24 ธ.ค. 2018 เวลา 11:39 • ธุรกิจ
“ที่พวกเขาประสบความสำเร็จ เพราะต้นทุนชีวิตดีกว่าฉัน”
ใครเคยได้ยินคนใกล้ตัวพูดประโยคนี้บ้างครับ? — ผมเชื่อว่าถามคน 100 คน น่าจะมี 90 คนเคยได้ยิน หรือกึ่งหนึ่งในร้อยคนอาจเคยคิดหรือเคยเปล่งประโยคนั้นออกไป ถ้าคุณกำลังเกิดเสียงเล็ก ๆ นี้ในหัวผมขอให้คุณหยุดมโนกรรมนั้นไว้เดี่ยวเลย ผมมีเรื่องเด็ดจะแชร์ให้ฟัง
วันนี้หลายคนรู้จักผมในนาม ครูชัย M.I.B และอดีตผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนสอนภาษา Mind English ที่เริ่มจากศูนย์ขยายสู่ 29 สาขาภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี คุณมีสิทธิที่จะคิดไปก่อนว่า “ใช่สิ ต้นทุนชีวิตดี” แต่มีกี่คนที่รู้ว่าผมเกิดในครอบครัวกลาง ๆ ชีวิตวัยเด็ก ข้าวของเครื่องใช้ดี ๆ ไม่เคยได้ใช้กับเขา พอย่างเข้าวัยรุ่นสมัครงานร้าน แมคโดนัลด์ ครับคุณพระ นึกภาพตาม ครูชัย M.I.B ทำงานเสิร์ฟแฮมเบอร์เกอร์
ช่วงบุกเบิกธุรกิจติวเตอร์ใหม่ ๆ ผมเรียนไปด้วย ทำธุรกิจไปด้วย เลิกเรียนต้องรีบเดินทางมาทำงานสอนต่อ ต่อรถ ต่อเรือ และรถไฟฟ้า ชีวิตเปื้อนฝุ่นมากกว่าจะมาเป็นวันนี้ เล่าเพื่อให้เห็นภาพก่อนเข้าเรื่องวันนี้ วันที่ผมตัดสินใจว่าจะรวย ในใจคิดอย่างเดียว “ต้องรวยให้ได้… ไม่รวยไม่ได้”
วันนี้ผมมีแนวคิดที่น่าจะเป็นแนวทางที่มีประโยชน์กับคนที่กำลังคิดจะทำตามความฝัน อยากสร้างเนื้อสร้างตัวให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งย่อยมาเป็น 3 ข้อสุดพื้นฐาน จำง่าย นำไปประยุกต์ใช้ง่ายมาแชร์ให้ฟังกันครับ
1. Think big first คิดใหญ่ไว้ก่อน
คิดใหญ่ เป็นแนวคิดของหนังสือพัฒนาตัวเองที่แทบทุกคนต้องเคยได้ยินจนชินแล้ว แต่ในภาคปฏิบัติคนจำนวนไม่น้อยกลับไม่สามารถคิดใหญ่ได้… เพราะอะไร?
เพราะธรรมชาติของคนมักกลัวความผิดหวังครับ และหนึ่งในกลไกป้องกันตัวเองจากความผิดหวัง คือ การ Compromise หรือ การทำอะไรที่โอนอ่อน อ่อนข้อ หรือเสียงน้อยไว้ก่อน หนึ่งในนั้นคือการตั้งเป้าหมายสู่ผลลัพธ์ให้ต่ำที่สุด เช่น อยากมีเงิน 1 ล้านบาทภายในปีนี้ แต่ปรับเป้าลงมาเหลือ 100,000 บาท หรือจะเริ่มธุรกิจแรกภายใน 1 เดือน ก็ขยายระยะเวลาออกไปเป็นภายใน 1 ปี — และผลสุดท้ายมักเป็นอย่างไรรู้ไหมครับ? ผลสุดท้ายปรับเป้าหมายให้ต่ำที่สุดแล้วก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
จากประสบการณ์ของผมเอง ประกอบกับการได้พูดคุยกับนักธุรกิจที่นับถือหลายท่านพบว่า การคิดเล็ก หรือคิดใหญ่ต่างใช้ความพยายามในการทำให้สำเร็จพอ ๆ กัน และสุดท้ายคุณไม่ได้ได้ตามเป้าที่วางไว้ในช็อต
แรกครับ มันจะไปถึงต้องอาศัยความพยายามต่ออีกหลายช็อต ดังนั้นถ้าคุณตั้งเป้าต่ำ ผลลัพธ์แรกที่คุณได้จะต่ำกว่าที่วางไว้โดยส่วนใหญ่
ตั้งเป้ามีเงิน 100,000 บาท สุดท้ายคุณอาจจะได้ 50,000 บาท แต่ถ้าตั้งเป้า 1 ล้านบาท สุดท้ายคุณอาจจะได้ 300,000 บาท แต่ก็ยังมากกว่า 50,000 บาทถึง 6 เท่าตัว!
