได้ที่ได้รับกลับมาก็ยังไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเอง สามี และลูกๆอยู่ดีแม่จึงตัดสินใจทำเพื่อลูกและครอบครัวอีกครั้งโดยการบากหน้าไปยืมเงินน้องของพ่อทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องถูกเยาะเย้ยถากถาง และก็เป็นจริงดังคาดคำพูดเสียดสี ดูถูกเหยียดหยามสารพัด ถูกถ่มน้ำลายใส่ ถูกตบหน้า ในขณะเดียวกัน ทุกๆครั้งที่แม่จะต้องเอาเงินไปผ่อนคืน แม่จะต้องถูกน้องสาวของพ่อตบหน้าทุกๆครั้งจนกว่าเงินจะครบ แต่แม่บอกว่าแม่ทนได้เพื่อลูกๆของแม่ แม่น้ำตาที่แม่ร้องไห้ในวันนั้น จน ถึงวันนี้...ลูกยังไม่เคยลืม
แม่ลงทุนเปิดร้านขายของชำเล็กๆในตลาด ด้วยเงินทุนหนึ่งหมื่นบาท โดยเปิดขายตั้งแต่ตี 3 จนถึง 4 โมงเย็น เมื่อกลับถึงบ้านก็ต้องมานั่งเตรียมของไปขายโดยมีพวกเราพี่น้อง 4 คนเป็นลูกมือ กว่าแม่จะได้นอนก็ 5 ทุ่มและต้องตื่นตี 3 ไปขายของ เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน จนกระทั่งร้านของแม่ขยับขยายจากร้านเล็กๆกลายเป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในละแวกนั้น ด้วยความขยันของแม่นอกจากจะขายของแล้ว แม่ยังกลับบ้านมาทำถั่วลิสงป่นขายเอง คั่วพริกขายเอง ทำกระเทียมเจียวขายเอง และไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก เทศกาลวันหยุดอะไรก็แล้วแต่ แม่ก็ไม่เคยปิดร้าน ด้วยความขยันและความซื่อสัตย์เหล่านี้ ทำให้ร้านของแม่มีลูกค้าขาประจำมาอุดหนุนมากมาย เมื่อร้านของแม่เริ่มอยู่ตัว แม่จึงตัดสินใจซื้อบ้านจากเงินที่ได้จากน้ำพักน้ำแรง ในขณะเดียวกันก็มีคำพูดดูถูกมากมายจากญาติพี่น้องของพ่อว่า ไม่นานบ้านคงถูกยึด แต่แล้วแม่ก็สามารถเอาชนะคำพูดดูถูกเหล่านั้นได้สำเร็จ แม่ใช้เวลาผ่อนบ้านกว่า 7 ปีก็สามารถผ่อนได้หมด ในขณะเดียวกันพ่อก็เลิกซ่อมนาฬิกา มาอยู่กับบ้านเฉยๆ คอยช่วยงานเท่าที่พ่ออยากจะช่วย
ในเรื่องของการศึกษาของลูก แม่จะพยามหาเวลาว่างอันน้อยนิดจากการขายของ คอยสอนการบ้านลูกๆอยู่เสมอ และเราพี่น้องก็ไม่ได้ทำให้แม่ผิดหวัง เพราะสามารถสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ทั้งสี่คน จนถึงเดี๋ยวนี้พวกเราก็สามารถสำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจนหมดแล้ว สิ่งเหล่านี้แหละที่แม่บอกว่าคือสมบัติชิ้นเดียวที่แม่มอบให้กับลูกๆทุกคน “ขอเพียงลูกของแม่เป็นคนดีและตั้งใจเรียนแค่นี้แม่ก็ภูมิใจแล้ว” นี่เป็นคำพูดที่แม่มักจะพูดเวลาให้พรกับพวกเราในงานรับปริญญาเสมอ
หากรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติไม่ได้จำกัดที่จะมอบให้เพียงแค่ลูกดาราหรือคนมีชื่อเสียง ป่านนี้แม่คงจะได้รางวัลทุกๆปี เพราะคงจะหาได้ยากมากในแผ่นดินนี้ที่แม่เป็นแม่ค้าจบป. 2 แต่สามารถส่งลูกให้เรียนจบปริญญาโทได้ถึง 3 ใน 4 คน
