25 ธ.ค. 2018 เวลา 05:14
2 คดีสุดช็อค!! ลูกฆ่าพ่อแม่ยกครัว
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2014 เว็บMthaiได้ยก2คดีตัวอย่างลูกฆ่าพ่อแม่ยกครัว เกิดคำถามว่า เหตุใด คนร้ายจึงกล้าก่อเหตุถึงขนาดนี้ มีเหตุอะไรจูงใจถึงต้องฆ่ายกครัว และถึงเวลาหรือยังที่ควรปฏิรูปกฎหมาย ให้มีบทลงโทษรุนแรงกว่านี้
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัว มักปรากฎให้เห็นมาตลอดในสังคมไทย ทั้งเรื่องผัวเมียฆ่ากันตาย พ่อแม่ฆ่าลูก รวมถึงเหตุสะเทือนขวัญ ลูกฆ่าพ่อแม่ ที่กรณีนี้ เป็นคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้น 2 ราย ติดต่อกันเพียงไม่นาน
ย้อนกลับไปดูคดีแรก นายโย  อายุ 18 ปี ลูกชายคนโตของครอบครัว ศรพรหม ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายภานุวัฒน์ ศรพรหม อายุ 44 ปี นางเยาวลักษณ์ ศรพรหม อายุ 41 ปี และนายภัทรยุทธ ศรพรหม อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่และน้องชาย เสียชีวิตคาบ้านพัก จ.ปทุมธานี
หลังเกิดเหตุเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ว่า น้องชายคนเล็ก เป็นผู้ลงมือฆ่า แต่สุดท้ายจำนนด้วยหลักฐาน ถูกจับกุมได้ สารภาพถูกแม่ดุด่าเรื่องผลการเรียนตกต่ำอย่างหนัก ทำให้โกรธแค้นและผูกใจเจ็บ วางแผนยิงแม่ แต่กลัวพ่อและน้องชายจะตื่นมาพบ จึงฆ่ายกครัว 3 ศพ
ที่น่าตกใจกว่านั้น คือ นายโย คิดวางแผนฆาตกรรมมาก่อนล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ ทั้งซื้อยานอนหลับมาเตรียมไว้ ก่อนลงมือ และวางลำดับเหตุการณ์ หลังก่อเหตุไว้อย่างดี และครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก พยายามก่อเหตุฆาตรกรรมหลายครั้ง  โดยคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหา “ฆ่าบุพการี”  โดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
เห็นได้ว่า พฤติกรรมความรุนแรง อาจมีผลมาจากแรงกดดันจากคนในครอบครัว ที่เด็กสะสมเก็บกดไว้มานาน มีลักษณะที่พ่อแม่อาจจะรักลูกไม่เท่า อาจเป็นเพราะลูกทำตัวเหลวไหล เกิดการเปรียบเทียบ จนกระทั่ง ถึงจุดแตกหัก ระบายออกด้วยความรุนแรง
คดีที่2 มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับคดีแรก คราวนี้เป็นน้องชายคนเล็ก ที่บงการฆ่าพ่อ แม่ และพี่ชาย ฆ่ายกครัว 3 ศพ เช่นเดียวกัน เป็นคดีสะเทือนขวัญที่หลายคนไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นซ้ำ
นายกิตตินันท์ หอมชง อายุ 22 ปี ลูกชายคนเล็ก รับสารภาพว่าร่วมกับนายศักรินทร์ พันธกุล อายุ 22 ปี หรือ กอล์ฟ นายฉลาด เที่ยงธรรม อายุ 53 ปี หรือป๊อด นายสุระพงษ์ ชูพันธ์ อายุ 47 ปี หรือ แอ๊ด วางแผนฆ่าพี่ชาย พ่อ และแม่ เพื่อหวังมรดก และน้อยใจที่ครอบครัวรักพี่ที่เป็นตำรวจมากกว่า
หลังเกิดเหตุ น้องชายให้สัมภาษณ์นักข่าว ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม เป็นสัญญาณให้สังคมตั้งข้อสงสัย ว่าอาจจะซ้ำรอยลูกฆ่าบุพการี จนสุดท้าย ฆาตรกรผู้บงการ ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นลูกในไส้ที่ถือกำเนิดมา
น่าสลดใจ กับจิตใจคนในปัจจุบัน ที่สามารถทิ้งครอบครัว ทิ้งคนที่รัก แต่เลือกที่จะเอาทรัพย์สินเงินทอง โดยไม่รู้จักเกรงกลัวกฎหมาย  หรือหากมองอีกแง่ ก็เป็นบาปหนากรรมหนัก บูชาเงินมากกว่าความกตัญญู  ซึ่งอาจจะต้องมีการพิสูจน์ว่า ผู้ต้องหามีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตหรือไม่
ปมการฆ่าที่มีการคิดไตร่ตรองไว้ก่อน บทสรุปโทษจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับกระบวนการทางกฎหมายหากจะบอกว่า สำนึกผิด คงไม่ใช่ แต่เป็นการจำนนด้วยหลักฐานเสียมากกว่า  ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า สมควรประหารชีวิตสถานเดียว ไม่ว่าจะไตร่ตรองอย่างดีหรือว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะหวั่นว่าต่อไป หากพ้นโทษกลับมาอยู่ร่วมกับสังคม ก็เป็นอันตรายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เหตุลูกฆ่าพ่อแม่ ยังถือเป็นคดีตัวอย่างที่สะท้อนถึงความอบอุ่นในครอบครัว
หากใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกถูกตำหนิ ขาดความรัก เกิดการเปรียบเทียบระหว่างพี่น้อง นั่นอาจจะเป็นสาเหตุของความรุนแรงตามมา รวมไปถึงทรัพย์สิน มรดกของครอบครัว ยิ่งมีมากยิ่งเสี่ยงต่อการแย่งชิง หากบูชาเงินมากกว่าสิ่งอื่นใด สุดท้ายก็ฆ่าได้แม้กระทั่งคนใกล้ชิด เป็นโศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า
บทความโดย “เพชรพิยะ”
โฆษณา