ดังที่ Les Brown กล่าวไว้ “…Too many of us are not living our dreams because we are living our fears…” และ “…Shoot for the moon. Even if you miss, you’ll land among the stars….”
คนจำนวนมากไม่ได้ใช้ชีวิตบนความฝันก็เพราะมัวแต่ใช้ชีวิตบนความกลัว — จงเล็งไปที่ดวงจันทร์ ต่อให้พลาดคุณก็ยังอยู่ทางกลางดวงดาว
2. Set super clear goal ตั้งเป้าหมายให้โครตชัด
ถ้าใครสักคนบอกว่า “…ปีนี้ฉันจะมีเงิน 1 ล้านบาท…” พยากรณ์ได้เลยครับว่าสิ้นปีก็ไม่มีอะไรงอกเงยขึ้นมา หัวใจของการตั้งเป้าหมายให้ประสบผล คือ ‘ความชัด’ และต้องชัดแบบ Laser focus ว่าคุณจะมีเงิน 1 ล้านบาทจากอะไร และเงิน 1 ล้านนั้นจะครบภายใน ‘วันที่เท่าไร’ ‘ของเดือนอะไร’ และ ‘ในปีพุทธศักราชไหน’! หยิบปฏิทินขึ้นมาแล้วจิ้มวันลงไปเลย เอาสติกเกอร์ Post-it เขียนจำนวนเงินและวันที่แล้วแปะไว้หน้าโต๊ะทำงานหรือหัวเตียงให้มันหลอกหลอนคุณอยู่แบบนั้น
ทำไมการตั้ง เป้าหมาย ที่ชัดเจนจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จ?
เป้าหมายเปรียบเสมือน นาฬิกาปลุก
คนที่ตื่นโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกนั้นน่านับถือ อันนั้นผมยอมใจ แต่สำหรับคนทั่วไปรวมทั้งผมยังต้องการนาฬิกาปลุกเพื่อทำให้เราลุกออกจากที่นอน ที่นอนเปรียบเสมือนพื้นที่ Comfort zone, การลุกขึ้นมาทำตามความฝันก็เช่นกัน ถ้ามนุษย์ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน จิตใจก็จะตกลงไปใน Confort zone อย่างง่ายดาย ผลที่ตามมาคือผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ เป้าหมาย จึงทำหน้าที่เป็น นาฬิกาปลุกคุณให้ลุกขึ้นมาทำภารกิจ
เป้าหมายเปรียบเสมือน เข็มทิศ
การเดินทางไปเรื่อย ๆ อย่างไร้เป้าหมาย ย่อมไม่มีวันไปถึง การทำตามความฝันของชีวิตก็เช่นกันครับ คุณต้องรู้ตัวว่าต้องการจะไปไหน และจะไปทางไหน ด้วยพาหนะอะไร การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน จะเป็นเข็มทิศที่แม่นยำให้คุณไปถูกทาง
เป้าหมายเปรียบเสมือน จุดรวมแสงบนแว่นขยาย
ลำพังแสงอาทิตย์ที่สาดลงมาบนพื้นกว้าง ๆ อาจทำให้ร้อนแต่ไม่ได้ทำให้ไหม้ แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณนำแว่นขยายมารวมแสงอาทิตย์ไว้ด้วยกันแล้วยิงไปที่กระดาษ เมื่อนั้นแสงจะมีความเข้มขนพอจนสามารถจุดไฟบนกระดาษได้
แสงอาทิตย์ เปรียบเสมือน ไอเดีย ตื่นเต้นและร้อนแรง แต่อานุภาพทำลายล้างต่ำหากขาดการรวมแสง ไอเดียของคุณจะฟุ้ง ๆ แล้วก็หายไปในอากาศในวันรุ่งขึ้น จนกว่าคุณจะตัดสินใจหยิบหนึ่งไอเดียมาโฟกัสในการลงมือทำอย่างจริงจังเพียงอย่างเดียว
3. Keep your feet moving ก้าววันละนิดทุกวัน
งานวิจัยของมหาวิทยาลัย University of Scranton พบว่าในบรรดาคนที่ตั้งเป้าหมายรายปีของตน มีเพียง 8% ประสบผลสำเร็จ อีก 98% ล้มเหลวไปไม่ถึงฝั่งฝัน! เพราะพวกเขาขาดปัจจัยประกอบเหตุนั่นคือ ความต่อเนื่อง หรือ Consistency
