บทที่ 6 Cao Cao& Liu Bei Branding Style
รูปแบบการแบรด์ดิ้งองค์กรของโจโฉกับเล่าปี่
ค.ศ.194 เล่าปี่อายุ 34 ปี โจโฉอายุ 40 ปี ซุนกวนอายุ 13 ปี
เหตุการณ์สำคัญ
ลิโป้ยึดแคว้นกุนจิ๋ว,
โจโฉยกทัพกลับเพื่อไปตีเอากุนจิ๋วคืนจากลิโป้,
โตเกี๋ยมเสียชีวิต เล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วแทน จากคำร้องขอของโตเกี๋ยมก่อนตาย
ซุนเซ็กใช้ตราหยกแผ่นดินแลกทหารกับอ้วนสุด,
แผนที่จากเกมส์ RTK แสดงเขตอิทธิพลของจีนในปี ค.ศ.194
หลังจากศึกโจโฉลิโป้ โตเกี๋ยมพยายามยก บริษัท ซีจิ๋ว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้เล่าปี่อีกครั้ง เล่าปี่ก็ยังปฎิเสธ โตเกี๋ยมจึงยก หุ้นและ Market share ส่วนนึงให้เล่าปีแทน ให้เล่าปี่เป็น MD เจ้าเมือง เสี่ยวพ่าย เล่าปี่หมดทางปฎิเสธจึงรับเป็นเจ้าเมือง เสี่ยวพ่ายซึ่งถึงจะเล็กกว่าซีจิ๋วแต่ก็มีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจากการดำเนินงานและชื่อเสียงในความเป็นผู้มีคุณธรรมของเล่าปี่ชาวเมืองเสี่ยวพ่ายก็รักใคร่เล่าปี่มาก
เวลาผ่านมาไม่นาน โตเกี่ยมก็ตายเล่าปี่จึงได้รับเชิญให้มาเป็นผู้บริหารงานแทนโตเกี๋ยม เมื่อโจโฉทราบข่าวก็โกรธแค้นเนื่องจากยังไม่ทันได้แก้แค้นศัตรูผู้เป็นสาเหตุการตายของบิดาก็ชิงตายไปเสียก่อนมิหน่ำซ้ำเล่าปี่ยังชุบมือเปิดได้ครองเมืองซีจิ๋วโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไร ว่าแล้วก็จะยกทัพไปรบกับเล่าปี่ ระหว่างที่ห้องประชุมเงียบในความคิดของนาย ไม่มีใครกล้าขัด ก็มีหนึ่งเสียงขัดมาจากซุนฮกที่ปรึกษาบอกแก่โจโฉว่าเวลานี้การไปรบกับซีจิ๋วนั้นไม่เหมาะ ผู้บริโภค(ประชาชนในเมืองซีจิ๋ว)นั้นรักใคร่เล่าปี่มากจึงเป็นการยากที่จะแย่ง Market share จากเล่าปี่ และถ้าไปทำการแย่ง Market share จากเล่าปี่ ก็อาจจะต้องเสีย Market share ของตัวเองให้กับลิโป้ที่รออยู่ โจโฉได้ฟังก็เห็นด้วยแต่ก็บอกกับซุนฮกว่าตอนนี้อาหารขาดแคลนถ้าจะเลี้ยงทหารไว้เฉยๆจะกลายเป็น Dead Stock เป็นการสิ้นเปลืองทุนทรัพย์โดยใช่เหตุ
ซุนฮกจึงออกแนวทางว่าถ้าต้องการทุนให้ยกไป Take over บริษัท กลุ่มโจรโพกผ้าเหลือง จำกัดที่ยังเหลืออยู่ที่ เอ็กจิ๋วดีว่า เนื่องจาก บริษัทนี้ที่ผ่านมาโดนโจมตีอย่างหนัก หลังจากที่ผู้ก่อตั้งจากไปก็ระส่ำระส่ายรักษาตลาดไว้ไม่ได้ ไม่เข้มแข็งเหมือนตอนก่อตั้งใหม่ๆ แม้กำลังทหารจะเหลือน้อยแต่ทุนทรัพย์เช่นเสบียงยังเหลืออยู่เพียบโจโฉเห็นดีจึงไป Take over บริษัท กลุ่มโจรโพกผ้าเหลือง จำกัด ที่เมือง เอ็กจิ๋วได้เสบียงมาจำนวนมากก็ทำให้บริษัท โจโฉ จำกัด มีความเข้มแข็งมากขึ้น
