ผมเป็นแฟน ลิเวอร์พูล เกิดมาก็รู้สึกรักและผูกพันกับ เครื่องจักรสีแดงชนิดถอนตัวไม่ขึ้น แต่ไม่ว่าจะรักขนาดไหน ผมไม่เคยหัวเสียหรือหงุดหงิดโวยวายกับความพ่ายแพ้กับความล้มเหลวในช่วงเวลาที่ผ่านมาเลย ที่สำคัญไม่เคยด่า ไม่เคยล้อเลียน เสียดสีทีมคู่รักคู่แค้นร่วมลีกอย่างที่แมนยูไนเต็ด เรียนรู้และรอดูพัฒนาการความสำเร็จของลิเวอร์พูล อย่างใจเย็นและมีความสุขหลังจากได้เห็นผู้จัดการทีมคนใหม่ชื่อ เจอร์เกน คล็อปป์
เจอร์เกน คล็อปป์ พาพลพรรคหงส์แดงเข้าชิง ถ้วย ยูโรป้าลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เพียงฤดูกาลแรกที่เขาเข้ามาคุมลิเวอร์พูล สุดท้ายจะพ่ายให้กับ เซบีย่าไป 3-1
ในซีซั่น 2017-2018 เจอร์เกน คล็อปป์ ก็พาทีมเข้าถึงรอบชิงแชมป์เปี้ยนลีก ก่อนพ่ายให้กับ ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ไปอย่างน่าเสียดายเช่นกัน ถือเป็นการเข้าชิงบอลถ้วยยุโรปสองครั้งในรอบ3ปี
เจอร์เกน คล็อปป์ พาลิเวอร์พูลจบอันดับ 8 ในซีซั่นแรกของเขาในอังกฤษ คว้าอันดับ 5 ในซี่ซั่นที่สอง และในซีซั่น 2017-2018 พาหงส์แดงคว้าอันดับ 4
รูปแบบและแนวทางการสร้างทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ทำให้ผมเห็นอนาคตของ เครื่องจักสีแดงอีกครั้ง การให้โอกาสกับนักเตะดาวรุ่งของสโมสร เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ คือหนึ่งในนักเตะเยาวชนที่ค๊อปป์ปลุกปั้นและให้โอกาส จนปัจจุบันกลายเป็นตัวหลัก ทั้งกับ ลิเวอร์พูล และ ทีมชาติอังกฤษ ด้วยวัยเพียง 20 ปี โจ โกเมซ คืออีกคนที่ คล็อปป์ อดทนบ่มเพาะมาตั้งแต่อายุ 18 ปี และโกเมซ ก็เป็นผู้เล่นกำลังหลักให้กับทีมจนปัจจุบัน
การปรับเพิ่มเสริมแกร่งให้กับทีมลิเวอร์พูล แบบค่อยเป็นค่อยไปด้วยการดึง นาบี เกอิต้า กับ ฟาบินโญ่ รวมทั้ง เซอร์ดาน ชากิรี่ มาเสริมทัพ อีกทั้งยังดึงเอามือหนึ่งทีมชาติ บราซิล อย่าง อลิซอน จากโรม่า มาแก้ไขปัญหา ผู้รักษาประตู ที่ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีปัญหาเรื้อรังมานานของทีม หงส์แดง
ที่สำคัญเหนืออื่นใด ความพ่ายแพ้ในอดีต ที่ผ่านมา สะสมและตกผลึกเป็นแนวทางเป็นกระบวนการส่งให้ลิเวอร์พูลประสบผลสำเร็จในเวลาอันใกล้ อะไรทำให้ผมเชื่ออย่างนั้น