ชีวิตแม่เหมือนจะสบายแล้วเมื่อพวกเราเรียนจบและมีการมีงานทำ แต่เหมือนฟ้าจะลิขิตให้ชีวิตแม่พบเจอแต่ความยากลำบาก เมื่อวันหนึ่งลูกพาแม่ไปตรวจสุขภาพ แล้วหมอบอกว่า “ แม่เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย “ ลูกฟังจากที่หมอพูดถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ขณะเดียวกันแม่นั่งรอรับยาหน้าตาสดใสไม่มีแม้วี่แววของคนป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ลูกต้องพยามเก็บซ่อนน้ำตาเอาไว้ไม่ให้แม่เห็น ก่อนจะบอกแม่ว่า”ไม่เป็นไรนะแม่ หมอบอกว่าแม่เป็นวัณโรคปอด กินยา 6 เดือนเดี๋ยวก็หาย” อาการของแม่เริ่มทรุดหนักลง พ่อเพิ่งจะมาเริ่มคิดได้เอาเมื่อสายพ่อพยามดูแลแม่อย่างดีที่สุด ในขณะเดียวกันเราพี่น้องพยามหาหนทางที่ดีที่สุดในการรักษาแม่แล้ว และเหมือนแม่จะรู้ตัวว่าแม่เป็นอะไร แม่พยามอดทนสู้จนวินาทีสุดท้าย เพื่อที่จะได้เห็นหน้าลูกๆที่แม่รักให้นานที่สุด แต่แม่ก็ไม่อาจสู้กับโรคภัยที่ร้ายแรงในครั้งนี้ได้ แม่จากพวกเราไปอย่างสงบด้วยวัย 61 ปี
ในวันงานศพของแม่มีหลายคนที่ประหลาดใจถึงกับถามว่า ทำไมงานศพของแม่ค้าธรรมดาๆคนหนึ่งถึงได้มีผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานศพมากมายทั้ง ข้าราชการ หมอ นักธุรกิจ พนักงานธนาคาร ลูกก็ได้แต่ตอบไปว่า เพราะคุณงามความดีของแม่ที่ได้ทำมาทั้งชีวิต ทำให้ผู้คนเหล่านั้นให้ความเคารพนับถือ ถึงได้เดินทางมาไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากที่แม่เสีย ลูกรู้สึกเหมือนกับว่าฟ้ามันมืด ความเศร้าโศกจากการสูญเสียแม่อันเป็นที่รัก ทำให้ลูกหมดเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรอีกต่อไปลูกเสียใจเหลือเกินที่ชีวิตนี้ยังไม่มีโอกาสได้บวชทดแทนคุณของแม่ ยังไม่ได้มีโอกาสได้เลี้ยงดูแม่ให้สุขสบาย แม่กลับต้องมาจากลูกไปเสียก่อน เมื่อแม่จากไปร้านของแม่ที่พวกเราพยามขอร้องให้เลิกขายของก็ต้องปิดตัวลง ทุกๆครั้งที่ลูกมองผ่านไปร้านนั้น ลูกกลั้นน้ำตาแห่งความคิดถึงเอาไว้ไม่ไหวจริงๆ เผลอที่จะเดินตรงเข้าไปหาไม่ได้ทุกครั้ง ภาพของหญิงชราที่นั่นขายของอยู่ตรงนั้นยังอยู่ในใจของลูกเสมอ ในวันที่แม่เสียลูกอดประหลาดใจไม่ได้ว่าทำไมคนทั้งตลาดถึงได้ร้องไห้เสียใจต่อการจากไปของแม่ แต่ในวันนี้ลูกเข้าใจแล้วว่าเพราะความที่แม่เป็นคนดีนี่เองทำให้มีคนรักแม่มากมาย
ชีวิตที่มืดมนของลูกก็เหมือนมีแสงสว่างขึ้นมาในหัวใจเมื่อลูกระลึกถึงคำสอนของแม่ที่เปรียบเสมือนพรมงคลอันประเสริฐของชีวิต ว่าคนเราต้องอดทน ต้องสู้ แม่ไม่เคยมานั่งท้อแท้โทษโชคชะตา ลูกเข้าใจแล้วแม่จ๋า ลูกจะสู้จนสุดความสามารถ และสู้ในส่วนที่เป็นของแม่ด้วย ในชีวิตของลูกคงจะหาใครที่ดีและรักลูกมากเท่ากับแม่คงจะไม่มีอีกแล้ว และหากชีวิตนี้ลูกเก่งได้ซักเพียงครึ่งหนึ่งของแม่ ลูกมั่นใจว่าชีวิตของลูกคงจะประสบความสำเร็จได้เหมือนกับแม่อย่างแน่นอน
สำหรับลูกแม่คือ “ ฮีโร่ในดวงใจเสมอ “ ลูกดีใจและภาคภูมิใจมากเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่ แม่เปรียบเสมือนนางฟ้าผู้มีพระคุณของลูก เป็นนางฟ้าในดวงใจลูกที่ลงมาทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อเสร็จหน้าที่นางฟ้าของลูกก็จะกลับสู่สวรรค์ ลูกยังอดดีใจและปลาบปลื้มใจแทนแม่ไม่ได้ที่เพราะความดีของแม่ทำให้มีคนรักแม่มากมาย และหากชาติหน้ามีจริงลูกขอให้ลูกได้เกิดเป็นลูกของแม่ ผู้ที่เป็นนางฟ้าคนดีคนนี้เหมือนเดิม ได้เป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเดิมตลอดไป ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายของแม่จะสูญสลายไป แต่ความรักและความดีของแม่จะอยู่ในใจลูกไปตลอดกาล
กราบเท้าแม่ผู้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของลูกอย่างแท้จริง
โฆษณา