จากนั้นด้วยการบริหารที่ไม่ดีของลิโป้ก็เกิดเหตุขาดแคลนเสบียงเช่นกัน ผู้คนในเมืองของลิโป้เกิดความอลม่านแย่งชิงอาหารกันโจโฉเห็นเป็นโอกาสดีดังนั้นจึงไป take over แย่งชิง Market share เดิมของตัวเองคืนจากลิโป้ ลิโป้กับตันก๋งและทีมงานจึงต้องหนีไปขอความช่วยเหลือจากเล่าปี่ที่ซีจิ๋ว เล่าปี่เองไม่เพียงแต่ช่วยเหลือยังยก บริษัท ซีจิ๋ว จำกัด ที่ตนบริหารอยู่ให้แก่ลิโป้ด้วยบอกว่าเดิมองค์กรนี้เป็นของโตเกี๋ยมหาใช่ของตนไม่ ถ้าลิโป้ต้องการตนมีความยินดียกให้ลิโป้บริหารแทน ซึ่งนี่เป็นความสุดยอดของเล่าปี่ในการซื้อใจคน
เล่าปี่มององค์กรเป็นเพียงของนอกกาย สิ่งสำคัญคือทรัพยากรบุคคล เล่าปี่รู้ดีถ้าเล่าปี่เลี้ยงเสืออย่างลิโป้ไว้ จุดจบของเล่าปี่ย่อมไม่ต่างจาก ตั๋งโต๊ะหรือเต็งหงวนสู้ยกบริษัทที่ไม่ใช่ของตนแต่เดิมให้ลิโป้เป็นการซื้อใจและใช้ลิโป้ในการสู้กับโจโฉดีกว่า แต่ตันก๋งก็พออ่านความคิดของเล่าปี่ออกจึงคัดค้านเล่าปี่จึงยกเมืองเสี่ยวพ่ายให้ลิโป้กับตันก๋งดูแลแทน ก็กลายเป็นว่าเล่าปี่มีกองทัพขนาดใหญ่ขึ้นจากการผนึกกำลังกับลิโป้ เป็นการ joint venture(ร่วมองค์กร) กันระหว่างองค์กรของเล่าปี่กับลิโป้ เพื่อสู้กับโจโฉ
โจโฉในตอนนี้หลังจากได้ Market share ของตนคืนจากลิโป้แล้ว และยังมีเสบียงมากขึ้น รากฐานมั่นคงก็กลับมามีความคิดอยากจะไปตีเล่าปี่ที่เมืองซีจิ๋วชำระแค้นให้ได้ก็ถูกซุนฮกขัดขวางไว้เช่นเดิมซุนฮกให้เหตุผลว่า บ้านเมืองยังไม่สงบองค์ฮ่องเต้กำลังตกยากอยู่ในเงื้อมมือของลิฉุ่ยกับกุยกี ท่านควรจะชูธงเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมช่วยเหลือองค์ฮ่องเต้หลังจากเมื่อท่านเชิดชูองค์ฮ่องเต้ท่านจะกระทำการสิ่งใดก็สะดวก หากท่านไม่ทำคนอื่นก็จะทำแทนท่าน แล้วท่านก็จะเสียโอกาสนี้ไป ส่วนเล่าปี่กับลิโป้นั้นท่านไม่ต้องกังวลเพราะเสือสองตัวย่อมไม่อาจอยู่ถ้ำเดียวกัน
เมื่อได้ฟัง Vision ของซุนฮก โจโฉก็ตาสว่างรู้ว่าตัวเองต้องทำเช่นไร โจโฉจึงระดมกำลังและทรัพยากรไป Take Over บริษัท ฮั่นจำกัด ณ เมืองเตียงอัน ได้สำเร็จและชิงตัวองค์ฮ่องเต้มาอยู่ในการดูแลได้ และได้ย้ายราชธานีมาอยู่เมืองฮูโต๋ โดยยกให้เมืองฮูโต๋เป็นส่วนกลาง ของบริษัท โจโฉ จำกัด ถึงจุดนี้ โจโฉได้ Take Over ไปถึง 2 บริษัทแล้ว ทั้ง บริษัท กลุ่มโจรโพกผ้าเหลือง จำกัด และ บริษัท ฮั่นจำกัด ทั้งยังได้ ฮ่องเต้มาไว้ในการดุแล ซึ่งองค์ฮ่องเต้ก็แต่งตั้งให้โจโฉดำรงค์ตำแหน่งมียศเป็นจอมพล และบรรดาศักดิ์เป็นโหว หรือก็คือ MD ใหญ่แห่งองค์กรเป็นรององค์ฮ่องเต้เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วภายใต้การบริหารของโจโฉ โจโฉมีอำนาจสิทธิขาดทุกอย่าง ฮ่องเต้เป็นเพียงหุ่นเชิดไว้แต่ในนามเท่านั้นไม่ได้มีอำนาจในการบริหารแต่อย่างใด