เคยมีการสังเกตุการณ์ของฝรั่งพบว่า คนที่ฝึกตีกอล์ฟวันละ 30 นาทีทุกวัน ก้าวหน้ารวดเร็วกว่าคนที่ฝึกตีกอล์ฟ 6 ชั่วโมงรวด แต่ฝึกเพียงสัปดาห์ละ 1 วัน เช่นเดียวกับนักวิ่งมาราธอนก่อนลงแข่งก็ไม่ได้ฝึกวิ่งทางไกลรวดเดียว แต่เขาฝึกวิ่งระยะสั้น ๆ ทุกวันและเพิ่มระยะทีละน้อย ๆ แต่ทำอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะลงแข่งวิ่ง มาราธอนใหญ่ที่จัดขึ้นเพียงวันเดียว เหล่านี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างของ Consistency
กล่าวคือ Consistency ก่อให้เกิด Advance progress และทุก ๆ Progress จะนำให้คุณเข้าใกล้ Goal (จุดหมาย) แต่คนจำนวนมาล้มเหลวจุดนี้เพราะอยากได้ผลลัพธ์เร็ว ๆ จึงเกิดสองพฤติกรรม ได้แก่ ‘ทุ่มสุดตัวจนหมดกำลังแล้วพบว่าไปไม่ถึงไหน’ กับ ‘เห็นหนทางอีกยาวไกลจึงไม่เริ่มแม่งเลย’
ในความเป็นจริงทุกอย่างใช้เวลา นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จใช้เวลาบ่มเพาะธุรกิจไม่น้อยกว่า 2-3 ปีเป็นอย่างเร็ว Jeff Bezos เจ้าของ Amazon.com มาทำกำไรเอาประมาณปีที่ 7 หรือ 8 หลังจากเปิดกิจการ, Tony Hsieh เจ้าของ Zappos.com ก็เช่นกัน หรือ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Facebook หลายคนอาจคิดว่ารวยเร็ว แต่กว่าจะมาถึงวันนี้คือ 14 ปี
หัวใจสำคัญข้อสุดท้ายจึงอยู่ที่ Consistency หรือ การลงมือทำอย่างต่อเนื่อง โดยเข้าใจว่าทุกอย่างมี เวลา ของมัน ดั่ง Warren Buffett มหาเศรษฐีหุ้นกล่าวไว้
“…You can’t produce a baby in one month by getting nine women pregnant…” — คุณไม่สามารถทำให้เด็กคลอดภายในเดือนเดียวโดยการทำให้ผู้หญิง 9 คนท้อง
เขียนแผนรายวัน รายสัปดาห์ช่วยได้
ในการเริ่มต้นทำตามความฝัน ซึ่งในบริบทนี้คือการทำธุรกิจส่วนตัว ในชีวิตคุณมีสิ่งที่จะต้องทำมากมาย ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ออกแบบสินค้า จัดหาผู้ผลิต ออกแบบสื่อการตลาด ทำระบบขาย ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นงานที่คุณต้องทำทุกวันในช่วงแรกที่ทรัพยากรและกำลังคนยังไม่มาก และสิ่งที่จะช่วยให้คุณก้าวเดินอย่างต่อเนื่องทุกวันคือการจัดการกับแผน To-do-list
To-do-list สิ่งเล็ก ๆ แต่ทรงพลัง ขอให้คุณจดและจำแนกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันไว้เป็นไดอารี่ และย้ำว่าทุกวันคุณต้องมีงานทำ เมื่อทำเสร็จแล้วขีดคร่อม อันไหนไม่เสร็จยกยอดไปต่ออีกวัน ติดตามงานของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หลังจากคุณเดินตามแผน To-do-list ไปสัก 1-2 สัปดาห์ เมื่อคุณย้อนกลับมาคุณจะประหลาดใจว่าชีวิตคุณมี Progress ไปได้ไกลและเร็วกว่าที่คิด
นี่คือความหมายของ พลังแห่งการลงมือทำวันละนิด แต่ทำทุกวัน…
สรุป
ไม่มีทาง ไม่มีจริง.. ทุกความสำเร็จมีหนทางเสมอ และเมื่อคุณค้นพบสิ่งที่อยากทำ อันดับแรกคือ ตั้งเป้าใหญ่ไว้ก่อน จากนั้น มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะทำอะไรและให้ได้ผลลัพธ์อย่างไร เช่น ออกสินค้ากี่ตัว มีลูกค้ากี่คน มียอดขายเท่าไร แล้วปักธงลงไปในปฏิทินว่าจะประสบผลนั้น วันที่เท่าไร เดือนไหน ปีไหน!
และสุดท้ายคือ ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องบ้าพลัง ไม่ต้องก้าวใหญ่เกินกำลัง แต่ขอให้ก้าวทีละก้าว ทุกวัน!
ผลงานการถ่ายภาพโดย Khun Punnatat Aussawakorncharaschai
cr. ceoblog
By Chaiyapon Chawanwanitchai
โฆษณา