สรุป บทที่ 6
ลักษณะการสร้างแบรนด์ของโจโฉและเล่าปี่มีความต่างกัน เล่าปี่จะวางตัวสร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นผู้มีคุณธรรมทำอะไรจะยึดถือคุณธรรมมาเป็นอันดับ 1 และจะให้ความสำคัญกับผู้บริโภคมาเป็นอันดับ 2 ไม่ว่าไปที่ไหนด้วยการบริหารของเล่าปี่ผู้บริโภคจะรักเล่าปี่มาก เล่าปี่เป็นคนค้าขายที่ไม่เอากำไร ไม่เก็บภาษีแพงไม่คอรัปชั่น เน้นสร้างความสุขให้แก่ผู้บริโภค ซ้ำยังซื้อใจคนเป็นเล่าปี่มีความสามารถในการซื้อใจคนดึงดูดคนเก่งๆให้มาทำงานให้ตัวเองได้ตลอด นี่คือแบรนด์ของเล่าปี่ ทำให้ผู้บริโภคทุกพื้นที่ต้องการเป็นผู้ใต้ปกครองของเล่าปี่ไปไหนก็มีแต่ผู้คนต้อนรับ ในขณะที่โจโฉสร้างแบรนด์ด้วยการฉกฉวยจังหวะเพิ่ม Market Share ของตนอย่างต่อเนื่อง สร้างรากฐานความมั่นคงให้กับองค์กร และใช้องค์ฮ่องเต้ในการ Branding สร้างความถูกต้องให้กับตนเอง เมื่อมีองค์ฮ่องเต้ในดูแลเท่ากับว่า กองทัพของโจโฉเป็นกองทัพธรรมที่ถูกต้องมีคุณภาพ ถ้าเป็นสินค้าก็เท่ากับว่าได้รับตรารับรองอย่างเป็นทางการ ผ่าน อย. มอก. HACCP GMP ก็ว่าไปประมาณนั้นครับ และแง่คิดอีกข้อที่ได้ในบทนี้จากซุนฮกก็คือ เมื่อมีโอกาสให้รีบคว้าเอาไว้ครับ เพราะในโลกนี้ไม่ได้มีเราเก่งเพียงคนเดียว ไม่ได้มีเราที่มองเห็นโอกาสเพียงคนเดียว ดังนั้นเมื่อเราเห็นโอกาสแล้วก็จงรีบคว้ามันก่อนที่ใครจะคว้าไปครับ
ขอบพระคุณที่ติดตามอ่าน
รังสรรค์ ใจอารีย์
@3kokstartup
Credit :
เรื่อง : สามก๊กฉบับ Start Up
สามก๊กฉบับตีความใหม่ ฉบับที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ
ถ้าคุณมีความฝัน มีการใหญ่อยู่ในหัวใจ แต่ยังไม่พบหนทาง ห้ามพลาดกับ สามก๊กฉบับ Start Up
สามก๊กเล่มแรกเล่มเดียวที่เขียนโดยนักกลยุทธ์การตลาด
ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในเพจ
และอ่านแบบเต็มๆได้ที่
#naiinpan
#ookbee
ผู้เขียนขอขอบพระคุณสำหรับทุกการสนับสนุน ที่ได้มอบโอกาสให้ผู้เขียนได้ส่งต่อเรื่องราวที่ผู้เขียนคิดว่าดีและมีประโยชน์
และขออภัย สำหรับทุกบทความใดหากมีความผิดพลาดหรือไม่ถูกใจ ผู้เขียนกราบขออภัยไว้ที่นี้ด้วยครับ
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
